playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

The Platform สปอยล์ ตีความ วิเคราะห์ตอนจบ กับหนังคัลท์ชวนขมวดคิ้ว

The Platform สปอยล์ หนังคัลท์สัญชาติสเปนที่ Netflix ซื้อมาฉาย และกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากในขณะนี้ กับสิ่งที่ตัวหนังสื่อออกมาได้เสียดสี และต้องผ่านการตีความ ด้วยบทล้ำ ชวนให้เราตั้งคำถามถึงระบบความเป็นไปของโลกใบนี้เลยทีเดียว

ในบทความนี้ก็จะวิเคราะห์ และสปอยล์ เนื้อหาไปในทีละส่วนของตัวหนัง ซึ่งมันต้องใช้ความคิดและการตีความ เลยขอบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่ตรงกับความคิดของทุกคน เพราะตัวหนังเองไม่เฉลยอะไรมาก มันชวนให้เราฉุกคิด และคิดต่อไปเองเสียมากกว่า ถ้าหากใครยังไม่ได้ดูแล้วล่ะก็ แนะนำให้ไปดูก่อนได้ใน Netflix หรืออ่านรีวิวได้ที่นี่

The Platform สปอยล์
The Platform สปอยล์ ตีความ วิเคราะห์ตอนจบ

The Platform สปอยล์ หลุม คืออะไร?

ในตัวหลุมแพลตฟอร์มนี้ มันเป็นการอุปมาอุปมัย จำลองเกี่ยวกับระบบสังคมของมนุษย์ในปัจจุบันให้เห็นภาพง่ายๆ ซึ่งไอ้ตัวหลุมนี้ตั้งอยู่ใน Future Distopia เป็นโลกอนาคตที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า Utopia ดินแดนในอุดมคติ เป็นโลกที่ทรัพยากรมีจำกัด และอารยธรรมต่างๆ ผิดเพี้ยนและบิดเบี้ยว

เราจะได้ติดตามชีวิตของ โกเรง ตัวเอกของเรื่อง ที่ต้องเข้ามาอยู่ในคุกที่เรียกว่า “หลุม” มีทั้งหมด 333 ชั้น (เท่ากับว่านักโทษทั้งหมดมี 666 คน SATAN NUMBER) เขาอาสาเข้ามาอยู่ในนี้เพราะว่า เขาต้องการวุฒิการศึกษา และต้องการเลิกบุหรี่ แต่แล้วเขาก็พบว่าเขามาอยู่ในที่ๆ ไม่ควรจะอยู่เลย

ในแต่ละชั้น นอกจากชั้น 0 จะมีนักโทษประจำแต่ละชั้นอยู่ 2 คน และแท่นอาหาร ก็จะถูกส่งต่อ จากชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง ซึ่งชั้น 0 นั้น เป็นที่ๆ พวกชนชั้นสูง หรือมีสิทธิพิเศษบางอย่าง ได้อยู่ตรงนั้น พวกเขาก็จะคอยทำอาหาร เพื่อส่งลงไป เปรียบเปรยได้ว่าพวกเขาคอยสร้างระบบต่างๆ ให้คนที่อยู่ชั้นล่างลงมา คอยควบคุมทุกอย่างอยู่

แท่นอาหารจะหยุดพักในแต่ละชั้น เป็นเวลา 2 นาที ซึ่งในเวลานั้น นักโทษสามารถกินอาหารจากแท่นได้ ถ้าหากว่าคนชั้นบน กินอาหารเยอะ ชั้นล่างๆ อาหารก็จะเหลือน้อย ทำให้ผู้คนชั้นล่างๆ อดอยาก และหาทางเอาตัวรอดเอาเอง หรือต้องรอกินเศษอาหารจากคนชั้นบน ซึ่งมันเหมือนกับ Point หลักของตัวหนังที่ต้องการสื่อว่า พวกที่อยู่ข้างบนได้อยู่อย่างสบาย แต่คนข้างล่างก็ต้องดิ้นรนเอาเอง หรือรอรับเศษเหลือจากข้างบน

