playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Godzilla 2: King of the Monsters

รีวิว Godzilla 2: King of the Monsters

สรุป

สำหรับคนดูทั่วไปและแฟนก็อตซิลล่า หนังเสิร์ฟความสนุกสนานแบบไม่บันยะบันยังตั้งแต่ต้นยันจบ แต่หนังมีข้อด้อยคือพาร์ทตัวละครมนุษย์ที่อ่อนแอ ถ้าดูเน้นความบันเทิงก็สามารถมองข้ามไปได้

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ฉากแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก
  • สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คต์สวยงาม
  • มีเซอร์วิสแฟนๆ หนังก็อตซิลล่าเยอะมาก

Cons

  • บทดราม่าครอบครัวที่พยายามเน้นแต่ขาดความน่าสนใจ
  • ความสมเหตุสมผลของตัวละครน้อย

Godzilla King of the Monsters ก็อตซิลล่าและผองเพื่อนกลับมาแล้ว

Godzilla 2 : King of the Monsters รีวิว

Godzilla King of the Monsters
ก็อตซิลล่า 2 ราชันแห่งมอนสเตอร์

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ของจักรวาลอสุรกายยักษ์ MonsterVerse กันแล้ว

ตัวหนังเล่าเรื่องต่อเนื่องโดยตรงจากหนังภาคแรก (ปี 2014) ของศึกใหญ่ใจกลางกรุงซานฟรานซิสโกระหว่างก็อตซิลล่าและมุโตะ ก่อความเสียหายและความสูญเสียอย่างมหาศาล แถมยังเป็นการเปิดตัวของสัตว์ประหลาดยักษ์แก่สายตาชาวโลกว่าพวกมันมีอยู่จริง องค์กรโมนาร์คที่ทำหน้าที่ศึกษาวิจัยสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ก็ต้องออกมายอมรับถึงเหตุผลที่พวกเขาปกปิดเรื่องสัตว์พวกนี้ไว้เป็นความลับ รอการไต่สวนจากสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า “ไททัน”

ตัวหนังเองก็เล่าเรื่องของครอบครัวที่ทำงานให้กับองค์กรโมนาร์ค สืบเนื่องจากเหตุการณ์ของศึกในหนังภาคแรก ทำให้ดร.มาร์กผู้เป็นพ่อต้องลาออกจากองค์กรและหย่าร้างกับภรรยา ดร.เอ็มม่า ทิ้งให้เธอเลี้ยงดูลูกสาว แมดิสัน อยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเกี่ยวกับงานวิจัยของดร.เอ็มม่าที่มีองค์กรก่อการร้ายที่มีความเกี่ยวโยงกับการปลดปล่อยเหล่าไททันที่จำศีลอยู่ทั่วโลก ซึ่งนำพาไปถึงการสูญพันธ์ของมนุษยชาติ

ก็อตซิลล่า 2

หนังเสิร์ฟความสนุกสนานแบบไม่บันยะบันยังตั้งแต่ต้นยันจบ เป็นมาราธอนแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดที่ซัดกันแบบจัดเต็ม 2 ชั่วโมง ฉากสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ที่ตระการตาและสวยงาม เป็นการอัพเกรดตัวละครไททันจากอดีตของหนังก็อตซิลล่า ให้ผงาดอย่างยิ่งใหญ่สมกับงบต้นทุนที่สร้างโดยสตูดิโออเมริกัน พูดได้เต็มปากว่าความบันเทิงที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือฉากต่อสู้ของเหล่าบรรดาไททันทั้งหลายก็ไม่ผิด ถึงแม้หนังจะมีโทนที่จริงจังซีเรียสพอๆ กับภาคแรก แต่ก็ยังสามารถลงจังหวะหยอดมุขจากบทพูดของตัวละครในเรื่องมาเรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้เรื่อยๆ

แถมหนังยังมีเซอร์วิสให้เหล่าบรรดาแฟนๆ ก็อตซิลล่าได้ยิ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นการหยอด Easter Egg ที่โยงไปถึงการคารวะหนังเวอร์ชั่นเก่ามากมาย ใครที่เป็นแฟนของหนังก็อตซิลล่าอยู่แล้ว ถ้าเก็ตสิ่งที่หนังตั้งใจแอบใส่มาจะต้องมีความสุขระหว่างรับชมแน่นอน หรือดนตรีประกอบของเวอร์ชั่นเดิมที่นำมาประพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งทำออกมาได้ยิ่งใหญ่จนน่าขนลุก

