playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Black Mirror Season 1 จุดเริ่มต้นความดำมืดของเทคโนโลยี

  • The National Anthem - 6.5/10
    6.5/10
  • Fifteen Million Merits - 7.5/10
    7.5/10
  • The Entire History of You - 8.5/10
    8.5/10

สรุป

Black Mirror Season 1 เป็นหนึ่งใน Netflix Series ที่มีความน่าสนใจสูงมาก ด้วยความสดใหม่จากการเห็นความมืดของเทคโนโลยี คุณภาพของซีรีย์มีการไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอยากดูตอนต่อไปทันทีหลังดูจบตอนหนึ่ง แม้จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็ทำออกมาคุณภาพน่าพึงพอใจ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • การมีเนื้อหาที่สดใหม่ เปี่ยมด้วยจินตนาการ
  • การบอกเล่าความน่ากลัวของเทคโนโลยี
  • คุณภาพดียิ่งขึ้นในทุกตอนของซีรีย์

Cons

  • ความสมจริงของบทที่ยังไม่ดูสมจริงเท่าไรนัก
  • บางทีมีการเล่าเนื้อเรื่องที่น้อยจนเกินไป จนเรียกว่าน้ำมากกว่าเนื้อ
  • หลายอย่างน่ามีการต่อยอด แต่ไม่ถูกต่อยอดเท่าที่ควร

Black Mirror Season 1

 

Black Mirror Season 1 : เทคโนโลยี…สิ่งอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์อย่างเรา มันช่วยสร้างและเติมเต็มสิ่งที่เราต้องการได้มากมาย บางทีเราพบแต่ด้านสว่างจนมองข้ามความมืดไป ความมืดที่ปกคลุมไปกับเทคโนโลยีเหล่านี้ จากความว้าวสู่ความเคยชิน เราไม่ได้รับรู้ถึงความมืดนี้อย่างเพียงพอ…นี่คือซีรีย์ที่จะพาเราดำดิ่งไปสู่ความมืดของเทคโนโลยี Black Mirror ซีรีย์แห่งจินตนาการ โดย Netflix Series ว่าด้วยถึงผลเสียของเทคโนโลยีมันเป็นอย่างไรบ้าง นอกเหนือจากประโยชน์ที่เรามักจะมองข้ามสิ่งอื่นไป ขอเชิญทุกคนเข้าสู่กระจกอันมืดมิด ที่จะสะท้อนความจริงให้คุณเห็น ณ บัดนี้

สามารถรับชม Black Mirror Season ได้ทาง Netflix : คลิกที่นี่

 

ตัวอย่าง Black Mirror Season 1

 

The National Anthem

เริ่มต้นด้วยตอนแรกของซ๊รีย์ชุดนี้ การว่าด้วยสถานการณ์ที่ดูสมจริงที่สุดภายในเรื่องก็ว่าได้ใน Season 1 นี้ กับการว่าด้วยการใช้สื่อออนไลน์ในการบอกกล่าวเกี่ยวกับการจับตัวประกัน ให้นายกรัฐมนตรีต้องทำตามคำขอร้องจากผู้จับกุมไป เหยื่อไม่ใช่ใครอื่น…แต่เป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในการหาหนทางช่วยเหลือเจ้าหญิงจากเหตุการณ์ครั้งนี้

Black_Mirror_The National Anthem_001
Black_Mirror_The National Anthem -Black Mirror Season 1

 

การเล่าเรื่องภายในตอนนี้ทำออกมาได้น่าสนใจและเสียดสีเรื่องราวความเป็นจริงของสังคม ด้วยพลังของสื่อต่าง ๆ ที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวของข่าวออกมารวดเร็วราวกับเชื้อไวรัส มันมีการขยายข้อมูลไปยังผู้คนไม่ใช่แค่เพียงในประเทศ แต่มีการเผยแพร่ไปยังทั่วทั้งโลก จากที่เราคิดว่าจะควบคุมมันได้…แต่กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เมื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นสนามข่าวอันทรงพลัง การแสดงความเห็นให้เราได้เห็นมุมมองของผู้คนมากมาย ข้อมูลความรู้สึกมหาศาลได้กลายเป็นแรงกดดันให้คนเราต้องรับความรู้สึกเอาไว้ หากมันมากพอ…มันสามารถกำหนดชีวิตของคนได้เลยทีเดียว นี่เป็นการเสียดสีเรื่องราว Cyber Bullying ไปโดยไม่รู้ตัว นี่จึงเป็นการชำแหละโลกเทคโนโลยีที่มีความใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุดสิ่งหนึ่ง

