playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว LOKI เทพซ่าส์ล่าข้ามเวลา ซีรีส์ล้ำที่ปั่นป่วนเส้นเวลาในจักรวาล MCU (ไม่สปอยล์)

สรุป

ซีรีส์ขยายจักรวาล MCU ที่ปั่นป่วนและก๊วนโอ๊ย ทั้งยังทรงพลังโดยการเล่าเรื่องของตัวร้ายในจักรวาลมาร์เวลที่ใครหลายคนหลงรักอย่างโลกิ ด้วยพลังนักแสดงของทอม ฮิดเดิลสตัน และโอเว่น วิลสัน ทำให้มันเป็นซีรีส์มีครบทุกรสทั้งแอ็คชั่น ฮา รัก ดราม่า น่าตกตะลึง ด้วยดนตรีประกอบสุดล้ำและงานสร้างที่แสนอลังการในระดับจักรวาล แม้ว่าซีรีส์จะเน้นบทสนทนามากกว่าการขายฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร พล็อตโฮลที่ดูเป็นการจับยัดเพื่อให้เข้ากับเรื่องราวของซีรีส์และจักรวาล และช่วงตอนครึ่งซีซั่นที่เน้นความสัมพันธ์จนทำให้เรื่องแอบอืด ๆ ช่วงตอนสุดท้ายจะเน้นบทสนทนามากกว่าการโชว์พลังระดับใหญ่และทำให้พลังของซีรีส์ดร็อปลงก็ตาม

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
3.67 (3 votes)

Pros

  • เนื้อเรื่องเล่ามุมมองของโลกิที่ลึกขึ้น และมีหลายรสชาติ ทั้งแอ็คชั่น ดราม่า โรแมนติก ระทึกขวัญ
  • ทีมนักแสดงแสดงได้ดี น่าจดจำทุกตัวละคร มีเคมีต่อกันทำให้อินกับความสัมพันธ์ในเรื่อง
  • คอนเซปต์และประเด็นในเรื่องเล่นใหญ่ถึงขั้นตั้งคำถามกับจักรวาลเวลาและเจตจำนงเสรี
  • ดนตรีประกอบสุดไพเราะและติดหู
  • งานสร้างและซีจีที่อลังการระดับภาพยนตร์
  • มี Easter Eggs ที่ส่งผลกระทบกับจักรวาล MCU ใน PHASE 4
  • มีพากย์ไทยคุณภาพแบบฉบับภาพยนตร์

Cons

  • ถ้าไม่ตามจักรวาลมาร์เวลอาจจะไม่อินกับตัวละครโลกิ แม้ซีรีส์ไม่ได้อิงหนังมากนัก
  • พล็อตโฮลที่แก้ง่าย ๆ เพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์จักรวาลอย่างไม่สมเหตุสมผล จบแบบไปยังซีซั่น 2
  • ซีรีส์มีช่วงอืดและจบเรื่องไม่ทรงพลังเท่าที่ควรเช่นเดียวกับฉากแอ็คชั่นที่มีน้อยและไม่ดีเอาซะเลย

LOKI (โลกิ เทพซ่าส์ล่าข้ามเวลา) มินิซีรีส์อเมริกัน สร้างขึ้นสำหรับดิสนีย์+ โดยไมเคิล วอลดรัน เนื้อเรื่องอิงตามตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ในชื่อเดียวกัน โดยเป็นซีรีส์เรื่องที่สามของดิสนีย์พลัสที่อยู่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) เนื้อเรื่องมีความต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชส์ ละครชุดนี้ผลิตโดยมาร์เวลสตูดิโอส์ โดยมี ไมเคิล วอลดรัน รับหน้าที่เป็นผู้เขียนบทและ เคท เฮอร์รอน เป็นผู้กำกับ เดินเรื่องต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชส์ เนื้อเรื่องเกิดขึ้นหลังจาก อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ในปี 2019 โดยโลกิที่ปรากฏในเรื่องคือ โลกิ ในช่วงเหตุการณ์ในดิ อเวนเจอร์ ปี 2012 ที่สามารถหลบหนีจากอเวนเจอร์ได้ เนื่องจากทีมอเวนเจอร์จากอเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ย้อนเวลากลับมาเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต ทำให้เขาสามารถใช้เทสเซอร์แร็คหลบหนีไปได้และเปิดตัวองค์กร TVA (Time Variance Authority) หรือ หน่วยพิทักษ์เวลาในจักรวาลครั้งแรก