ในตัวหนังพยายามจะสื่อว่า ถ้าหากทุกคนกินอย่างเพียงพอ มันก็จะมีอาหารเหลือสำหรับทุกคน ในทุกๆ ชั้น แต่คุณก็คงจะเดาได้ว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนั้น เพราะคนชั้นบนๆ เมื่อมีโอกาส เขาก็ต้องตักตวง กินของดีๆ ให้ท้องอิ่ม สนแต่ตัวเอง โดยไม่ต้องไปคำนึงถึงคนที่อยู่ล่างกว่า เพราะว่า คนที่อยู่ข้างบนของเรา ก็ไม่ได้สนใจเรา เป็นเหมือนการกระทำต่อกันเป็นทอดๆ

เราจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ สถานการณ์ โควิด-19 ระบาด สินค้าขาดแคลน เริ่มตุนของ ในต่างประเทศเราจะเห็นไวรัลคลิปที่ถูกส่งต่อกันมา ที่เป็นคลิปของคนสองคน ตบตีกันเพื่อแย่ง “กระดาษชำระ” มันแสดงให้เห็นว่า คนเรา “เอา” สิ่งที่พวกเขาต้องการ มากกว่าความจำเป็นของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น แค่เพียงกระดาษชำระก็ยังต้องแย่งกันจะเป็นจะตาย ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อได้อย่างน่ากลัวเลยทีเดียว

สิ่งที่ Platform ต้องการจะสื่อความหมาย

The Platform สปอยล์ Miharu

“โลกนี้มีคนอยู่ 3 ประเภท คนชั้นบน คนชั้นล่าง และคนที่ร่วง” บทพูดแรกของหนังที่อธิบายเนื้อหารวมๆ ให้เข้าใจได้ง่าย โดยคนที่ร่วงในที่นี้ มี 2 ความหมาย นั่นก็คือ
1.ร่วงลงไประหว่างชั้นจนตายจริงๆ กับ
2.คนที่ต้องการลงไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เหมือนกับโกเรงและบาฮารัตในพาร์ทสุดท้ายของหนัง อีกความหมายหนึ่งของคำพูดนี้หมายถึง
1.คนประเภทที่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง
2.คนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ทำไม่ได้
3.คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง แม้จะแลกกับชีวิตตัวเองก็ตาม

สิ่งที่เราเห็นในหนังตลอดทั้งเรื่อง คือการสื่อถึงความโลภของ “ตัวเอง” ที่จะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เสียหาย โดยไม่รู้ตัว โดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม กลายเป็นว่าเราจะได้ติดตามพฤติกรรม ของคนกลุ่มหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวของสังคมด้วยการเอาตัวรอดแบบสุดโต่งภายในเรื่องนี้ และทำให้เราฉุกคิดว่า ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับตัวละครในเรื่อง เราจะทำยังไง?

โกเรง ถูกส่งลงมาแรกเริ่มในชั้นที่ 48 ซึ่งเขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชั้น เป็นชายแก่นามว่า ทริมากาซี กฏของหลุมนี้ก็คือ ทุกคนสามารถให้นำสิ่งของ 1 ชิ้น จากโลกภายนอก เข้ามาในหลุมนี้ ซึ่งลุงทริมากาซี ได้เลือกมีดซามูไรพลัสที่เขาถูกหลอกให้ซื้อ มันสะท้อนถึงตัวตนของคนที่พยายามจะก้าวหน้า นำคนอื่นอยู่ตลอดเวลาโดยไม่สนวิธีการ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาเองก็ตกเป็นเหยื่อของคนที่ต้องการนำหน้าคนอื่นอีกทีด้วยการหลอกลวง

สาเหตุที่ตาลุงนี่เข้ามาอยู่ในคุก เพราะว่าเขาโมโหที่ถูกหลอกขายมีด จึงได้ทุ่มทีวีเข้าใส่หัวของคนต่างด้าวจนตาย แต่เขาก็ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความตายของผู้อื่นจนเข้ามาอยู่ในหลุมแห่งนี้