Black_Mirror_The National Anthem_002
Black_Mirror_The National Anthem

 

แม้ซ๊รีย์ตอนนี้จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างสั้นมาก ทำให้มันดูเป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะในหลายฉาก ในบางฉากตัดออกไปก็ไม่มีผลต่อเรื่องราว รวมถึงความสมจริงที่ได้เล่าออกมายังไม่ให้เรารู้สึกอินเรื่องราวได้อย่างเต็มที่ จนทำให้ imapact ของซีรีย์ที่ควรจะเป็น มันกลับดูดร็อปลงและไม่สร้างความจดจำแก่ผู้ชมนัก แม้จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจและดี แต่อารมณ์การเล่าเรื่องนั้นเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ จนคุณค่าได้หายไปจนจืดจาง คาดว่าหลายคนคงรู้สึกเสียดายไม่แพ้กัน หากได้การดำเนินเรื่องราวที่ดีกว่านี้มาช่วย คงทำให้เรื่องราวออกมาน่าสนใจกว่านี้

Black_Mirror_The National Anthem_003
Black_Mirror_The National Anthem

 

หากกล่าวถึงประเด็นที่เป็นสิ่งที่น่าพูดถึงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นประเด็นการจับตัวเจ้าหญิงไป โดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนคือการที่นายกต้องถ่ายทอดสดการมีเพศสัมพันธ์กับหมู สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เหมือนผิดศีลธรรมกับการทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไปสู่การกลับเป็นสัตว์ร้ายเช่นเดิม โดยเบื้องหลังการวางแผนการกระทำนี้เกิดจากศิลปินผู้หนึ่ง ผู้ได้สร้างผลงานชิ้นเอกอันเป็นข่าวบันลือโลก สิ่งนี้เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่จะถูกจดจำไปนานเท่านาน มันถือเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จมากสำหรับศิลปิน หากเรามองในมุมตรงเราจะเห็นว่าเขาได้ทำสิ่งนี้ได้อย่างสำเร็จ สามารถล้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนายกได้สำเร็จ แต่จริง ๆ แล้ว เรื่องราวมันอาจมีเบื้องหลังลงไปอีกที
ในตลอดช่วงเวลาในเรื่อง เราจะเห็นหลักฐานที่ดูไม่ make sense เท่าไรนัก

ทำไมศิลปินคนนี้ถึงตัดนิ้วตัวเองแทนที่จะเป็นนิ้วของเชื้อพระวงศ์ ?

ทำไมเจ้าหญิงถึงถูกปล่อยตัวก่อนที่จะเกิดการถ่ายทอดสดการทำลายศักดิ์ศรีของนายก ?

ทำไมศิลปินต้องฆ่าตัวตาย ทั้งที่เขาสามารถหลอกตำรวจและทีมสืบสวนทั้งกองได้ ?

หลายเหตุผลดังกล่าวเมื่อผนวกกับช่วงท้ายเรื่อง การที่มีข่าวถ่ายทอดว่ามีกระแสความนิยมทั้งตัวเจ้าหญิงและนายกในแนวโน้มสูงมาก การชนะใจคนทั้งประเทศได้โดยเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเป็นเหมือนฮีโร่ บางทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้อาจเป็นการจัดฉากก็ได้ เพราะความไม่สมเหตุสมผลมากมายที่เกิดขึ้น มันทำให้เกิดแนวคิดดังกล่าวขึ้นมา หากเรื่องราวมีการถ่ายทอดได้เห็นภาพชัดเจนกว่านี้ หรือให้เราอินกับเรื่องราวมากกว่านี้ มันคงจะเป็นหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของ Black Mirror เลย เสียดายที่มันไม่สามารถไปถึงตรงจุดนั้นได้

