playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

Devil May Cry รำลึก 18 ปีเกมในความทรงจำ ที่มีทั้งเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา

Devil May Cry 5 จะออกมาให้ทุกคนได้เล่นกันแล้ว หลายๆ คนอาจจะจำภาคเดิมๆ ไม่ได้เพราะภาคนี้ออกห่างจากภาค 4 ถึง 11 ปีและห่างจากภาคแรกถึง 18 ปี อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เกมนี้ห่างหายไปนานและกว่าจะมาถึงภาค 5 แฟนๆ เกมนี้เจอกับอะไรมาบ้าง

Devil May Cry ภาคแรกนั้นออกวางจำหน่ายในปี 2001 บนเครื่อง PS2 ถือว่าเป็นเกมที่ออกในช่วงต้นๆยุค PS2 (PS2 ออกปี 2000) แต่เดิมเกมนี้ เป็นโปรเจ็กต์เกม Biohazard (ขอเรียกชื่อฝั่งญี่ปุ่นละกันนะครับรู้สึกชินกว่า) ที่ซุ่มพัฒนามาเพื่อจะลงเครื่อง PS2 โดยเฉพาะหลังจากที่เพิ่งนอกใจ Sony นำ Biohazard Code Veronica ไปลงบนเครื่อง Dreamcast ของ Sega เกม Devil May Cry นี้เลยถือว่าเป็นโปรเจคใหญ่ของค่ายเนื่องจากถูกวางแผนไว้ว่าจะเป็น Biohazard ภาคหลักภาคใหม่ โดยให้คุณ Hideki Kamiya ที่เคยเป็นหัวหอกทำ Biohazard 2 กลับมาคุมโปรเจ็กต์นี้ และไม่รู้คุณ Kamiya ทำอีท่าไหนจากโปรเจ็กต์ที่จะเป็นภาคต่อของเกมสยองขวัญอย่าง Biohazard กลับกลายมาเป็นเกมบู๊แหลกยิงกันสนั่นและนอกจากปืนแล้วยังพกดาบมาอีกเรียกได้ว่าไม่เหลือเค้าเดิมเลยทีเดียว แต่ถึงจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเกมนี้ในช่วงนั้นก็ถูกโปรโมทในทำนองที่ว่าเกมใหม่จากผู้สร้าง Biohazard จนทำให้ทุกๆคนต่างสนใจเกมนี้กันมากมาย

ตอนแรกถูกวางโปรเจคให้เป็น Biohazard 4

หลังจากปล่อยข่าวและภาพกันมาช่วงนึงก็ถึงเวลาปล่อยเดโมให้เหล่าสาวกได้ลอง แต่ในสมัยนั้นการจะหาเดโมแต่ละเกมนั้นไม่ได้กดโหลดคลิ๊กเดียวได้เหมือนในปัจจุบัน ด้วยความฉลาดของ Capcom ที่รู้ว่าเหล่าแฟนๆ Biohazard รอคอยเกมนี้ขนาดไหนจึงได้วางแผนออกนำ Biohazard Code Veronica ที่เคยนอกใจไปกลับมาลงบนเครื่อง PS2 แต่จะเอาเกมเก่ามาขายเลยก็อาจจะขายไม่ดี เลยยัดเดโม Devil May Cry มาคู่กันเพื่อยั่วให้เหล่าสาวกต้องหามาทดลอง

 

Devil May Cry trial edition

เดโมที่แถมมากับ Biohazard Code Veronica PS2 (อยากจะเรียกว่าซื้อเดโมแถมเกมซะมากกว่า) หลังจากได้สัมผัสเกมนี้แล้วรู้สึกอึ้งมากเกมเต็มไปด้วยความแปลกใหม่แตกต่างจากเกมอื่นๆในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็วในการยิงและฟันความต่อเนื่องของการเล่นมันแตกต่างจาก Biohazard มากกลายเป็นเกมแอคชั่นเต็มรูปแบบแถมมาแบบบู๊สุดๆ แล้วแอคชั่นต่างๆของดันเต้ตัวเอกของเกมก็เท่ซะเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นการรัวปืนสองมือ การฟันแอร์คอมโบ รวมไปถึงการวิ่งไต่กำแพงทั้งแนวนอนและแนวดิ่งโอ้ยมันเท่ไปหมด ซึ่งน่าจะได้แรงบันดาลใจมากจากหนังเรื่อง The Matrix หนังดังในยุคนั้น

 

