playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Wilderness รักฝังแค้น ไม่ใช่แนวโร้ดทริปล้างแค้นอย่างที่หวังไว้เลย (ไม่สปอยล์)

Wilderness

Summary

โดยรวมเป็นซีรีส์ที่คาดหวังว่าจะเป็นโร้ดทริป+ล้างแค้นฆาตกรรม แต่กลับไม่ใช่แบบนั้น กลายเป็นแนวหลบเลี่ยงคดีที่ตัวเอกเผลอก่อขึ้นไปตลอดทั้งเรื่อง แม้จะพยายามไต่ระดับให้เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื้อเรื่องกลับเสียเวลาไปมากมายหลายอย่างโดยไม่จำเป็น สิ่งที่ดีคือนางเอกสวยมีเสน่ห์ในบทนี้ที่ชวนให้ติดตามดูได้จนจบเท่านั้นครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวกลบร่องรอยอาชญากรรมของผู้หญิงที่โดนนอกใจ
  • นางเอกสวยมีเสน่ห์ แสดงได้ดี

Cons

  • เนื้อเรื่องเสียเวลาไปกับเรื่องไม่จำเป็นเยอะ
  • ไม่ใช่แนวโร้ดทริป (มีแค่ตอน 1)
  • ตัวละครในเรื่องนอกจากนางเอกดูโง่จนไม่ค่อยสมเหตุผล
  • ซาวด์แทร็คเพลงดังและใช้บ่อยเกินไป

 

Wilderness รักฝังแค้น ซีรีส์ amazon prime 6 ตอนจบ สร้างจากนิยายดัง เรื่องราวของคู่รักลิฟกับวิลที่ดูเพียบพร้อม แต่แล้วลิฟได้รู้ว่าสามีของเธอนอกใจ วิลขอคืนดีด้วยการนำเสนอโร้ดทริปทางไกล ซึ่งลิฟตกลงไปด้วยโดยหวังล้างแค้นเขาในที่แห่งนี้ 
Wilderness (2023) on IMDb

Wilderness รักฝังแค้น รีวิว ไม่สปอยล์

 

ซีรีส์ที่เริ่มต้นด้วยช่วงเวลาโร้ดทริปที่เต็มไปด้วยความแค้น และผู้ชมก็คาดหวังว่าจะได้เห็นช่วงเวลาการล้างแค้น ด้วยการวางแผนให้ดูเหมือนอุบัติเหตุ และก็คิดว่าต้องมีการหักมุมชิงไหวชิงพริบกันในเวลาต่อมา แต่ตัวเรื่องกลับนำเสนอต่างออกไปด้วยการให้ทริปเดินทางนี้เป็นแค่จุดเริ่มเล็กๆ เท่านั้น โดยฉากที่เหมือนนางเอกจะล้างแค้นมีแค่ฉากเดียวบนหน้าผา แต่หลังจากนั้นก็คือไม่มีอารมณ์หวาดเสียวให้เห็นอีกแล้วในทริปนี้ และยังใช้ทริปนี้แค่สั้นๆ เพียง 2 ตอนเท่านั้น ซึ่งค่อนข้างน่าผิดหวังที่ตัวเรื่องไม่ใช่แนวโร้ดทริปฆาตกรรมจริงๆ อย่างที่ตัวอย่างเรื่องย่อนำเสนอไว้เลย

เนื้อเรื่องหันไปเล่าในแนวทางกลบเกลื่อนคดีอาชญากรรมของนางเอกที่ก่อขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ใช่กับตัวละครวิล สามีที่นอกใจและเธออยากล้างแค้นในตอนแรก แต่เป็นตัวละครอื่นที่มาเกี่ยวข้องภายหลัง  ซึ่งตัวเรื่องเสียเวลาไปมากกับหลายๆ เรื่องที่ไม่จำเป็น อย่างการพยายามปูความสัมพันธ์ทั้งในอดีตกับปัจจุบันแบบยืดเยื้อมาก และยังใส่ฉากส่วนเกินเข้ามาเยอะอย่างฉากวิ่งของนางเอกที่ใส่เข้ามาหลายครั้ง พร้อมเสียงซาวแทร็คเพลงที่เธอฟังอยู่ดังจนน่ารำคาญมากในทุกๆ ครั้ง ซึ่งหลายๆ อย่างในเรื่องชวนให้ผู้ชมเบื่อได้ง่ายๆ แม้เรื่องราวจะมีความน่าสนใจว่านางเอกจะหลบเลี่ยงสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นได้ยังไง แต่ทางออกที่เรื่องนำเสนอในแต่ละครั้งแทบจะไม่สมเหตุผลให้น่าเชื่อได้เลย  อย่างการได้หลักฐานเกี่ยวข้องกับนางเอกมา แต่กลับคิดไปอีกทางว่าเป็นคนอื่น โดยต้องการให้เป็นจุดหักมุมของเรื่อง แต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม ดูแล้วรู้สึกว่าทีมตำรวจค่อนข้างโง่เกินจริงไปเลย

สิ่งที่ดีของเรื่องนี้คือตัวละครนางเอกที่แสดงโดย Jenna Coleman เธอสวยสมกับบทบาทที่ได้รับว่ายังมีคนทรยศนอกใจสาวสวยขนาดนี้ได้ง่ายๆ ซึ่งเธอแสดงในบทนี้จากซื่อๆ จนกลายเป็นร้ายระดับผู้บงการวางแผนทั้งหมด (mastermind)  ได้เป็นอย่างดี โดยมีบทของสามีที่แม้จะนอกใจแต่กลับทำตัวซื่อๆ ขอร้องอ้อนวอนคืนดีกับเธอตลอดทั้งเรื่อง ซึ่ง Oliver Jackson-Cohen เล่นได้ดี แต่บทมันทื่อๆ ซื่อๆ มากเกินจริงไปเท่านั้น

 

โดยรวมเป็นซีรีส์ที่คาดหวังว่าจะเป็นโร้ดทริป+ล้างแค้นฆาตกรรม แต่กลับไม่ใช่แบบนั้น กลายเป็นแนวหลบเลี่ยงคดีที่ตัวเอกเผลอก่อขึ้นไปตลอดทั้งเรื่อง แม้จะพยายามไต่ระดับให้เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื้อเรื่องกลับเสียเวลาไปมากมายหลายอย่างโดยไม่จำเป็น สิ่งที่ดีคือนางเอกสวยมีเสน่ห์ในบทนี้ที่ชวนให้ติดตามดูได้จนจบเท่านั้นครับ

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!