คะแนน 6.5 เต็ม 10 ซีรีย์ที่มีเนื้อหาดีและเข้ากับปัจจุบันมาก แต่การถ่ายทอดเรื่องราวยังทำให้ลดคุณค่าความเป็นสื่อไปมาก จนเป็นเรื่องที่มีวัตถุดิบดี…แต่ไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวให้น่าจดจำมากกว่านี้ได้

 

Fifteen Million Merits

หลังจากได้รับเรื่องราวที่น่าสนใจในตอนแรกไป ทำให้ตอนสองเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และคิดว่ามันต้องมีอะไรที่พีคยิ่งขึ้นกว่าตอนแรก เมื่อได้เปิดรับชมความรู้สึกเป็นเช่นนั้นจริง ในเรื่องราวเกี่ยวกับโลกดิสโทเปีย มนุษย์เราอยู่ได้ด้วยค่าความดี(สกุลเงินในโลกซีรีย์) เราจะต้องปั่นจักรยานเพื่อหาเงินในการดำรงชีวิต ตอนนี้เราจะพาเราไปกับ บิง ชายหนุ่มผิวสีผู้ใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้พบกับ อาบี หญิงสาวอันมีเสียงไพเราะ จนผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่มีทางหวนกลับได้

BlackMirror_Fifteen_Million_Merits_001
BlackMirror_Fifteen_Million – Black Mirror Season 1 

เรื่องราวตอนนี้มาในโลกอนาคตที่เทคโนโลยีแตกต่างไปจากตอนแรกแบบก้าวกระโดด การดำเนินเรื่องทำให้เรารู้สึกว้าวกับเรื่องราวเป็นอย่างมาก เนื้อหาที่มีการถ่ายทอดมีมุมมองให้ความรู้สึกสดใหม่กับเรื่องราวภายในตอน มีการพูดถึงประเด็นการเหยียดเพศ การเหยียดคนอ้วน ชนชั้นทางสังคม และการพูดถึงอุมการณ์ต่างๆ ภายในเรื่องราว มันเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีมาก เนื่องจากเห็นภาพได้อย่างเข้าใจง่าย จากสิ่งที่เราพบเห็นในสังคมปกติจนมองข้ามมันไปจากหลักความเป็นจริง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมของตอนนี้คงหนีไม่พ้นการแสดงของ Daniel Kaluuya ซึ่งรับบทเป็น บิง เขาสามารถสร้างความน่าจดจำและเอกลักษณ์ของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี จนเรารู้สึกไปถึงภายในจิตใจของตัวละคร ว่าตัวละครต้องรับมือกับสภาวะจิตใจที่พังทลายขนาดไหน การเปลี่ยนแปลงจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง การแบกเรื่องราวให้เรายังอยู่ในจุดโฟกัสเขาได้ตลอดทั้งเรื่อง ข้อนี้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าตัวของนักแสดงคนนี้ มีความสามารถครบเครื่องขนาดไหน

BlackMirror_Fifteen_Million_Merits_002
BlackMirror_Fifteen_Million

แม้จะมีส่วนดีมากมาย แต่ใน Fifteen Million Merits มีข้อเสียในเรื่องสภาพสังคมที่แตกต่างกันเกินไป มันเป็นข้อดีกับการที่ให้ บิง เป็นตัวแทนของผู้ชม แต่การรับชมโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง มันทำให้เรารู้สึกไม่สามารถอินกับเรื่องราวได้อย่างเต็มที่ เพราะในการดำเนินเรื่องไป ตัวละครอื่นภายในเรื่องล้วนแตกต่างจาก บิง โดยสิ้นเชิง เหมือนกับ บิง ข้ามมายังอีกโลกหนึ่งอย่างไรไม่รู้ มันควรจะมีเรื่องราวที่ make sense มากยิ่งขึ้นกว่านี้ เพราะการที่ตัวละครแปลกจนเกินไป มันทำให้เรื่องราวออกมาไม่สมดุลเท่าที่ควรนัก นั่นจึงเป็นหนึ่งในบาดแผลสำคัญของเรื่องราว อีกหนึ่งจุดคือการใช้ตัวละครไม่คุ้มค่า ในเรื่องราวเราจะได้เห็นตัวละครบางคน เหมือนจะมีส่วนสำคัญกับเรื่องราว…แต่สุดท้ายก็ตัดบทจนกลายเป็นตัวละครประกอบไป บาดแผลนี้เมื่อตอกย้ำไปที่จุดเดิม ทำให้ข้อเสียของเรื่องราวใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก

BlackMirror_Fifteen_Million_Merits_003

หากจะพูดถึงประเด็นที่น่าพูดถึงภายในตอนนี้คงหนีไม่พ้นจุดเปลี่ยนของเรื่องราว หลัง บิง สละค่าความดีเกือบทั้งหมดของตน ให้ทางของ อาบี มีค่าสมัครรายการ Hot Shot ไป แต่สุดท้าย อาบี หญิงสาวที่เขารักกับโดนระบบภายในรายการเปลี่ยนแปลงไป จากการประกวดด้วยเสียงอันเป็นพรสวรรค์ของเธอ แต่สุดท้ายรายการกับเลือกเรือนร่างของหญิงแทน มันเป็นการเหยียดเพศกลายๆ ว่าผู้หญิงสวยคือเครื่องสนองอารมณ์ของทุกคน แม้เธอจะไม่อยากจะยอมรับข้อเสนอนี้ แต่ก็มีจุดให้เลือกสองจุดคือ กลับไปเป็นคนปั่นจักรยานเฉกเช่นแรงงาน หรือจะยอมขายเรือนร่างของตนเองในการเป็นดารา สุดท้ายเธอเลือกที่จะทิ้งชีวิตเก่าไปสู่ชีวิตใหม่ แม้มันจะเป็นการขายวิญญาณของเธอก็ตาม
หลังเหตุการณ์นี้ทำให้จิตใจของ บิง ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บช้ำภายในจิตใจมากเกินจะบรรยายออกมาได้ ความรู้สึกเหมือนเรามีสิ่งสำคัญหนึ่ง แต่เห็นสิ่งสำคัญนั้นถูกพรากไปต่อหน้าต่อตาเรา มันเจ็บเสียจนเปลี่ยนโลกสีสดใสกลายเป็นโลกอันดำมืดได้ เขาได้เริ่มต้นที่จะเก็บค่าความดีในการสมัครรายการ Hot Shot ความบีบคั้นทุกอย่างจนทำทุกวิถีทางในการเก็บให้ถึงจำนวน 15 ล้านโดยเร็ว จนสุดท้ายเมื่อเก็บจนครบและไปเยือนรายการเป็นที่สำเร็จ ขณะกรรมการกำลังจะยุติการแสดง บิง ได้ควักเศษกระจกเตรียมพร้อมที่จะตาย โดยเขาเลือกที่จะระบายความในใจเกี่ยวกับระบบชนชั้น การที่คนอ้วนเหมือนเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง ความเน่าเฟะของการขาดคุณค่าความเป็นมนุษย์ไป สิ่งเหล่านี้เขาได้ระบายเพื่อหวังจะเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนทั้งโลก แต่ไม่เลย…พวกเขากลับมองเป็นเพียงโชว์เท่านั้น ส่งผลให้เขาต้องเลือกระหว่างตายไปกับอุดมการณ์ของตนเอง หรือ…เพิกเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกลายเป็นดาราแทน จนสุดท้ายเขาละทิ้งอุดมการณ์และก้าวหน้าต่อไป นั่นทำให้เกิดแนวคิดว่า…อุดมการณ์ยังเป็นสิ่งที่มีจริงรึเปล่า แม้เขาจะฆ่าตัวตายตามอุดมการณ์ แต่เขาก็เป็นเพียงเศษส่วนเล็กน้อยที่ไม่มีคนสนใจอยู่ดี นั่นจึงเป็นการตัดสินใจของ บิง ที่จะอยู่กับมันแบบสุขสบายแทน