คลิปตัวอย่างแผ่น trial edition ซึ่งตอนนั้นแค่ได้เล่นวิ่งไต่กำแพงกระโดดชิ่งแพงไปมาก็รู้สึกต่างตาตื่นใจกับการเคลื่อนไหวของดันเต้แล้วและนอกจากการบังคับที่ไหลลื่นของเกมแล้วคัตซีนต่างๆในเกมยังน่าตื่นตาตื่นใจด้วยเนื่องจากบุคลิกของดันเต้นั้นมาแนวกวนๆมั่นๆขี้เก๊กแบบสุดๆแตกต่างจากเกมอื่นๆทำให้รู้สึกว่ามันขี้โม้และดูน่าติดตามแบบดีทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกเกมนึงที่เข้าไปอยู่ในลิสเกมเกมที่รอคอยไปเลยทันที

 

Devil May Cry

หลังได้เล่นเดโมไปไม่น่าจะถึงปีนึงปลายปี 2001 เกมนี้ก็ได้วางจำหน่ายตัวเต็มให้ได้เล่นกันซักทีตามทำเนียมเกม Capcom ยุคก่อนๆ ที่จะออกเวอร์ชั่น Japan ก่อนและเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนแต่ก็ไม่คณามือเหล่าเกมเมอร์ยุคนั้นถึงแม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกซักตัวแต่ก็ตะบี้ตะบันเล่นมันจนจบเท่าที่จำได้ผมน่าจะเล่นเกมนี้แบบข้ามวันข้ามคืน ด้วยความมันแบบติดลมเกมทำออกมาได้สนุกมาก แต่เนื้อเรื่องนี่ไม่ต้องพูดถึงว่าเข้าใจแค่ไหนแต่ขนาดไม่เข้าใจเนื้อเรื่องยังมันขนาดนี้ฉากแอคชั่นต่างๆ โอเว่อร์กันสุดๆ จนมาถึงช่วงท้ายเกมถึงช่วงสู้บอสใหญ่ก็ต้องร้องดังๆ ว่าเฮ้ยอะไรของมันวะเพราะช่วงท้ายฉากสู้บอสใหญ่นั้นจากที่เราได้เล่นเกมแอคชั่นบู๊สุดมันมาตลอดทั้งเกม มันกลายเป็นเกม Shooting แบบยานยิงไปซะงั้น เรียกได้ว่าปรับอารมกันแทบไม่ทัน ไม่รู้ว่าคุณ Kamiya เค้าจะฝังใจอะไรกับเกมแนวนี้นักเพราะหลังจากนี้ก็จะเห็นเค้ายัดฉากแนว Shooting แบบยานยิง เข้าไปแทบจะทุกเกมที่ค่ายเค้าได้ทำ

ฉากที่ช่วงอึ้งคือนาทีที่ 3.30 ของคลิป

อาจจะเป็นที่ตัวผมเองที่ปรับอารมไม่ค่อยทันในช่วงท้ายของเกมแต่ยังไงก็ตามในเรื่องความมันแล้วเกมนี้ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยเกมนี้จึงขึ้นทำเนียบเกมในดวงใจไปอีกเกมและหวังว่าจะได้เล่นภาคต่อไวๆ

 

Devil May Cry2

น้ำขึ้นให้รีบตักไม่ต้องให้รอกันนาน Capcom จัดให้เนื่องจากภาคแรกยอดขายเป็นที่น่าพอใจ ปีถัดมา 2002 ในงาน e3 แคปคอมได้เปิดตัวภาคต่อทันที และออกให้เล่นกันอย่างไวในต้นปี 2003 เรียกได้ว่าห่างจากภาคแรกแค่ 1 ปีกับอีกไม่กี่เดือน