 Loki (2021) on IMDb

ตัวอย่าง LOKI

รีวิว LOKI

เรื่องเล่าบอกเล่าหลังจากเหตุการณ์ในช่วงต้นของ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก โลกิเวอร์ชั่นที่หลบหนีมาจากเหล่าอเวนเจอร์ในนิวยอร์กปี 2012 พร้อมกับเทสเซอร์แร็ค เตรียมจะก่อแผนร้ายอีกครั้ง แต่ทว่า TVA กลับปรากฏตัวและพาตัวโลกิไปยังที่อีกมิติเวลาหนึ่งซึ่งมีสถานะเหมือนออฟฟิศที่เคยจัดการเส้นเวลาที่แตกแขนงออกไปจากการกระทำของ ตัวแปร ที่สามารถสร้างเส้นเวลาใหม่ที่เรียกว่า Nexus Event และสามารถทำลายความสงบสุขของทั้งจักรวาลได้ โลกิที่มีชะตากรรมและถูกขีดเส้นกำหนดไว้แล้ว จึงต้องเรียนรู้อนาคตที่เขาไม่เคยได้ไปถึงกับลิขิตอันทรงเกียรติเพื่อเปลี่ยนแปลงและหาทางร่วมมือกับ TVA ตามล่าหาตัวแปรที่สำคัญที่สามารถสั่นคลอนทั้ง TVA หรือแม้แต่ตัวเขาเอง ร่วมด้วยสหายและศัตรูใหม่ โลกิค่อย ๆ ค้นพบความเจ็บปวด ความกล้าและตัวตนที่แท้จริงที่ตัวเองไม่เคยยอมรับหรือเข้าใจ แต่นั่นก็ทำให้อันตรายเข้าหาตัวเขาและคนรอบตัวในจักรวาลเช่นเดียวกัน นี่คือเรื่องราวในแง่มุมของโลกิที่ไม่มีใครรู้ และจุดเริ่มต้นของชะตากรรมอันยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล MCU

ซีรีส์เรื่องนี้เดินเรื่องแบบสไตล์เล่าและรู้ไปตามเนื้อเรื่องผสมกับตลกและต้มตุ๋นไปมา ไม่เปิดเผยตัวเรื่องราวหรืออะไร ให้เราเป็นตัวแทนกับโลกิสำรวจไปในเรื่องราวทั้งในด้านของตัวตนที่แท้จริงของโลกิ และตัวละครรอบตัวทั้งดีและร้ายที่ค่อย ๆ ผลักดันให้เรื่องราวมีความเข้มข้นในแบบฉบับของซีรีส์ที่เน้นพล็อตมากกว่าฉากแอ็คชั่นแต่ก็ยังไม่ทิ้งความอลังการในแง่คอนเซปต์ที่ล้ำที่สุดในจักรวาล MCU แถมหยอกเย้ากับประวัติศาสตร์จริง ๆ ที่ไม่มีคำอธิบายชัดเจน  แต่ก็ยังดูเชื่อได้ว่ามันเกิดขึ้นในจักรวาลกับองค์กร TVA ที่มีบทบาทสำคัญของเรื่อง เราอาจจะเคยเห็นพวกซีรีส์แนวสืบสวนไล่ล่าข้ามเวลาแบบ Dr.who ที่ตัวละครไปในยุคต่าง ๆ แต่เรื่องนี้เล่นใหญ่ขนาดที่ว่าบทสรุปของเรื่องทำเอาค้างเติ่งและทิ้งปมให้จักรวาลมากมาย  ตัวละครในเรื่องก็ไม่ได้เยอะมากมาย ส่วนใหญ่จะมาในบทรับเชิญแต่เซอร์ไพรส์ในทุกหน้าที่โดยเฉพาะคนที่ตามจักรวาลคอมมิค แต่ในแง่ของคนนอกที่เพิ่งมาดูคุณก็สามารถดูเรื่องนี้ได้เหมือนกัน ต่างจากซีรีส์เรื่องก่อน ๆ ที่คุณต้องทำความเข้าใจ แต่เรื่องนี้คือพาคุณเข้าไปเห็นได้สัมผัสโดยที่ไม่ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับหนังเลยสักนิด เพราะมันคือเนื้อเรื่องในตัวของมัน แค่ผลพวงในตอนท้ายมันส่งต่อไปถึงสื่ออื่น ๆ ในมาร์เวล ทั้งในหนังในจักรวาลที่กำลังจะออกฉายและได้รับผลกระทบจากซีรีส์อย่าง What If…?, Spider-Man: No Way Home, Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่ต่อยอดมาจากช่วงท้ายของ Wandavision และซีรีส์เรื่องนี้ที่โลกิจะได้ไปปรากฏตัวในภาพยนตร์ รวมถึง Ant-Man and the Wasp: Quantumania 