คะแนน 7.5 เต็ม 10 ถ่ายทอดเรื่องราวในส่วนเนื้อหาได้ดีมาก การแสดงของ Daniel Kaluuya ซึ่งรับบทเป็น บิง สามารถสร้างความน่าจดจำและความตื่นเต้นแก่เรื่องราวได้ แม้จะมีการทิ้งหลายส่วนสำคัญไป หรือการใช้ตัวละครสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุจะเป็นจุดด้อยสำคัญของเรื่อง แต่โดยองค์รวมก็ทำให้เรามองข้ามข้อเสียเหล่านั้นไปได้โดยปริยาย

 

The Entire History of You

แล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของซีรีย์ Black Mirror Season 1 จากการเกริ่นเรื่องราวอย่างน่าสนใจไปทั้งสองตอน ส่งผลให้ตอนจบของ Season 1 เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าจับตามองมาก การทะยานความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเรื่อยมา และนี่คือจุดพีคที่น่าจดจำจนทำให้ซีรีย์เรื่อง Black Mirror กลายเป็นหนึง่ในซีรีย์ที่น่าจับตามองที่สุดใน Netflix…ในตอนจบนี้เองมีการบอกเล่าเรื่องราวในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำจนทุกคนมีความจำส่วนตัวของตัวเอง สามารถแชร์ภาพที่เราพบเห็นเป็นรูปแบบวีดีโอได้ การย้อนกลับเหตุการณ์ไปดูเป็นเรื่องง่าย ด้วยเทคโนโลยีนี้เองทำให้เราสามารถมีช่วงเวลาที่มีความสุขได้อย่างต่อเนื่อง ความทรงจำจะกลายเป็นสิ่งถาวร…แต่หากเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นจนเทคโนโลยีนี้ก่อให้เกิดปัญหาละ

BlackMirror_The_Entire_History_of_You_001
BlackMirror_The_Entire_History_of_You

เรื่องราวตอนนี้เกี่ยวกับ Liam ได้ไปงานเลี้ยงเพื่อพบปะเพื่อนฝูง ทุกอย่างดูจะราบรื่นเหมือนการ Reunion ทั่วไป แต่เรื่องราวได้เกิดจุดหักเหขึ้นเมื่อได้พบกับแฟนเก่าของภรรยาเขาอย่าง Jonas ด้วยความสัมพันธ์ที่แสดงออกมาอย่างผิดสังเกต ทำให้ Liam มีความสงสัยถึงความมั่นคงของตนเองกับภรรยา นั่นทำให้บรรยากาศภายในบ้านเปลี่ยนแปลงไป

BlackMirror_The_Entire_History_of_You_002
BlackMirror_The_Entire_History_of_You

 

ต้องบอกเลยว่านี่เป็นตอนที่ดีที่สุดของ Season 1 เพราะแม้จะมีเรื่องราวค่อนข้างธรรมดา สามีจับผิดภรรยาเรื่องนอกใจ แต่ก็ทำออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงและมีความน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ยิ่ง Scene สุดท้ายที่ตัดสลับภาพความทรงจำ บอกเลยว่าจะเป็นซีนในตำนานของ Black Mirror ไปอีกนานแสนนาน แม้ในส่วนของตัวละคร Liam อาจจะดูเวอร์และความเป็นมนุษย์น้อยไปบ้างช่วงก่อนถึงองค์สาม แต่โดยภาพรวมและองค์สามถือเป็นหนึ่งในตัวละครน่าจดจำในซีรีย์เรื่องนี้เลย ผมคิดว่าหากมีการสานต่อในรูปแบบภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง มันคงจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมแน่นอน เพราะขนาดช่วงเวลากว่า 50 นาทียังสะกดใจคนดูได้ขนาดนี้ หากได้เล่าเรื่องอย่างเต็มอิ่มมันจะสุดยอดขนาดไหน เรียกว่าหากต้องเลือกรับชมได้ตอนเดียว คุณต้องดูตอนสุดท้ายของ Season 1 ไม่งั้นคุณจะพลาดหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของ Netflix  ไป ตอนที่ให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์สามีภรรยา, ย้ำเตือนให้เรามั่นคงกับความรักของเรา และการก้าวข้ามความเจ็บช้ำของความสัมพันธ์ไป เรียกว่า The Entire History of You ทำออกมาได้ถึงกระดูกเลยละครับ

