playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว All of Us Are Dead (Netflix) ซอมบี้เกาหลีที่ดูดีแต่ก็แอบผิดหวัง (ไม่สปอยล์)

สรุป

รสชาติซอมบี้คลั่งแบบเกาหลีที่อยู่ในสูตรสำเร็จถอดแบบมาจากเว็บตูน ไม่ค่อยมีอะไรใหม่หรือแตกต่างจากเรื่องซอมบี้เรื่องอื่น ๆ นอกซะจากการออกแบบซอมบี้ที่ดูน่ากลัวและสมจริง ดราม่าความสัมพันธ์สุดเวิ่นเว้อ ตัวละครหลายตัวน่ารำคาญ ปมที่ทิ้งไว้แล้วไม่สานต่อแต่มันก็ยังดูสนุกและน่าตื่นเต้นตามมาตรฐานซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ น่ากลัวและลุ้นระทึกแทบจะทุกตอน และสอดแทรกประเด็นปัญหาสังคมอย่างถึงใจ และความรุนแรงระดับที่สุดตัว การแสดงที่ดีมาก ๆ ของนักแสดงนำและสมทบ  ดนตรีและการถ่ายทำมุมกล้องที่โชว์ความน่ากลัวอย่างจัดเต็มไม่มีพัก แต่ต้องชะงักเพราะพล็อตรองที่เหมือนใส่เข้ามาให้ตัวละครบางตัวได้มีบทบาทไปงั้น ๆ ไหนจะเป็นตอนจบที่จบไม่เหมือนฉบับคอมมิคที่อาจทำให้คนเคยอ่านหลายคน งงเป็นตาแตกและอาจบอกใบ้ว่ามีซีซั่นสอง แม้ว่าผู้สร้างจะบอกว่ามันจบบริบูรณ์แล้วก็ตาม

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
4 (9 votes)

Pros

  • เนื้อเรื่องในการนำเสนอความน่ากลัวของซอมบี้
  • ขยี้ดราม่าความสัมพันธ์แทบจะในทุกตอนดีมาก ๆ
  • ประเด็นจิกกัดสังคม โรงเรียน รัฐบาล และมนุษย์
  • นักแสดงที่เล่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
  • มุมกล้องที่เจ๋งแบบลองเทคและภาพยนตร์
  • ดนตรีประกอบที่บิ๊วอารมณ์ได้
  • พากย์ไทยดีมาก

Cons

  • พล็อตรองไม่เมคเซนส์ ไม่มีการสานต่อหรือมาแบบผ่าน ๆ ตอนท้ายงง ๆ เหมือนจะมีซีซั่น 2
  • ตัวละครบางตัวน่ารำคาญ ตัดสินใจไม่ฉลาด เข้าใจว่ามันต้องมี แต่ก็แอบมากเกินไป
  • ดราม่าเวิ่นเว้อจนแอบเบื่อ เพราะบางสถานการณ์ก็ไม่น่าดราม่าได้
  • ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนอกจาก ซอมบี้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง แค่นั้นเลย

All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) ซีรีส์ Original Netflix จากเกาหลี ผู้สร้างซีรีส์ K-ZOMBIE จนประสบความสำเร็จมาแล้วจาก Kingdom ดัดแปลงจากเว็บคอมมิคชื่อเดียวกันของเว็บตูน ชื่อภาษาไทย ตอนนี้…โรงเรียนของเรา เรื่องของเหล่านักเรียนที่ถูกขังอยู่ในโรงเรียนมัธยมฮโยซาน ขณะมีการแพร่กระจายของไวรัสซอมบี้ พวกเขาต้องช่วยกันเอาชีวิตรอดจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึงโดยไม่กลายเป็นพวกเดียวกับมันไปเสียก่อน นำแสดงโดย พัคจีฮู, ยุนชานยอง,ยู อิน-ซู, พัคโซโลมอน, ชเวอีฮยอน และอียูมี จากซีรีส์ดังกระฉ่อนโลกจากเน็ตฟลิกซ์ของปีที่แล้ว Squid Game

 All of Us Are Dead (2022) on IMDb

ตัวอย่าง All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้)

เรื่องย่อ All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้)