สิ่งที่น่าเสียดายจริง ๆ จึงเป็นเรื่องของฉากแอ็คชั่นที่ดร็อปกว่าซีรีส์มาเวลเรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้าที่ค่อนข้างมีน้อยและไม่ค่อยชวนให้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ การเดินเรื่องในครึ่งซีซั่นก็คือเน้นบทสนทนาและความสัมพันธ์กว่าจะได้บู๊จริง ๆ และก็มีน้อยด้วย อาจเพราะด้วยซีรีส์ต้องการจะโชว์พล็อตและไอเดียสร้างสรรค์เกี่ยวกับเวลา เนื้อเรื่องกับบทสนทนาจึงเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องมากกว่าฉากแอ็คชั่นในสไตล์หนังซุปเปอร์ฮีโร่ และด้วยความยาวของตอนที่มีเพียงแค่หกตอน แต่เมื่อดูจบแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่อิมแพ็คเท่าที่ควร แม้จะทิ้งอะไรหลายอย่างให้ติดตามต่อในซีซั่น 2 ที่ประกาศหลังซีซั่นแรกจบ ในฐานะซีรีส์มาเวลที่มีสองซีซั่น การเฉลยปมก็ดูเป็นการจับยัดที่มาร์เวลต้องการโยงจักรวาลให้มีเหตุผล ว่าทำไมโลกิถึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ฟังดูจะกลบพล็อตโฮลได้ แต่ก็ไม่เลย มันก็ยังดูเป็นอะไรที่แค่นั้นเหรอ อย่างงั้นเองเหรอ ด้วยตอนท้ายที่ไม่มีฉากอลังการหรือตูมตาม แต่กลับเปิดตัวร้ายจริง ๆ ของเรื่องให้ได้เห็นความน่ากลัวกับบทสนทนาที่ปั่นประสาทและน่าสะพรึงกว่าทานอสในตอนอเวนเจอร์ เฟสก่อน ๆ อีก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะมันสามารถควบคุมการไหลของกระแสเวลาได้และเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ซึ่งผมจะไม่บอกว่าเป็นใคร แต่ผลกระทบมันขยายกว้างมาก ๆ หลังจากที่คุณดูซีรีส์จบ และยิ่งทำให้คุณงงว่าจะตามจักรวาล หรือจะรอดูซีรีส์ซีซั่น 2 ดี เพราะยังรู้สึกได้ว่ามันน่าจะเล่าเรื่องในตัวของมันได้อยู่ ซึ่งเป็นข้อดี เพราะมันก็ยังดูสนุกโดยไม่ต้องอิงจักรวาลสักเท่าไหร่