ก็อตซิลล่า และเหล่าบรรดาไททันตัวอื่นได้แก่ มังกรทองสามหัว คิง กิโดร่า,ราชินีแห่งสัตว์ประหลาด มอธร่า และ ปีศาจเพลิง โรแดน ต่างก็ได้มีบทบาทที่เด่นแตกต่างกันไปของตัวเอง ซึ่งพวกมันก็แสดงพลังของแต่ละตัวออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวละครไคจูคลาสสิกจากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนๆหนังก็อตซิลล่าทั่วโลก พลังความสามารถของแต่ละตัวได้ปล่อยออกมาจัดเต็มในซีเควนส์แต่ละช่วงของพวกมัน แต่ที่จะได้มีบทเด่นที่สุดของหนังเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าก็อตซิลล่าเอง และศัตรูคู่อริตลอดกาล คิง กิโดร่า ทั้งคู่เป็นดั่งแบทแมนและโจ๊กเกอร์ที่อยู่คู่กันมาตลอดถ้าหากกล่าวถึงตัวละครสัตว์ประหลาดคู่ต่อสู้ของก็อตซิลล่าตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ถ้าจะให้พูดถึงด้านลบของหนัง คงไม่พ้นพล็อตย่อยของตัวละครที่เกินความจำเป็น และค่อนข้างน่าเบื่อ ดราม่าครอบครัวที่หนังเล่ามาขาดความน่าสนใจจนพูดได้ว่าจืดสนิท หรือมันอาจถูกกลบด้วยบรรดาฉากแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดที่ถาโถมใส่หน้าคนดูแบบไม่ยั้งอยู่แล้ว ตัวละครมนุษย์ส่วนมากในหนังมิติแบนราบ เหมือนมีหน้าที่คือแค่ออกมาอธิบายข้อมูลแบบแข็งทื่อในแต่ละฉากที่ไททันแต่ละตัวปรากฎออกมา ถ้าหากรวมการบาลานซ์ของพาร์ทตัวละครมนุษย์และพาร์ทของเหล่าไททันแล้ว มันทำออกมาได้ค่อนข้างย่ำแย่

คิงกิโดร่า
คิงกิโดร่า มังกรสามหัวในเรื่อง Godzilla King of the Monsters

ท้ายหนังมีรายละเอียดเกริ่นนำไปภาคต่อ Godzilla vs. Kong ที่ฉายในเดือนมีนาคม ปี 2020 และมีฉากหลังเครดิตที่ต้องนั่งรอนานซักครู่ แต่สำคัญแน่นอน

อ่านรีวิวก็อตซิลล่าจากนักเขียนอื่นเพิ่มคลิกที่นี่

เว็บไซต์หลัก http://www.godzilla-movie.net/ 

https://www.monarchsciences.com/

เทรลเลอร์ Godzilla 2 King of the Monsters


จุดกำเนิดของ Godzilla “ราชันแห่งมอนสเตอร์”

เรื่องราวของภาพยนตร์ก็อตซิลล่าเรื่องแรก เริ่มต้นขึ้นด้วยเรือประมงหลายลำของญี่ปุ่นถูกจมหายอย่างลึกลับ ทำให้รัฐบาลส่งนักวิทยาศาสตร์เข้าไปตรวจสอบบริเวณหมู่เกาะที่เกิดเหตุ จนพบว่าเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่ชาวบ้านแถบหมู่เกาะขนาดนามว่า ก็อตซิลล่า ดั่งเทพที่เคยบูชาในสมัยก่อนของพวกเขา ก็อตซิลล่าได้บุกขึ้นฝั่งโตเกียวและอาละวาดทำลายอาคารบ้านเมืองเสียหายอย่างหนัก แม้แต่กองทัพทหารก็ไม่สามารถหยุดยั้งความดุร้ายของมันได้ จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์นามว่า ดร.เซริซาว่า ผู้ซึ่งคิดค้น ออกซิเจน เดสทรอยเยอร์ อาวุธลับทรงอานุภาพที่จะย่อยสลายทุกอย่างในบริเวณน่านน้ำ เซริซาว่าตัดสินใจนำเอาอาวุธนี้มาใช้เพื่อกำจัดก็อตซิลล่าและสละชีวิตของเขาเองไปพร้อมกับเจ้าอสูรร้าย เพื่อปกปิดสูตรลับของออกซิเจน เดสทรอยเยอร์ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนผิด หนังจบลงด้วยประโยคของ ดร. ยามาเนะ ตัวละครอีกคนในเรื่องที่กล่าวไว้ว่า “ถ้าหากยังมีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อยู่ ก็จะมีโอกาศที่จะเกิดก็อตซิลล่าตัวใหม่ขึ้นมาอีก” เป็นคำสอนเกี่ยวกับเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก่อนที่หนังจะจบลงพร้อมกับซากโครงกระดูกของก็อตซิลล่านอนอยู่ใต้มหาสมุทร