เหตุการณ์ประหลาดอันน่าสยดสยองได้เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองฮโยซาน เมื่อเด็กหญิงคนนึงที่หายตัวไปในโรงเรียนกลับปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียนและเข้าทำร้ายคนในโรงเรียน ไม่นานทั้งโรงเรียนก็เต็มไปฝูงคนคลั่งหรือซอมบี้ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้จากการกัดและการมีบาดแผล ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน หรือเพราะอะไร เหล่าวัยรุ่นมัธยมที่เหลือรอดที่นำโดย นัมอนโจ, ชองซาน, นัมรา, ซูฮยอก และคนอื่น ๆ ต่างต้องเผชิญกับปมปัญหาภายในใจที่ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ถึงมิตรภาพและการเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะตกเป็นเหมือนพวกมัน แต่ทว่าไม่นานนักจากการแพร่เชื้อของไวรัสภายในโรงเรียนก็กลายเป็นระดับชาติ ความหวังเริ่มริบหรี่และความเป็นจริงอันโหดร้ายทำให้พวกเขารู้ว่าในวันล้างโลกแบบนี้ ความหวังและความสามัคคีไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขาสามารถผ่านวิกฤติได้ นอกซะจากต้องเรียนรู้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึง หรือสุดท้ายในที่สุด ทุกคนจะตายกันหมด ไม่มีความหวังเหลือแล้ว

รีวิว All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้)

จากคนที่อ่านเว็บตูนจบแล้ว ถือว่าซีรีส์ถอดแบบจากฉบับเว็บตูนแทบจะทุกตารางนิ้ว มีการเล่าขยาย สลับมุมมองของมูลเหตุและโทนเรื่องที่จริงจังมากขึ้น โหดเลือดสาดเห็นไส้เห็นพุงเห็นรอยกัด มีความขยี้ดราม่าเพื่อให้เหมาะและปูตัวละคร การเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงสลับไปมาระหว่างหลายมุมมอง มากกว่าเพียงให้เราได้เห็นมิติและการกระทำน่าเชื่อถือ เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยประเด็นทางสังคมที่ขยายออกไปมากกว่าแค่การเอาตัวรอด พล็อตก็ตามสูตรซอมบี้เอาชีวิตรอดทั่วไป แต่ยังมีพล็อตรองที่บางอันก็น่าสนใจ บางอันก็เรียกว่าน่าเบื่อปะปนกัน โดยเฉพาะความพยายามใส่ฉากโรแมนติกเข้ามา ทำให้บางครั้งคนจะรู้สึกเอียนกับความพยายามรักสามเส้าแบบซีรีส์เกาหลีในช่วงเวลาแบบนี้ บางฉากก็มีให้ลุ้นว่าตัวละครจะรอดไปได้มั้ย แม้ซีรีส์จะพยายามบอกสถานการณ์ของตัวละครว่าพวกเขากำลังเจอซอมบี้ และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดและชาญฉลาดที่ทำให้เรารู้สึกเออ มันสมเหตุสมผลตามวัยรุ่นคือไม่โง่ ไม่ได้สิ้นหวังและเชื่อได้ว่าในชีวิตจริงจะต้องทำยังไง แต่จะมีบางตัวละครก็ยังทำตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังซอมบี้สูตรสำเร็จแบบตะวันตกยุค 90 ที่วอนหาเรื่องให้ทีมซวยตลอด แต่ที่ชื่นชมคือเดาไม่ออกเลยว่าใครจะตาย ใครจะรอด เพราะบางคนที่รอดมากว่าสิบตอนก็ยังสามารถมาตายเท่ ๆ หรือโง่ ๆ ได้เหมือนกัน ดูเป็นเรื่องปกติดี ตอนจบเรื่องเหมือนจะสรุปทุกอย่าง แต่กลับทิ้งท้ายบางอย่างแบบงง ๆ เหมือนจะทำต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้