บทวิเคราะห์

The Platform สปอยล์ อาหารเหลือจากชนชั้นบน

ถ้าหากว่าในเรื่อง ส่งผ่านอาหารให้แต่ละชั้น เท่าๆ กัน โดยไม่ผ่านแท่น ทุกคนก็จะเท่าเทียมกันและไม่อดอยาก แต่แท่นอาหารนี้ เปรียบได้กับ เครื่องมีที่คนชั้นบน ออกแบบ และควบคุม เพื่อรักษาอำนาจไว้ เห็นได้ว่าคนชั้นบน จะไม่ฟังคนชั้นล่าง กลับกัน ถ้าคนชั้นบนใช้อำนาจ และออกคำสั่ง คนชั้นล่างกว่าก็จะฟัง เหมือนกับที่โกเรงบอกกับคนชั้นใต้เขาว่า ถ้าไม่กินดีๆ จะอุจจาระใส่อาหารไม่ต้องได้กินกันพอดี ซึ่งในหนังก็ได้พูดถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วยว่า ถ้าหากทุกๆ สิ่งมีความเท่าเทียมกันมากกว่านี้ เราก็จะอยู่ในสังคมที่ยุติธรรม มีความเท่าเทียม และไม่มีคนอดอยาก

The Platform สปอยล์ ทริมากาซิ ชายแก่ชวนสยอง

แต่ลุง ทริมากาซิ เป็นตัวแทนสะท้อนให้เห็นถึงคนอัตตาบังหน้า ที่มองคนอื่น “ไม่เท่ากัน” และต้องการโอกาส ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แม้จะต้องกินคนก็ตาม สังเกตุได้ว่า เมื่อเขาอยู่ชั้นบน เขาก็จะปฏิบัติตัวกับคนชั้นล่างแบบ ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ทั้งถุยน้ำลายใส่อาหาร หรือกระทั่งฉี่รดลงไปชั้นล่าง เป็นเพราะว่าเขามีอำนาจอยู่ แม้เพียงจะเล็กน้อย แต่เขาก็อยู่ข้างบนกว่าไป 1 ชั้น และคนข้างบนก็คงไม่สนเขาเหมือนกัน

เราเห็นได้ว่า ผู้คนที่อยู่บนชั้น 0 ไม่แม้แต่จะสนใจ หรือรับรู้สถานการณ์ของชั้นล่างๆ เพียงแค่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง อย่างในพาร์ทของ Imoguiri ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ให้กับหลุม แต่ถูกส่งลงมาในหลุมเอง เธอก็ยังไม่รู้ว่าหลุมนั้นมีกี่ชั้นกันแน่ และไม่รู้ว่าในหลุมนี้ การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่มันโสมมขนาดไหน

สิ่งที่ทำให้ Imoguiri เข้ามาอยู่ในหลุม เพราะว่าต้องการรักษามะเร็ง โกเรงก็ต้องการวุฒิการศึกษา ส่วนทริมากาซิก็ต้องการอิสระภาพ เป็นเหมือนกับรางวัลของผู้ที่อดทน แต่นั่นคือการฝันลมๆ แล้งๆ และเป็นสัญญาปากเปล่าหรือเปล่า? เพราะส่วนใหญ่เราก็น่าจะเห็นได้ว่าพวกนักโทษถูกส่งไปชั้นสุ่มๆ และก็ตายอย่างอนาถจากการอดอาหาร หรือฆ่ากันเองเพื่อกิน มองให้ชัดๆ มันก็คือระบบทุนนิยมที่จะให้รางวัลกับคนที่ทำงานหนัก แต่ก็ต้องพบกับความจริงที่ว่ามันค่อนข้างโหดร้าย และไม่ยุติธรรมในหลายๆ อย่าง

ดองกิโฆเต้? 