ดันเต้และตัวละครสาวคนใหม่ลูเชีย

และหายนะมาเยือน ภาค 2 นี้ต่างกับภาคแรกลิบลับเริ่มเกมมาก็เหมือนจะเล่าว่าช่วงเวลาห่างกันไม่ได้ต่อเนื่องจากภาคแรก ดันเต้จากมาดเท่ๆกวนๆก็เปลี่ยนลุคซะงั้นกลายเป็นเน้นเก๊กหล่อขรึมแทนๆให้ความรู้สึกเหมือนหมาแก่แต่ออกไปทางหงอยๆ และภาคนี้ได้เปลี่ยนตัวเอกหญิง ทริชนางเอกของภาคแรกหายไปไหนก็ไม่รู้ กลายมาเป็นสาวผมแดงแต่งตัวประหลาดๆแทนโดยส่วนตัวไม่ถูกใจดีไซน์ตัวเอกหญิงใหม่คนนี้เลย และเมื่อเล่นเกมไปได้ซักพักก็เริ่มรู้สึกถึงความประหลาดของเกมทำไมรู้สึกว่าเฮ้ยทำไม ฉากมันกว้างๆโล่งๆแบบแปลกๆ การวางตำแหน่งศัตรูในฉากกว้างๆ ก็กลายเป็นเน้นให้เราใช้ปืนยิงมากกว่าฟันซะงั้นแถมปืนยังยิงแรงจนไม่ต้องพึ่งดาบอีกแถมอาวุธประชิดของดันเต้ภาคนี้หดเหลือแค่ดาบเพียงอย่างเดียวแค่มีดาบหลายแบบให้ใช้แต่แอคชั่นก็เหมือนกันหมดเรียกได้ว่าโคตรมักง่าย แต่เหตุผลที่มักง่ายแบบนั้นคงเพราะทำออกมาให้สามารถเล่นตัวละครหญิงได้ด้วยทำให้ภาคนี้เราสามารถเล่นตัวหลักถึง 2 คน ที่มีรูปแบบการเล่นแตกต่างกัน แต่ความดีงามตรงจุดนี้กลับไม่ได้อยู่ในความทรงจำเลย ด้วยเนื่องจากดีไซน์หลายๆ อย่างไม่ถูกใจเลยตัวเอกหญิงภาคนี้เลยแทบไม่อยู่ในความทรงจำเลย และก็เล่นเกมนี้จบไปแบบงงๆ และรู้สึกผิดหวังพอสมควร โดยส่วนตัวจำความรู้สึกในเล่นภาคนี้แทบไม่ได้เลยรู้สึกมันโล่งๆ งงๆไปหมด เหมือนสมองจะพยายามสั่งให้เราลืมภาคนี้ซะงั้น

คลิปที่ทำออกมาขยี้ความห่วยแตกและน่าเบื่อของภาคนี้

ด้วยความแย่ของเกมทำให้ภาคนี้เป็นอีกภาคที่แฟนแทบไม่อยากนึกถึงและอยากจะลืมๆมันไปด้วยซ้ำ เหตุผลที่เกมนี้ออกมาแย่ก็น่าจะเป็นเพราะความเร่งในการออกเกมของ Capcom และไม่ยอมให้ผู้กำกับคนเดิมอย่างคุณ Hideki Kamiya มาทำจึงทำให้เกมนี้ออกมาน่าผิดหวัง

 

Devil May Cry 3

ไม่ทราบว่าทำไมยุค PS2 นั้นทำไมถึงทำเกมกันไวนักอีก 2 ปีถัดมาในปี 2005 Capcom ก็ได้เข็นภาค 3 ออกมาแต่คราวนี้โดยส่วนตัวผมไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ละเพราะภาค 2 ค่อนข้างทำไว้แสบแต่พอออกมาก็ลองหามาเล่นดูโดยภาคนี้เล่าเนื้อเรื่องย้อนไปในช่วงดันเต้ยังเป็นวัยรุ่นเพราะจะให้ไปเล่าต่อจากภาคสองที่แย่ขนาดนั้นก็คงจะไม่ดี เราเลยจะได้เล่นดันเต้ในช่วงวัยรุ่นสุดซ่าแทน

ตัวเกมเริ่มมาด้วยฉากแอคชั่นสุดโอเว่อและเกรียนมากของดันเต้เรียกได้ว่าเว่อยิ่งกว่าภาคแรกซะอีกทำให้รู้สึกว่าภาคนี้น่าเล่นขึ้นเป็นกองและเมื่อเล่นไปได้ซักพักก็ไม่ผิดหวังภาคนี้ Capcom ได้กลับมากู้ชื่อให้กับเกมนี้แล้ว ความกวนความเท่ของดันเต้กลับมาครบหมดแถมยังมากยิ่งกว่าเดิมอีกด้วยส่วนตัวเอกหญิงคนใหม่เลดี้ก็ดีไซน์ออกมาได้น่ารักน่าสนใจ รวมไปถึงการนำตัวละครเวอร์จิลพี่ชายฝาแฝดของดันเต้มาเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวภายในเกม

การกลับมาคราวนี้ของดันเต้นั้นไม่เหมือนภาค 2 ที่ใช้อาวุธดาบเป็นชนิดเดียว คราวนี้ดันเต้ขนอาวุธมาให้เราเล่นหลากหลายมาก ทั้งหมัด ดาบคู่ กระบอง3ท่อน ฯลฯ ทำให้รูปแบบการเล่นมีความหลากหลายมากและดันเต้สามารถทำคอมโบได้มันขึ้นมากๆจนทำให้ภาคนี้กลายเป็น ภาคที่ผมคิดว่ามันที่สุดสนุกยิ่งกว่าภาค 1 ซะอีกซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับคนใหม่ของเกมนี้คุณ Hideaki Itsuno ที่กลับมากู้ชื่อให้เกมนี้อีกครั้ง (คุณ Hideaki Itsuno ยังคงเป็นเป็นผู้กำกับ DMC 5 ด้วย) ทำให้ผมกลับมามีความหวังกับเกมนี้อีกครั้ง