โชคดีเพราะตัวละครโลกิในเรื่องคุณอาจจะไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรมากมาย เพราะซีรีส์เปิดตัวเขาในการเป็นตัวร้ายที่คอยป่วนโลกและจักรวาลมาตลอด แต่ครั้งนี้มาร์เวลโยนเข้าสู่สถานการณ์บนเส้นเวลาที่อยู่ห่างจากเส้นเวลาของภาพยนตร์ ทำให้เราได้เห็นอารมณ์และจิตใจของโลกิมากกว่าครั้งไหน ๆ ทั้งสุข เศร้า เจ้าเล่ห์ สิ้นหวัง และโกรธแค้น แรงจูงใจอะไรบางอย่างที่ผลักดันให้เขาต้องร้าย มันเป็นเพราะตัวเขา หรือเพราะเวลากำหนดไว้ มันน่าสนใจมากเพราะมุมนี้แหละที่ทำให้โลกิมีเสน่ห์จนมีแฟน ๆ ติดตามเพราะความที่เขาคุ้มดีคุ้มร้ายในจักรวาลมาตลอด เขามีฝีมือและเวทมนตร์อันทรงพลังแต่ไม่เคยได้ใช้มันจริง ๆ มาในครั้งนี้เขาจะเป็นตัวละครหลัก โลกหมุนรอบตัวเขาและทั้งจักรวาลที่เปลี่ยนไปก็เพราะตัวเขาแต่อย่างที่บอกโลกิยังอยู่ในจักรวาล MCU ถ้าคุณอยากรู้จักเขามากกว่านี้ ก็คงต้องไปตามเรื่องราวของเขาใน Thor, The Avengers, Thor: The Dark World, Thor: Ragnarok, Avengers: Infinity War คุณจะได้รู้ว่าเส้นทางการไถ่บาปของเขามายังไง แต่ในซีรีส์การไถ่บาปของเขาจะเป็นในอีกแบบนึง เรียกได้ว่าซีรีส์นี้จะต้องทำให้ใครรักและเอ็นดูโลกิอย่างแน่นอน

ประเด็นสำคัญในเรื่องใหญ่จริง ๆ ทั้งเรื่องเจตจำนงเสรี การเลือกทำในสิ่งที่กำลังจะทำ หรือไม่ควรทำ ว่าแท้จริงแล้วมีอยู่จริงหรือไม่ ผ่านภาพของ TVA องค์กรที่คอยบงการเวลาและจักรวาลให้ทุกอย่างนั้นเป็นไปในทางที่ควรจะเป็นและอยู่เหนื่อไปกว่าทุกสิ่งในจักรวาล MCU แต่เมื่อมีโลกิซึ่งเป็นตัวแปรอยากจะเปิดเผยความจริง มันก็เลยเกิดเป็นความขัดแย้งว่าแท้จริงเราเป็นแบบที่เราเป็น หรือมีคนกำหนดให้เราเป็นตั้งแต่แรก เรื่องของอุดมการณ์และความขัดแย้งในเรื่องการปกครองว่าแท้จริงแล้วเราควรเชื่อในสิ่งที่เห็น หรือ เชื่อในสิ่งที่มันเป็น ประเด็นมันค่อนข้างที่จะส่งผลกระทบกับตัวละครทุกตัวมาก ทั้งในเรื่องของการเมืองผ่านกาลเวลา เรื่องของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยแบ่งแยกออกเป็นจักรวาล ความเจ็บปวดของคนที่พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของทุกสิ่งแต่สุดท้ายแล้วก็มีสิ่งอื่นเข้ามาจัดการให้มันเป็นเช่นนั้น เรื่องของความต้องการ ความรักและความปรารถนาดี มิตรภาพและความสัมพันธ์ที่มาถึงจุดแบ่งแยกอย่างชัดเจนเมื่อต่างฝ่ายต่างมองเหตุการณ์ต่างกัน เป็นการวัดระหว่างศีลธรรมและความจำเป็นที่เห็นภาพชัดเจนมากกว่าการเข่นฆ่าฟันแบบสไตล์หนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ถือเป็นพล็อตเรื่องที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน แต่ถูกนำเสนอออกมาอย่างเรียบง่ายไปหน่อยในตอนท้าย