ก็อตซิลล่าจึงเป็นสัญญะตัวแทนของหายนะจากระเบิดนิวเคลียร์ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภาพของสัตว์ยักษ์คำรามสนั่นพร้อมเดินถล่มเมือง และแผดเผาทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยลำแสงนิวเคลียร์ จนบ้านเมืองราบเป็นหน้ากลอง แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยระเบิดปรมาณูที่ทิ้งลงฮิโรชิม่าและนางาซากิ

ทุกอย่างที่สื่อถึงนัยยะข้อความทางนิวเคลียร์ ยังแสดงออกมาทางรูปกายหน้าตาของตัวก็อดซิลล่าเอง ด้วยผิวหนังที่ขรุขระ ถูกเผาไหม้เกรียม เสมือนเหล่าผู้คนจริงที่ตกเป็นเหยื่อให้กับรังสีปรมาณูในฮิโรชิม่าและนางาซากิ ลำแสงของก็อตซิลล่าที่พ่นออกมาจากปากก็อตซิลล่า ไม่ใช่แค่เพลวไฟร้อนเหมือนมังกรแต่เป็นลำแสงที่มีละอองนิวเคลียร์อานุภาพร้ายแรง มากไปกว่านั้นตัวของก็อตซิลล่าเองยังมีการปนเปื้อนของรังสีจากร่างกายของมัน ไม่ว่ามันจะเดินเหยียบไปที่ใดก็จะทิ้งร่องรอยปนเปื้อนของรังสีนิวเคลียร์อยู่เสมอ

ภาพยนตร์ได้ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งรายได้และคำวิจารณ์ภายในประเทศญี่ปุ่น ตัวหนังได้ออกจัดจำหน่ายฉายที่สหรัฐอเมริกาในชื่อ Godzilla King of the Monsters (1954) อันเป็นจุดกำเนิดแรกของชื่อ “ราชันแห่งมอนสเตอร์” ในภาคใหม่นี้เช่นกัน

ซึ่งต่อภาพยนตร์ก็อตซิลล่าปี 2014 เป็นการปลุกชีพราชันแห่งสัตว์ประหลาดอีกครั้ง โดยสตูดิโอจากอเมริกัน Legendary Pictures หลังจากที่ค่ายต้นสังกัดจากญี่ปุ่นให้มันหลับพักพ่อนไปนานถึง 10 ปีเต็ม ฮอลลีวูดได้กลับมาสร้างภาพยนตร์ก็อตซิลล่าอีกครั้งในแบบที่จริงจัง และพยายามคงความดั้งเดิมแบบก็อตซิลล่าของญี่ปุ่นเอาไว้ให้ชัดเจนที่สุด

โดยก็อตซิลล่าในหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดแบบเดียวกับเวอร์ชั่นต้นฉบับของญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากไดโนเสาร์กลายพันธุ์เพราะระเบิดปรมาณู แต่ครั้งนี้มันเป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มานานก่อนจะกำเนิดยุคของไดโนเสาร์เสียอีก ซึ่งมันหลับจำศีลอยู่ได้โดยการดูดกลืนรังสีจากใต้โลกเป็นอาหาร ความหมายของก็อตซิลล่าในหนังเรื่องนี้จึงอาจเปรียบถึง ตัวแทนของโลกหรือตัวแทนธรรมชาติที่อยู่อาศัยมานานก่อนกาล มันเป็นดั่งพลังแห่งธรรมชาติเปรียบเสมือนสึนามิหรือพายุเฮอริเคน ที่มนุษย์ไม่อาจต่อสู้หรือหยุดยั้งมันได้อย่างที่ ตัวละคร ดร.เซริซาว่า พูดประโยคเด็ดประจำหนังเอาไว้ว่า “ความหยิ่งยโสของมนุษย์คิดว่าตัวเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้, ปล่อยให้พวกมันสู้กัน”มนุษย์ตัวเล็กจ้อยทำได้แค่เพียงแค่ยืนดูพวกมันต่อสู้กันอยู่ไกลๆ