The Platform สปอยล์ Don Quixote

เราได้เกริ่นไปแล้วว่า คนที่เข้ามาอยู่ในหลุมจะนำของติดตัวมาได้ 1 อย่าง ซึ่งพระเอกของเรา โกเรง ได้เลือกหนังสือเล่มหนึ่งเข้ามา นั่นก็คือเรื่อง ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน (Don Quixote de La Mancha)

ในหนังสือ เป็นเรื่องราวของขุนนางสูงอายุที่คลั่งไคล้ในนิยายอัศวินจนถึงขั้นขายที่ดินเพื่อซื้อหนังสือ และสุดท้ายเขาก็ได้ตั้งตนเป็นอัศวินนามว่า ดองกิโฆเต้ เพื่อรับใช้ชุมชนของเขาแม้ว่าเขาจะไม่เคยเป็นมาก่อน และแก่มากแล้วก็ตาม ซึ่งเรื่องในหนังสือก็คล้ายๆ กับบทของตัวเอกอย่างโกเรง

ดองกิโฆเต้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ว่าแก่แล้ว กะโหลกกะลา ไม่มีประสบการณ์เป็นอัศวิน ยังเสนอหน้ามาเป็น แถมอายุก็มากแล้ว ทำตัวบ้าๆ แม้ทุกคนจะพูดอย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาทำอยู่ ทำให้เขามีความรู้ในการที่จะช่วยเหลือผู้อื่น

ในหนังตอนแรก โกเรงปฏิเสธทีจะกินอาหารเหลือจากชั้นอื่น แต่ด้วยความหิวเขาจึงต้องกิน และยอมแพ้ให้กับระบบส่งอาหารผ่านแท่น เหมือนกับมันกำลังจะบอกว่า เมื่อคนอื่นๆ ทำแบบนี้ ฉันก็ทำได้ และทำต่อกันเป็นทอดๆ

สิ่งที่โกเรงทำเหมือนกับดองกิโฆเต้ ก็คือกาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงความไม่ยุติธรรมในหลุม เพื่อให้ทุกคนได้มีกิน และจัดการกับระบบบ้าๆ อันเน่าเฟะนี้

เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงหนึ่ง โกเรงได้พบกับ มิฮารุ หญิงสาวที่นั่งลงมากับแท่นให้อาหารเพื่อตามหาลูกชายที่อาจจะอยู่ในคุกแห่งนี้ ซึ่งเธอเปรียบเหมือนกับคนที่สังคมไม่เหลียวแล แม้ยืนหยัดต่อสู้ด้วยตัวเอง  แต่ทริมากาซิและคนอื่นๆ ก็โทษเธอว่า ที่เธอเป็นแบบนี้ เพราะตัวเธอเอง ถ้าหากเรามองจริงๆ เราจะเห็นได้ว่า ระบบมันบีบบังคับให้เธอต้องสู้เพื่อตัวเธอเองต่างหาก

ซึ่งมันเชื่อมโยงกับความคิดของทริมากาซิ เมื่อทั้งเขาและโกเรง ถูกส่งมายังชั้น 171 ชั้นที่อาหารไม่เหลือตกมาถึงและต้องอยู่อย่างอดอยาก แต่ทริมากาซิเขามั่นใจว่าจะไม่อดตายแน่ๆ เพราะเขามัดโกเรงติดกับเตียงไว้และจะใช้มีดเฉือนเนื้อของโกเรงเพื่อประทังชีวิต โดยเขาโทษว่ามันเป็นความผิดของระบบ ที่บังคับให้เขาต้องทำแบบนี้ ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อยที่เขาฆ่าและกินคน แต่เป็นโชคดีของโกเรง ที่มิฮารุลงมากับแท่นอาหารและช่วยชีวิตเขาได้ทัน ทำให้โกเรงเป็นฝ่ายที่จะต้องกินทริมากาซิเพื่ออยู่รอดแทน ทำให้โกเรงมองเห็นมุมมองชีวิตของเขาว่าการจะเอาตัวรอดได้ต้องทำแบบนั้นจริงๆ ต้องหาอะไรกิน ซึ่งเรื่องนี้มันก็สอนอีกว่า อย่าตัดสินคนเพียงผิวเผิน เพราะเราไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง

โกเรงตื่นขึ้นมาอีกทีในชั้นที่ 33 กับเพื่อนร่วมชั้น Imoguiri พนักงานที่เคยสัมภาษณ์เขาก่อนที่จะถูกส่งเข้ามายังหลุม แต่ต้องมาอยู่ในคุกหลุมนี้เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และมีความผิดฐานส่งคนมาอยู่ในนี้ ด้วยความรู้สึกผิด เธอจึงได้ใช้สิทธิพิเศษในการเลือกเพื่อนร่วมชั้น เข้ามาช่วยโกเรง

เสียงที่ไปไม่ถึง

The Platform สปอยล์ Imoguiri

Imoguiri พยายามบอกคนที่อยู่ชั้นล่างเธอให้เหลืออาหารให้ชั้นต่อๆ ไป กินแต่พอดี แต่คนเหล่านั้นไม่เคยฟัง แต่กลับกัน โกเรงได้บอกสิ่งเดียวกับเธอ แต่เพิ่มเติมด้วยการขู่เข้าไปว่าจะอุจจาระใส่อาหารซะ พวกเขาก็เชื่อฟัง เป็นเพราะว่าโกเรงอาจจะทำจริง และเขาอยู่ชั้นเหนือกว่า กลับกันถ้าโกเรงขู่พวกชั้นบน ชั้นบนก็จะไม่ฟัง เพราะเขาไม่สามารถส่งอะไรขึ้นไปได้ ในเหตุการณ์นี้บ่งบอกเราว่า ถ้าหากคนชั้นบนพูด คนชั้นล่างจะฟังก็ต่อเมื่อมันจะเป็นปัญหาสำหรับตัวเอง เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงทุกๆ สิ่ง ในระบบโครงสร้างของสังคมให้ไปทางที่ดีขึ้น มันควรที่จะเริ่มจากชั้นบนลงล่าง

1 เดือนผ่านไป โกเรงถูกย้ายจากชั้น 33 ลงมาชั้น 202 และพบว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาได้ฆ่าตัวตายเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอาหารให้โกเรงจนเขารอดและถูกย้ายขึ้นไปบนชั้น 6 จนได้พบกับบาฮารัต

ความตั้งใจของบาฮารัตคือการปีนขึ้นไปและหนีออกจากคุกแห่งนี้ แต่การจะปีนขึ้นไปได้ ต้องได้ความยินยอมจากข้างบน ซึ่งเขาก็ลองขอดู แต่กลายเป็นว่าถูกอุจจาระใส่หน้าเต็มๆ

ด้วยความคิดอยากจะเปลี่ยนแปลง โกเรงจึงได้บอกกับบาฮารัตว่าเขาต้องการจะทำลายระบบบ้าๆนี้ และทำให้อาหารถึงท้องทุกคนโดยการนั่งแท่นอาหารลงไปแต่ละชั้น และแจกจ่ายมันด้วยตนเอง เหมือนกับว่า ในการเปลี่ยนแปลง แม้เรามีความคิด เราอาจจะทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าเราทำด้วยกัน มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่าง

The Platform สปอยล์ บาฮารัต และโกเรง เกือบเอาชีวิตไม่รอด

แม้ในความตั้งใจแรกของทั้งสองคนคือการทำให้อาหารไปถึงชั้นสุดท้าย แต่ด้วยการแนะนำจากผู้เฒ่า พวกเขาจึงต้องทำการส่งสารบางอย่างเพื่อให้พวกด้านบนรับรู้และต้องการความเปลี่ยนแปลง ด้วยการเก็บอาหารชิ้นหนึ่งไว้ในสภาพสมบูรณ์และส่งมันขึ้นไปให้ได้ สิ่งนั้นคือของหวานที่เรียกว่า พานาคอตต้า

