รีวิว Monster Hunter หนังจากเกมที่จะปังหรือร่วง (ไม่สปอยล์)

Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นทางการทหาร แฟนตาซี ระทึกขวัญ สัตว์ประหลาด สร้างจากแฟรนไชส์เกมขายดีในชื่อเดียวกันของแคปคอม เขียนบทและกำกับโดย พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ผู้กำกับที่อยู่เบื้องหลังผีชีวะเกือบทุกภาค ยกเว้นภาค 3 นั่นเอง นำแสดงโดย มิลล่า โจโววิช, จา พนม, ดิเอโก โบเนต้า สตูดิโอโดย เทนเซนต์ของจีน โตโฮของญี่ปุ่น คอนสแตนติน ฟิลม์ของเยอรมัน และโซนี่ พิคเจอร์ของอเมริกา 

ผ่านไปแล้วกว่า 3 ปี นับตั้งแต่จากปี 2559 แฟรนไชน์ RESIDENT EVIL หรือ ผีชีวะ กวาดรายได้ไปกว่า 1200 ล้านเหรียญสหรัฐ และครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมสูงสุดได้จบลงไป แม้จะมีคำวิจารณ์และคำกร่นด่าของแฟนเกมส์ก็ตาม จนตอนนี้ภาครีบู๊ตที่ได้ถ่ายทำเสร็จก็กำลังจะได้ฉายในปีหน้า แต่ทางค่ายหนังและพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ผู้กำกับก็ขอหยิบเกมแนวแอ็คชั่น อาร์พีจีชื่อดัง อย่าง มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ มาดัดแปลงลงจอเงิน สานต่อความสำเร็จด้วยความหลงใหลและความชื่นชอบของตัวพอลเอง ทำให้เขาติดต่อกับค่ายเกมเพื่อสร้างหนังอสูรยักษ์ให้เป็นจริง แน่นอนว่าการจะได้นักแสดงนำจำเป็นต้องได้คนที่มีคิวบู๊เพียบพร้อม ซึ่งก็คงเป็นใครอื่นไม่ได้อีก นอกจาก มิลล่า โจโววิช ภรรยาของเขาที่ทุกคนจดจำได้จากแฟรนไชน์ผีชีวะในบทของ อลิส ได้กลับมารับบทนำร่วมกับ ซูเปอร์สตาร์ชาวไทยเจ้าของวลีเด็ดอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน” จา พนม ที่เคยไปฟาดฟันในวงการฮอลลีวู้ดมาแล้วใน เร็ว..แรงทะลุนรก 8 มาคราวนี้เขาจะพาเราไปล่าแย้ยักษ์กัน ที่เราพอจะรู้จักอยู่บ้างอีกคนก็คือ ดิเอโก โบเนต้า จากฅนเหล็ก : วิกฤตชะตาโลก ที่สวมบทเป็นทหารร่วมรบกับมิลล่า โจโววิช นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้จักใครเลย