ตัวละครหลักก็ล้วนมีมุมสีเทา ๆ ไม่ได้มีมุมดีจ๋าต่างมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโลกิที่ต้องการอิสรภาพ แต่พอได้เห็นความเป็นจริงของสมดุลในจักรวาลจำเป็นตองมีคนควบคุม เขาก็เลือกที่จะปล่อยให้ชะตากรรมของตัวเองถูกควบคุม โมเบียส ตัวละครที่ตอนแรกเชื่อมั่นว่าองค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่คือที่ของตัวเองและจงรักภักดีจนกระทั่งความจริงสั่นคลอนและเขาเลือกที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกิ มิตรภาพของสองคนนี้จริงแท้ที่สุดเท่าที่มาร์เวลเคยตีความ เพราะทั้งชีวิตโลกิไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน และโมเบียสนี่แหละที่เปลี่ยนแปลงโลกิและโลกิก็เปลี่ยนแปลงโมเบียส ซิลวี่ ตัวแปรที่ดูตอนแรกจะเป็นตัวร้ายแต่แท้จริงเธอกลับมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นและความสัมพันธ์ของเธอกับโลกิก็คือไฮไลท์สำคัญถึงเจตนาและเป้าหมายของเธอที่ต้องการจะทำให้สำเร็จโดยไม่สนใจถึงผลที่ตามมา เรนสเลเยอร์ ผู้พิพากษาสาวที่ยึดมั่นในกฏไม่ยอมให้อะไรมาเปลี่ยนแปลง แม้ว่าความจริงจะอยู่ตรงหน้า และเหล่าตัวละครลับอีกมากมายที่ค่อย ๆ ได้รับรู้ความจริงที่ค่อย ๆ สั่นคลอนความเชื่อและกระทำในสิ่งที่แตกต่าง ไม่ใช่การวัดว่าตัวละครไหนที่ทำถูกที่สุด แต่มันคือผลอะไรที่ให้สิ่งที่คุ้มค่าที่สุด และนั่นมาสู่บทสรุปที่ชวนให้อึ้งตาแตกและทำให้ใครหลายคนรู้สึกกระหายใคร่รู้แล้วว่าจักรวาล MCU จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ทอม ฮิดเดิลสตันโชว์ศักยภาพหนุ่มผู้ดีอังกฤษที่มีเสน่ห์และมอบการแสดงที่ดีที่สุดเท่าที่โลกิเคยมีมาใน MCU ทุกอารมณ์ที่แสดงล้วนมีความหมายผ่านสีหน้าแววตาของเขา เขาสามารถทำให้เรารู้สึก หมั่นไส้ เห็นใจ สงสาร ตกใจ สิ้นหวังไปพร้อม ๆ กันได้ เรียกได้ว่าซีรีส์นี้เป็นของเขา เป็นของโลกิอย่างสมบูรณ์ ฉากที่ตัวละครร้องไห้คือฉากที่จริงและเจ็บปวดเอามาก ๆ ในขณะที่ฉากตลกยียวนกวนประสาทอย่างมีสไตล์เขาก็ยังเก็บครบไม่มีขาด ฉากต่อส้เขาก็ดูเท่ มีเคมีเข้ากับโมเบียส พ่อหนุ่มหนวดที่เคมีชวนจิ้นในฐานะเพื่อนคนใหม่ที่นำแสดงโดย โอเว่น วิลสัน นักแสดงตลกที่เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อตลก แต่มาถ่ายทอดความสัมพันธ์และมุมมองจริงจังที่เราไม่ค่อยได้เห็นในตัวโมเบียสและเป็นตัวที่คอยเบรคอารมณ์เรื่องให้มีโทนตลกโปกฮา แต่ซีนอารมณ์เขาก็ทำได้ดีมากเช่นเดียวกัน โซเฟีย ดิ มาร์ติโน ถือเป็นนักแสดงอีกคนที่สามารถแสดงบทหญิงสาวมีปมอย่างซิลวี่ และกล้าหาญในเวลาเดียวกัน เธอมีบทสำคัญของเรื่องแต่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครแต่ยังคอยผลักดันโลกิและแสดงอารมณ์อันอ่อนไหวแต่ทรงพลังให้ได้เห็นในตัวแทนของภาพสะท้อนที่โลกิไม่เคยมี