ผู้กำกับแกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดยังเลือกให้ฉากเปิดตัวครั้งแรกของก็อตซิลล่า ในหนังของเขาเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซัดถล่มเข้าเมือง ก่อนที่ราชันแห่งสัตว์ประหลาดจะผงาดเดินขึ้นมาบนชายหาด หรือแม้แต่ฉากที่ MUTO สิ่งมีชีวิตปรสิตโบราณที่กินรังสีเป็นอาหาร ได้เอาระเบิดนิวเคลียร์  อาวุธที่สุดทรงพลังของมนุษย์มาเคี้ยวกลืน เหมือนกับว่ามันไม่มีผลร้ายอะไรนอกจากแค่อาหารกินเล่นของมัน

นอกจาก Godzilla (2014) จะเป็นการรีบู้ตเรื่องราวในจักรวาลใหม่ของตัวเองแล้ว ยังมีตัวละครสัตว์ประหลาดอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาแจมในภาพยนตร์ภาคต่อ ซึ่งช่วยเสริมการขยายจักรวาล MonsterVerse ไปในตัว เช่นเดียวกับที่ตัวละคร ดร.ฮิวสตัน บรูคส์ ได้กล่าวเอาไว้ในฉากท้ายเครดิตของหนัง Kong : Skull Island ภาพยนตร์ลำดับที่ 2 ของจักรวาล MonsterVerse พร้อมกับฉายบันทึกของผนังถ้ำโบราณ ที่ปรากฎภาพของก็อตซิลล่าและไททันทั้งสามได้แก่ ผีเสื้อยักษ์ มอธร่า, นกยักษ์ โรแดน และมังกรสามหัว กิโดร่า เหล่าอสุรกายยักษ์ผู้เคยครอบครองโลกใบนี้มาก่อนมนุษยชาติเมื่อหลายล้านปีก่อน และศึกระหว่างก็อตซิลล่ากับกิโดร่าที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตกาลอิงจากภาพบนฝาผนัง

ไอเดียเกิดขึ้นมาจากแนวคิดของสตูดิโอโตโฮที่ว่า “ต้องการสร้างหนังสัตว์ประหลาดที่แตกต่างออกไปจากทุกเรื่องที่เคยมีมา” ทำให้เกิดหนังที่เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างของหนอนยักษ์ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะดักแด้ จนมาเป็นร่างผีเสื้อยักษ์โตเต็มวัย ทุกยุคของหนังที่ผ่านมา มอธร่า มีบทบาทเป็นผู้ปกป้องหรือผู้พิทักษ์มาตลอด ที่อยู่อาศัยของมันคือเกาะอินแฟนต์ที่ซึ่งมีชนเผ่าคอยเคารพนับถือมันเป็นดั่งเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษา จนกระทั่งเหตุการณ์ในหนังมีกลุ่มมนุษย์มาค้นพบและสำรวจที่เกาะแห่งนี้ ต้วร้ายประจำเรื่องได้ลักพาตัวฝาแฝดภูติจิ๋วที่มีชื่อเรียก โชบิจิน ออกไปจากเกาะเพื่อนำไปแสดงโชว์ โชบิจินเปรียบเป็นดั่งตัวแทนสื่อกลางของมอธร่า ที่จะพูดอธิบายให้มนุษย์เข้าใจถึงการกระทำของมอธร่า และร้องเพลงเพื่อเรียกหามอธร่าเพื่อขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน ทั้งสองฝาแฝดร้องเพลงเรียกหามอธร่าจนกระทั่งหนอนตัวอ่อนปรากฎตัวที่ญี่ปุ่น คลานผ่านบ้านเมืองพังเสียหายอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพื่อที่จะไปช่วยสองภูติแฝด ในขณะที่ตัวละครมนุษย์ฝ่ายดีก็เร่งรีบไปช่วยเหลือภูติจิ๋วทั้งสองที่ถูกลักพาตัว กองทัพทหารก็พยายามที่จะต้านหนอนยักษ์เอาไว้จากการทำลายบ้านเมือง จนในที่สุดหนอนยักษ์มอธร่าก็สร้างดักแด้ที่หอคอยโตเกียวทาวเวอร์ และสยายปีกเติบโตออกมาเป็นผีเสื้อร่างโตเต็มวัย

มอธร่ากลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมและแฟนทั่วโลกเทียบเท่ากับก็อตซิลล่า มันกลายเป็นตัวละครสัตว์ประหลาดสุดคลาสสิคที่ได้ออกมาโผล่มีบทบาทในหนังของก็อตซิลล่าอีกหลายเรื่อง หลังจากการพบเจอกันครั้งแรกในหนังครอสโอเวอร์จักรวาลภายในค่ายเรื่องแรกของสตูดิโอ โตโฮ