ซีรีส์พยายามเล่ากระจายไปอย่างสุด ๆ และไม่ได้โฟกัสแค่กับเพียงโรงเรียนมัธยมเหมือนชื่อเรื่องแปลภาษาไทย แต่ตัวละครหลัก ๆ ที่โดดเด่นกว่าใคร คงเป็นสี่ตัวละครหลัก นัมอนโจ ตัวละครเอกหญิงที่มีปมเรื่องตัวเองเรียนไม่เก่ง แต่ก็เชี่ยวชาญในการเอาตัวรอดจากพ่อที่เป็นนักดับเพลิงและตกหลุมรักซูฮยอก หนุ่มหล่อที่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการเอาชีวิตรอด ชองซาน เด็กหนุ่มเป็นมิตร เพื่อนสนิทของอนโจที่คิดกับเธอมากกว่าเพื่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คือฮีโร่ที่ช่วยทุกคนแม้จะหวาดกลัว ชเวนัมรา เด็กหญิงผู้เพอร์เฟ็คและเป็นหัวหน้าห้องของอนโจ ผู้ตัดขาดจากโลกภายนอกที่ทำให้เธอนั้นนิ่งและมีสติที่สุดในกลุ่ม และค่อย ๆ เห็นความดีและมิตรภาพและทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง กวีนัม อันธพาลนิสัยแย่ที่เคยเป็นเบ๊รังแกคนไม่มีทางสู้ ที่แม้แต่ซอมบี้ก็ไม่อาจหยุดความบ้าคลั่งของเขาได้ สลับกับมุมมองของกลุ่มรุ่นพี่เด็กมีปัญหาที่ในยามคับขันก็สามารถเป็นกำลังสำคัญในการเอาตัวรอดของพวกเขา

ซีรีส์ยังสะท้อนมุมมองของเจ้าหน้าที่ของรัฐ คนธรรมดาที่พยายามเอาชีวิตรอดในสถานการณ์อันวิกฤติ ทั้งนักการเมืองหญิงที่ค่อย ๆ เรียนรู้วิกฤติการณ์จาก บางตัวละครที่มีปมที่ค่อนข้างเบาบางและแอบทำให้ไม่ค่อยอินเพราะการกระทำที่ค่อนข้างน่าขัดใจ บางตัวละครก็เห็นแก่ตัวจนน่ารำคาญ บางตัวละครก็มีความเป็นวีรบุรุษ บางตัวละครก็มีปมปัญหา บางตัวละครก็ออกมาดื้อ ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวละครเหล่านี้มันสะท้อนมนุษย์ในยามวันล้างโลกได้เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะค่่อนข้างเป็นการตัดสินใจแบบเด็ก ๆ แต่ก็เข้าใจจุดประสงค์ว่าตัวละครก็ต้องมีมุมที่โง่กันบ้าง ไม่งั้นก็คงไม่สนุก แต่ข้อเสียก็คือเมื่อตัวละครเยอะ มันก็เลยทำให้เห็นได้ชัดว่าบางตัวละครก็ไม่มีความจำเป็นกับเนื้อเรื่องเลยด้วยซ้ำ หรือบางการกระทำก็คือความน่าหงุดหงิดที่ซีรีส์พยายามจะนำเสนอ และถ้ามันทำให้คนดูก่นด่าในก็ถือว่ามันทำหน้าที่ประสบความสำเร็จให้เรารู้สึกลุ้นไปกับตัวละครและสาปแช่งได้

มีประเด็นหลายอย่างในซีรีส์เรื่องนี้ที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่ไม่เคยได้รับการแก้ปัญหาและนำไปสู่ปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่าเกินจะแก้ ไม่ว่าจะเรื่องการทำร้ายร่างกาย การล่วงละเมิดทางเพศ และผู้ใหญ่ก็ไม่เคยเลยที่จะแก้ปัญหา ทำให้บางครั้งมันก็นำไปสู่ความสูญเสีย แต่ถ้าความสูญเสียมันทำให้ความคลั่งหรือความแค้นมันพุ่ง มันอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่มีใครคาดถึง เรื่องของอำนาจชนชั้นที่แปรผันเพราะซอมบี้ คนที่ไม่เคยมีทางจะต่อรองเพราถูกกดหัว แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน บางครั้งเหยื่อก็กลายเป็นผู้ล่า ความเห็นแก่ตัวและห่วงใยก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่คนรอบข้าง เหมือนกับตัวละครในเรื่องที่ยามเข้าตาจนก็พร้อมจะทอดทิ้งแม้แต่คนที่สนิทหรือครอบครัวไปได้อย่างหน้าตาเฉย