กูกู อึมบาทา-รอว์ เราอาจจะเห็นเธอในหนังหลายเรื่องในบทผู้หญิงธรรมดา แต่เรื่องนี้เธอมาในลุคผู้พิพากษาที่เคร่งขรึมและดูดี ผู้เด็ดขาดกับทุกการตัดสินใจและการแสดงที่น่าจดจำในตอนท้ายทำให้เราไม่รู้เลยว่า เธอจะไปทางไหนได้อีก วันมี โมซากู ในบทของหญิงใน TVA ผู้ค้นพบความจริงของเรื่องทั้งหมดและกลายเป็นส่วนสำคัญที่เปิดเผยปมของเรื่อง ตอนแรกเธอดูไร้ชีวิตจิตใจแต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอจะมีมุมที่คาดไม่ถึงให้เห็น ซึ่งบอกเลยว่าทีมนักแสดงคือคุณภาพทุกคน และเฉลี่ยบทออกมาได้ค่อนข้างดี ที่ขอชมเลยคืองานภาพและงานสร้างและการถ่ายทำคือสวยมากในการเนรมิตโลกของซีรีส์ให้มีความยิ่งใหญ่ ซับซ้อน แต่งดงาม แสงสีที่มีความหมายกับตัวละครหรือสถานการณ์นั้น ๆ เป็นงานอาร์ตที่ถูกรังสรรค์แทนที่ฉากแอ็คชั่นที่ดูพอผ่าน ๆ ตา และฉากซีจีที่ดีมาก ๆ ยังไม่รวมดนตรีประกอบของเรื่องนี้ทำได้ดีและติดหูมาก โดยเฉพาะตีมเพลงที่เปลี่ยนไปในแต่ละตอนที่ได้ นาตาลี โฮลต์มาช่วยรังสรรค์ ให้อารมณ์ลึกล้ำน่าค้นหา ติดหูจนต้องหามาฟังหลังดูจบแต่ละตอน ทำให้เพลงประกอบทุกเพลงมีความหมาย ทั้งในด้านความอลังการและดึงดูดผู้ชมให้ลุ้นและติดตามเรื่องจนจบทั้ง 6 ตอน

สรุป LOKI

ใครรักชอบโลกิต้องดู ใครอยากรู้จักจักรวาลมากกว่าที่เคยสัมผัสต้องดู ใครอยากดูซีรีส์เล่าเรื่องเกี่ยวกับเวลาล้ำ ๆ ต้องดู เพราะมันคือซีรีส์คุณภาพที่มาพร้อมกับนักแสดงที่ทรงพลัง ดนตรีประกอบสุดอลัง และคอนเซปต์เรื่องกาลเวลาสุดล้ำที่สามารถสร้างผลกระทบกับจักรวาล MCU อย่างใหญ่หลวง แม้จะมีจังหวะการเล่าเรื่องที่อืดไปบ้างในช่วงครึ่งซีซั่น หรือตอนท้ายจะตกม้าตายในสไตล์ซีรีส์ในจักรวาล MCU เหมือนเรื่องก่อนหน้า แต่มันก็คือลิขิตอันทรงเกียรติแล้วหากได้ดูเรื่องนี้ ประเด็นที่อ้างอิงจากโลกแห่งความจริงที่เรียบง่ายแต่กินใจ มีมุกตลกคอยมาเบรคอารมณ์ มีความสัมพันธ์รักชวนโรแมนติก มีฉากแอ็คชั่นที่ผ่าน ๆ ตา ตัวละครที่น่าจดจำในแทบทุกตัวและปูไปสู่เรื่องราวในจักรวาลและซีซั่นสองที่ประกาศเดินหน้าถ่ายทำแล้ว ไม่แน่คุณที่ดูเรื่องนี้อาจจะต้องไปทำความโลกิเพิ่มเติม หรือลงแดงมากกว่าเดิมในตอนท้ายอย่างแน่นอน ถือเป็นซีรีส์ดีที่ไม่ได้ดีเวอร์มาก แต่ก็เป็นซีรีส์ที่มีอะไรดี ๆ ให้ได้หยิบจับสัมผัสผ่านตัวละครโลกิ โดยไม่ต้องเพิ่งพลังของตัวละครซูปเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ ที่มีในมาร์เวลเลย แต่ว่าหากอยากรู้ว่าผลที่เกิดขึ้นหลังจากซีรีส์เป็นอย่างไรก็จงติดตาม วอทอิฟ อนิเมชั่นซีรีส์ที่ทอม ฮิดเดิลสตัน นักแสดงบทโลกิบอกว่า มันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากผลพวงในตอนท้ายซีรีส์โลกิ เพราะฉะนั้น 11 สิงหาคม ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ

ฉายแล้ววันนี้ทางสตรีมมิ่ง Disney+Hotstar  

ราคาปีละ 799 บาท สำหรับลูกค้าทั่วไป แต่เฉพาะลูกค้า AIS สมัครแพ็กเกจ Disney+ Hotstar เพียง 49 บาท/เดือน (จาก 99 บาท) หรือ ราคาปีละ 499 บาท

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!