ในระหว่างทางลงไปแต่ละชั้นที่ทั้งสองได้ลงไป จะมีอยู่ชั้นหนึ่งที่เห็นนักโทษนำเงินติดตัวมา แต่มันไม่มีประโยชน์เลยเมื่ออยู่ในนี้ แสดงให้เห็นว่า บางอย่าง เงินก็ซื้อไม่ได้ และเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่าง

วิเคราะห์ตอนจบ

ในชั้นสุดท้าย โกเรงและบาฮารัต ได้พบกับเด็กสาว ที่ดูเหมือนจะเป็นลูกของมิฮารุ และพวกเขาก็ได้ให้พานาคอตต้า ที่ในความตั้งใจแรกมันคือสารที่จะส่งไปยังชั้นบนให้แก่เด็กสาว แม้ว่าพวกเขาจะปกป้องมันมาตลอดทางจนถึงชั้นสุดท้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ตาม

หลังจากบาฮารัตตาย โกเรงได้พาเด็กสาวไปบนแท่นและส่งเธอกลับขึ้นไป เพราะตอนนี้เธอเปรียบได้เหมือนกับสารที่ทรงพลัง ขึ้นไปเพื่อให้คนชั้นบนได้ทราบบางสิ่งบางอย่าง เปรียบเปรยได้กับโกเรง เป็นตัวแทนผู้ใหญ่ ที่ควรจะสอนเด็กรุ่นใหม่ ที่จะเป็นอนาคตต่อจากนี้ ว่าอย่ามาติดอยู่ในวังวนของระบบบ้าๆ และใช้ชีวิตให้ดีกว่า

ตลอดมา อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า คนชั้นบนไม่ได้รับรู้ชีวิตของคนด้านล่าง และเชื่อว่าไม่มีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีในนี้ มันแสดงให้เห็นถึงการที่คนเรา อาจจะโกหกตัวเอง เพียงเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่ปัญหามันอยู่ตรงหน้าทนโท่ แต่เลือกที่จะไม่แก้ไขมัน มองผ่าน ไม่รับรู้ และมีคนอายุน้อยที่กำลังจะเติบโต ต้องทนทุกข์ทรมาณอยู่ในระบบสังคมเดียวกัน

หากเราสามารถสอนให้คนรุ่นใหม่เติบโต และก้าวหน้าโดยไม่เหยียบซ้ำความผิดพลาดเดิมๆ อย่างในสังคมทุกวันนี้ที่เป็นอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงจะยกระดับมากขึ้นกว่านี้

สุดท้าย แล้วแต่มุมมองของผู้ชมแต่ละคนแล้วว่าจะได้แง่คิดอะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง มันเปรียบเสมือนกับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งคนเห็น อาจจะตีความต่างกันไป ต่างประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนที่ได้รับ ซึ่งท้ายสุดแล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดในตอนจบ คือการที่เราสามารถใช้คำพูด และการกระทำของเรา ส่งไปยังคนชั้นบน เพื่อให้อะไรๆ มันเปลี่ยนแปลง แม้มันจะต้องเสียสละ หรือแลกกับอะไรบางอย่างก็ตาม เหมือนกับที่โกเรงเลือกที่จะไม่ขึ้นไป ในอีกมุมหนึ่งก็คือ การส่งต่ออนาคตให้รุ่นต่อไป

เป็นบทวิเคราะห์หนังที่น่าปวดหัวในหลายๆ ด้าน เพราะต้องตีความ ผ่านสิ่งต่างๆ ที่ในหนังก็ไม่ได้บอกอะไรเรามาก มันชวนตั้งคำถามให้เราอยู่ตลอดทั้งเรื่อง และจบแบบปลายเปิดให้ทุกคนไปคิดต่อ แล้วคุณล่ะ ถ้าหากต้องตกอยู่ในหลุมแห่งนี้ คุณจะเลือกอะไรเป็นของติดตัวไป

รับชม The Platform ได้ทาง Netflix

อ่านรีวิวหนังอื่นๆ ได้ที่นี่

 

 

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!