BlackMirror_The_Entire_History_of_You_003
BlackMirror_The_Entire_History_of_You -Black Mirror Season 1

หากจะบอกข้อเสียของตอนนี้ คงต้องบอกว่าในส่วนของเนื้อหานั้นค่อนข้างจะเหมาะเจาะเกินไปในหลายจุด การให้ความเป็นมนุษย์ของตัวละครแสดงออกมาน้อยจนเกินไป จนบางทีตัวเอกของเรื่องได้ขาดความเป็นมนุษย์ไป เหมือนเราดูสิ่งที่ตัวเอกกำลังจัดฉากเอาไว้อยู่ เมื่อทุกอย่างประจวบเหมาะ มันก็พร้อมที่จะทำงานในส่วนของมันเอง แม้มันจะมีข้อดีในการกระตุ้นอารมณ์เราได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งเรามองข้ามในข้อผิดพลาดนั้น แต่ยังไงก็ยังขาดความสมจริงในส่วนนี้อยู่ดี นั่นทำให้เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก หากมีการวางแผนที่เฉียบคมกว่านี้ ตอนจบของ Season 1 จะเป็นหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดในซีรีย์นี้ไปโดยปริยาย

ในตลอดช่วงเวลาตลอดทั้งเรื่อง มีการให้เห็นทิศทางการดำเนินเรื่องราวที่มีแนวโน้มอยู่ทางน่าสนใจกับการสืบค้นหาต้นตอของเลียม ระหว่างการค้นหาความจริง…ทุกอย่างเหมือนกับเป็นเหมือนเพียงความกังวลเกินเหตุของเขา ไม่มีสิ่งใดแปลกเกิดขึ้นมา แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเมื่ออารมณ์พาไปจนได้เรื่องราวจาก Jonas เพิ่มเติม เมื่อเขาเห็นภาพภรรยาของเขาภายในความทรงจำคู่อริ จนสุดท้ายสืบค้นมาได้ว่าเป็นเหตุการณ์ก่อนเขาจะมีลูกเสียอีก เมื่อความจริงเปิดเผยมันเหมือนเป็นจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ทั้งหมด เรื่องราวมันเหมือนจะจบลง…แต่ความจริงไม่ใช่เลย คนที่จับได้…การบอกเลิกไม่ใช่การได้เจอกับสิ่งดี การที่เราได้ยอมรับชะตากรรมมัน แต่ภายในจิตใจของ Liam ยังคิดถึงภรรยาทุกวินาทีที่ได้ลาจากไป มุมนั้นที่เคยยืนด้วยกัน รอยยิ้มที่เคยให้กัน หรือแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่เคยมอบให้ ทุกอย่างมันพังทลายเสียหมด แน่นอนมันยากเกินกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรับมันไหว จนสุดท้ายเขาต้องหาทางจบเรื่องราวเหล่านี้ด้วยการเอาเครื่องเก็บความทรงจำออก บรรดาภาพความทรงจำที่ตัดสลับมาตลอดช่วงเวลาการเอาเครื่องออก มันเหมือนกับสภาพจิตใจของเราที่พยายามจะลืมหัวใจที่เคยมอบให้ไปให้ได้ บางครั้งเราต้องตัดสินใจละทิ้งความทรงจำแห่งความสุข ไม่งั้นเราก็จะจมอยู่กับมันราวกับถูกโซ่ตรวนเอาไว้…จนเราหลงทางแบบไร้ชีวิต หากทางเลือกที่จะลืมมันก้าวต่อไป เราก็ควรก้าวต่อไปแม้จะต้องลืมเหตุการณ์แห่งความสุขก็ตาม

คะแนน 8.5 เต็ม 10 แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องราวที่ดูน้อยมาก และตัวเอกมีความเป็นมนุษย์น้อยเกินไป แต่ภาพรวมมันทำให้กลายเป็นหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของซีรีย์เลยละ

 

ติดตามรีวิวหนังในเว็บไซต์คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!