 

Devil May Cry 4

และแล้วก็มาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเกมนี้เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการย้ายจากเครื่อง PS2 มาสู่ PS3 ในปี 2008 ทำให้เกมนี้กราฟฟิคพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดและมาพร้อมกับตัวเอกใหม่ครั้งแรกของซีรี่ส์ที่มีการเปลี่ยนตัวเอกไปเป็นคนอื่นนอกจากดันเต้ ตัวเอกใหม่ชื่อเนโร่ซึ่งมีมือขวาเป็นมือปีศาจและถือดาบด้วยมือซ้าย

ครั้งแรกที่ได้สัมผัสเกมนี้ก็รู้สึกขัดๆกับท่าฟันและแอคชั่นของเนโร่อยู่บ้างเนื่องจากถือดาบข้างซ้ายและเล่นแต่ดันเต้มาตลอด 3 ภาคแต่ได้เล่นเป็นเนโร่นี่ก็ถูกว่าสนุกไปอีกแบบมีเทคนิคใหม่เช่นถึงศัตรูเข้ามาฟันให้ใช้และรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องได้เล่นเป็นดันเต้อยู่แล้วไม่ต้องห่วงงงงง

Devil May Cry 4

และก็เป็นไปตามคาดหลังจากเล่นเป็นเนโร่ไปได้ครึ่งเกม เราก็จะได้กลับไปเล่นดันเต้พระเอกตัวจริงของเราซักที แต่เรื่องชวนอึ้งก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับเกมนี้คือ หลายๆคนคงคาดหวังว่าเราจะได้เล่นดันเต้ต่อจากเนโร่ได้ตลุยไปในฉากใหม่ๆ แต่มันไม่ใช่ Capcom เล่นตรูอีกแล้วมาคราวนี้เล่นมุกวิ่งย้อนกลับ เราจะต้องเล่นดันเต้วิ่งย้อนฉากเดิมที่เราเล่นเป็นเนโร่ผ่านไปแล้วแล้วไม่ใช่ย้อนสั้นๆ แต่เป็นการย้อนมันแทบทั้งเกมนั่นแหละ บอสก็เอาบอสตัวเดิมมาให้สู้เรียกได้ว่ารียูสใช้กันจนคุ้ม นอกเหนือจากรียูสฉากและบอสให้เราเล่นสองรอบแล้ว ยังมีกลไกในฉากที่ค่อนข้างน่ารำคาญอย่างเช่น การตีลูกข่าง ทอยลูกเต๋า ที่ออกแบบมาได้น่าเบื่อและดูเสียเวลา

และแล้วหลังจากภาคนี้ถึงแม้ตัวเกมจะทำออกมาได้ค่อนข้างสนุกแต่ก็มีจุดติในหลายๆ ด้าน จนทำให้เกมซีรี่ส์นี้กระแสตกลงอีกครั้งและทำให้ Capcom เก็บเกมนี้เข้ากรุเพื่อให้แฟนเกิดความคิดถึง ถึงแม้ในระหว่างนี้ Capcom จะมีความพยายามรีบู๊ทเนื้อเรื่องเกมนี้ใหม่ในชื่อ DmC : Devil May Cry ในปี 2013 ที่ให้ทีมงานฝรั่ง Ninja Theory พัฒนา แต่ก็ถูกกระแสแอนตี้จากแฟนอย่างมากจนเละไม่เป็นท่าจนปัจจุบันเกมนี้ไม่ถูกนับรวมเข้ากับภาคหลัก และหลังจากเก็บเข้ากรุดองเค็มจนสาแก่ใจแล้ว Capcom ได้กลับมาปัดฝุ่นภาคต่อของเกมนี้อีกครั้งและเนื้อเรื่องต่อจากภาคเดิมเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ยังเฝ้ารอคอยภาคต่อที่แท้จริง ไม่ใช่ภาคนอกคอกอย่าง DmC ซึ่งเมื่อนับย้อนไปแล้วภาค 4 และภาค 5 นั้นออกห่างกันถึง 11 ปีเลยทีเดียว

สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นหรือลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว สามารถอ่านเนื้อเรื่องฉบับโคตรย่อได้ที่นี่

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!