คิง กิโดร่า เป็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฎตัวหลายครั้งในหนังของก็อตซิลล่าและมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกันในแต่ละเวอร์ชั่น โดยในเวอร์ชั่นต้นฉบับของปี1964 คิง กิโดร่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่เคยทำลายอารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวมาก่อนแล้ว ก่อนที่จะเดินทางมาทำลายดาวโลกเป็นเป้าหมายต่อไป เมื่อกิโดร่าเยือนถึงดาวโลกมันได้แสดงพลังสยายปีกที่ใหญ่โต สร้างลมพายุทำลายอาคารบ้านเรือนเสียหาย และหนักไปกว่านั้นมันยังปล่อยลำแสงสายฟ้าชื่อ Gravity Beam ซึ่งสามารถยิงได้ออกจากทั้งสามหัว

ในยุคเฮเซย์ปี1991 หนังเรื่อง Godzilla vs. King Ghidorah ต้นกำเนิดของกิโดร่ามาจาก โดแรท สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมทั้งสามตัวจากโลกอนาคต ถูกย้อนเวลานำไปปล่อยสถานที่ในอดีตซึ่งก็อตซิลล่าซอรัสจะต้องถูกระเบิดจนกลายพันธุ์เป็นก็อตซิลล่า ซึ่งเหล่าโดแรทได้ถูกระเบิดปรมาณูกลายพันธุ์เป็น คิง กิโดร่า มังกรทองสามหัวแทน

คิง กิโดร่ายังเคยได้รับบทบาทเป็นสัตว์ประหลาดเทพผู้พิทักษ์ในหนัง Godzilla,Mothra and King Ghidorah : Giant Monsters All out Attacks ในปี 2001 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กิโดร่าได้มีบทของฝั่งตัวดี เป็นเทพมังกรพันปีที่ร่วมผนึกพลังกับมอธร่าและบาราก้อน เพื่อต่อกรกับปีศาจร้าย ก็อตซิลล่า ซึ่งฟื้นขึ้นในรูปแบบที่โหดเหี้ยมอำมหิตกว่าเดิม

เรื่องราวของเหมืองแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเกิดเหตุคนงานในเหมืองถูกฆาตกรรมโดยไม่รู้สาเหตุจนต้องส่งคนลงไปสืบ ทว่าสิ่งที่ฆ่าคนงานในเหมืองไม่ใช่คนแต่เป็นแมลงยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ เมกานิวลอน ซึ่งคาดว่าการขุดเหมืองใต้ดินไปปลุกให้พวกมันตื่นขึ้น คามูระ ตัวเอกของเรื่องได้ลงไปใต้ดินเพื่อกำจัดแมลงยักษ์พร้อมกับคนอื่นๆ แต่เกิดเหตุถ้ำถล่มทำให้เขาต้องติดอยู่ภายในเหมืองลึก และค้นพบภายหลังว่า ลึกลงไปใต้ดินนั้นมีไข่ขนาดมหึมาอยู่ ไข่ใบนั้นฟักออกมาเป็นลูกนก โรแดน (หรือจะเรียก ราด้อน ตามชื่อของญี่ปุ่นก็แล้วแต่) ลูกนกโรแดนจิกกินแมลงเมกานิวลอนเป็นอาหาร แสดงถึงขนาดที่ใหญ่โตของมันเมื่อเทียบกับพวกแมลงยักษ์ที่เป็นภัยของมนุษย์ เจ้านกยักษ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมโผบินออกไปหาอาหารภายนอกถ้ำ แค่การกระพือปีกของโรแดนก็สามารถสร้างลมพายุอย่างหนักให้กับเมืองที่มันบินผ่านไปมา เป็นสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถเหมือนพายุไต้ฝุ่นที่มีชีวิต

เช่นเดียวกับสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ของญี่ปุ่น โรแดน คือเป็นสัญลักษณ์การเปรียบเทียบเสมือนตัวแทนพลังแห่งธรรมชาติที่ประเทศประสบพบเจออยู่บ่อยครั้ง ในภายหลังโรแดนกลายมาเป็นตัวละครสัตว์ประหลาดที่มีความนิยมสูงพอๆกับก็อตซิลล่าและมอธร่า อีกทั้งยังได้ปรากฎตัวหลายครั้งในหนังของก็อตซิลล่าเรื่องต่อๆ มา

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!