ประเด็นเรื่องของชีวิตเพื่อให้กำเนิดผ่านตัวละครหญิงที่ท้องในวัยเรียนที่ต้องพยายามปกป้องลูกด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่อย่างสุดความสามารถ ความรักของพ่อลูกที่ทำทุกทางเพื่อให้ได้เจอกัน ความแค้นของอันธพาลที่ดิ้นรนเพื่อทำร้ายคนอื่น แม้แต่ภาครัฐหรือทหารที่พร้อมตัดสินใจหลาย ๆ อย่างแม้ว่าจะหมายถึงการทำลายล้างชีวิตอีกมากมายก็ตาม วัยรุ่นที่เริ่มตั้งคำถามถึงการมีตัวตนในสังคมและอคติที่มีต่อกันและกัน การเป็นคนนอกหรือคนที่ถูกทิ้ง ความหวังที่ถูกทำลายเพราะคนเป็นผู้ใหญ่ที่ห่วงแต่ตัวเอง ความฉลาดของวัยรุ่นที่ทำทุกทางเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยความรู้ความสามารถและความสามัคคี แม้จะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยทิ้งความหวัง หรือแม้แต่ความรักที่พร้อมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักได้มีชีวิตรอด ซึ่งมันก็ตามสูตรของหนังซอมบี้ แต่การขยี้ความดราม่ามากไปหน่อยจนกลายเป็นเวิ่นเว้อและแอบน่ารำคาญ สะท้อนสังคมของมนุษย์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี

ในส่วนขององค์ประกอบยอมรับเลยว่าฉากซอมบี้ถล่มไล่กัดในช่วงต้น ๆ แล้วมุมกล้องเผยให้เห็นแบบกว้างเหมือนหนังฝรั่งคือดีมาก ๆ มันลองเทคให้เห็นความวุ่นวาย และมีอยู่หลายตอน โปรดักชั่นของเกาหลีนี่น่าชื่นชมจริง ๆ เพราะตลอดทั้งสิบสองตอนมีมุมกล้องที่หลากหลายมีซูม มีความกระจาย และก็โชว์ความโหดร้ายของโลกได้อย่างสมจริง อ้างอิงจากเหตุการณ์โควิดแล้วทำให้เรื่องราวนั้นดูน่าเชื่อถือ แต่ซีจีแอบลอยไปหน่อยในหลายฉาก ในด้านการออกแบบซอมบี้ที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่ไปจากเรื่องอืน ๆ แต่ก็มีเอกลักษณ์และมีความโหดที่แตกต่างกันออกไป แถมยังดูน่าเชื่อถือเพราะนักแสดงมีการเคลื่อนไหวที่เห็นแล้วใครไม่วิ่งก็คือตาย เพราะมันทั้งไวและกัดไม่กี่นาทีคนก็กลายเป็นแบบมัน นักแสดงนำแสดงได้ดีทั้ง ยุนชานยองในบทตัวเอกชายคนแรกที่ตอนต้นเรื่องอาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่พอในช่วงซอมบี้บุกเขากลับมีเสน่ห์และแสดงได้ดีมาก พัคจีฮูในบทตัวเอกหญิงที่เล่นดี สวย น่ารัก แต่บทที่บอกว่าฉลาดมีอยู่แค่ต้นเรื่อง ที่เหลือคือซุ่มซ่าม ไม่ห่วงตัวเอง ห่วงผู้ชาย อยู่ในรักสามเศร้าที่ชวนปวดหัว

ตัวละครรองลงมา ชเวอีฮยอนจึงกลายเป็นตัวละครที่เล่นดีกว่า บทดีกว่าเพราะบทของเธอต้องไต่ระดับจากความเฉยชาให้กลายเป็นความคลั่งสุด แต่ก็มีความสวย สง่าและเคมีเข้ากับ พัคโซโลมอน ที่น่าจะเป็นตัวละครที่รำคาญน้อยที่สุด เพราะในบรรดาตัวละครผู้ชาย เขาคือคนที่พาผู้รอดชีวิตข้ามผ่านวิกฤติไปได้ แม้บางครั้งเขาจะแอบทำอะไรโง่ ๆ ไปบ้าง แต่ด้วยความฉลาดและมีฝีมือ ทุกคนน่าจะหลงรักเขาได้ ยู อิน-ซู ในบทนักเลงอันธพาลโรคจิตที่สุดขีดคลั่งเมื่อซอมบี้ถล่มและเขาก็ทำให้ตัวละครนี้ทั้งน่ากลัวและน่าโมโห สมทบที่เหลือก็แสดงกันเอาเป็นเอาตาย น่ารำคาญก็สุด น่าสงสารก็สุด โรแมนติกก็ได้เหมือนกันแต่มันค่อนข้างผิดเวลา ไหนจะได้ อียูมี เจ้าของสาวเสียลูกแก้วให้เพื่อนจนน้ำตาตกใน Squid Game คราวนี้เธอจะมาทำให้ทุกคนต้องอุทานลั่นในทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว นอกนั้นแล้วผมก็คิดว่าดีงามตามมาตรฐานของซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ครับ ส่วนดนตรีประกอบก็บิ๊วอารมณ์แทบจะทุกตอน ทั้งตอนเศร้า ตอนลุ้น ตอนน่ากลัว ซึ่งยกระดับอารมณ์ให้คนซาบซึ้งและหวาดระแวงได้ไม่ต่างกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชั้นดีเลย

สรุป All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) สนุกและดีไหม

สนุกและดี แต่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าการทำซอมบี้ให้น่ากลัวและมีเอกลักษณ์ เหมือนเอาหนังซอมบี้อเมริกันมาผสมกับด่วนนรกซอมบี้คลั่งบวกความเวิ่นเว้อซีรีส์รักเกาหลี มันเลยกลายเป็นรสชาติที่คนชอบซอมบี้เกาหลีจะต้องพอใจ แต่กับคนที่คาดหวังอะไรที่ไม่ค่อยน่ารำคาญก็ต้องผิดหวัง เพราะมันไม่มีอะไรที่ว้าวเลย บทที่กระจายไปมาจนขาดความอิน การขยี้ให้มาก ๆ แล้วฆ่าตัวละครทิ้งไปให้ช็อคกลางอากาศ แม้ตัวละครหลักจะสำคัญแค่ไหนมันได้ผลนะ แต่ก็เฉย ๆ อาจเพราะมันดูมาหลายเรื่องจนชินแล้ว ประเด็นสังคมที่ก็เห็นมาแล้วในหนังซอมบี้หลายเรื่อง แม้ว่าจะมีบางประเด็นที่ดีอย่างการบูลลี่หรือผู้ใหญ่กับวัยรุ่น แต่มันก็นำเสนออย่างตื้นเขินและไม่ค่อยอินเท่าไหร่สำหรับผม มิหนำซ้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งใจจะทำซีซั่นต่อไปมั้ย เพราะในซีรีส์ก็จบตามแบบคอมมิคซึ่งหมายถึงจบบริบูรณ์ไปแล้ว แต่พอดูจบครบทุกตอน หรือที่ผู้กำกับบอกว่ามันเป็นตอนสุดท้ายมีซีซั่นเดียว มันอาจจะไม่จริงซะแล้ว ต้องมาดูผลลัพธ์ต่อไป เพราะนี่อาจจะกลายเป็นซีรีส์กวาดเงินสำหรับคนดูทั่วไปที่ชอบซอมบี้เกาหลีเรื่องต่อไปของเน็ตฟลิกซ์ แต่สำหรับผมถือว่าผ่าน ถ้าชอบแนวนี้ คุณอาจจะชอบมากกว่าผมก็ได้

ปล. มีประเด็นความรุนแรง เลือด บาดแผล และการใช้ความรุนแรง ผู้ชมควรได้รับการแนะนำ และยังมีการนำเสนอการละเมิดทางเพศที่ค่อนข้างเป็นพิษและไม่เป็นมิตรกับคนดูโดยเฉพาะกับผู้หญิง

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!