ก่อนที่เข้ารีวิวก็ต้องขอพูดถึงกระแสก่อน กระแสตอนตัวอย่างออกคือติดลบอย่างแรงโดยแฟนเกมมอนสเตอร์ ฮันเตอร์ เพราะตามเกมต้นฉบับแล้ว เรื่องราวจะเล่าตำนานแฟนตาซีของมนุษย์ที่อาศัยและต่อสู้กับอสูรกายในนิวเวิลด์ โลกที่อยู่คนละมิติกับโลกมนุษย์ แต่หนังกลับเป็นกองทหารในโลกมนุษย์ที่ดันหลุดเข้าไปในโลกนี้เข้าและต้องฟาดฟันกับมันแทน ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ มันมีที่มาจาก การครอสโอเวอร์ของเกมนี้ กับเกม Metal Gear Solid: Peace Walker ที่เล่าถึงตัวละครหลักที่เป็นทหารได้เข้าไปล่าอสูรยักษ์ในโลกของนี่จึงเป็นแนวคิดที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนัง ยังไม่รวมกับดราม่ามุกเหยียดคนจีนอย่าง “Chinese, Japanese, dirty knees” ใครอยู่ต่ำกว่าอเมริกา ที่เล่นเอาวุ่นไปทั้งค่ายจนต้องออกมาแก้ไขยกใหญ่ การเล็งปืนสไนเปอร์ของตัวละครในเรื่องที่มั่วซั่วสุด แต่ก็ต้องบอกตรง ๆ เลยว่า หนังได้รับการยืนยันจากค่ายแคปคอมแล้วว่า เดินเรื่องในจักรวาลเกมหลังจากเหตุการณ์ใน MONSTER HUNTER WORLD (ภาคนี้ขายไปได้ถึง 15 ล้านก๊อปปี้นั่งแท่นเกมที่ขายดีที่สุดของแคปคอม) มาหลายปี โลกทั้งใบในภาพยนตร์คือโลกเดียวกับในเกมที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน และสงวนไว้ใช้ในการเล่าเรื่องของหนังโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับที่ทางผู้สร้างของเกมก็ดูพอใจกับสไตล์มอนสเตอร์ในตัวอย่างตามที่ทางผู้กำกับให้ดู แต่อย่างว่าแหละครับ ของแบบนี้ถ้าไม่ดูด้วยตาตัวเองก็คงไม่มีวันรู้

“กองทัพสหรัฐที่นำโดย กัปตันหญิง นาตาลี อาร์ทีมิส หัวหน้าทีมทหารชั้นยอดแห่งสหประชาชาติ ได้ลงพื้นที่ไปสืบหาการหายตัวของหน่วยทหารอัลฟ่าที่หายไประหว่างการทำภารกิจ ณ ทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทว่า ที่นั่น พวกเขากลับถูกประตูมิติแกนวาร์ปส่งเข้ามาอีกโลก ที่ซึ่งมีอสูรกายยักษ์ที่อาวุธระดับกองทัพยังไม่อาจทำอะไรได้ ท่ามกลางกองทหารที่ถูกเล่นงานทีละคน พวกเขาได้พบว่าในโลกนี้มีนักล่าอสูรปริศนาที่มีทักษะพิเศษเรียกว่า ฮันเตอร์อยู่ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกับนักรบต่างโลก เพื่อ ต่อสู้ เอาชีวิตรอด และฟาดฟันกับอสูรกายนานาพันธุ์ เพื่อกลับสู่โลกของพวกเขาให้ได้ พร้อม ๆ กับไขปริศนาต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมดที่อาจพลิกชะตาทั้งสองโลกได้” 

ดูเอามันส์ อย่าถามหาเหตุผลหรือเนื้อเรื่องชั้นยอด

เป็นไปตามที่คาดการณ์ครับ หนังมาเพื่อมอบฉากแอ็คชั่นตลอดชั่วโมงครึ่งล้วน ๆ เนื้อเรื่องแทบไม่ไปไหนเลย เรื่องราวทั้งหมดก็ตามที่ผมเล่าตั้งแต่ต้นนั่นแหละ สำหรับคนที่เล่นเกมมาบ้างก็พอเข้าใจเรื่อง มันไม่ได้ห่วย แต่ปัญหาคือ เนื้อเรื่องมันบาง ทำให้องก์ของหนังมันยืดมาก ๆ ช่วงองก์ที่ 1 กับ องก์ที่ 2 คือวนอยู่กับแนวสยองขวัญหนีตายเสริมด้วยดราม่าของตัวละครที่ชวนหลับและแทบจะไม่ไปข้างหน้าเลย โชคดีที่ตัวอย่างหนังเอาองก์ต้นมาทำเป็นตัวอย่างแล้ว 80 เปอร์เซนต์ ทำให้พอเข้าสู่องค์ที่ 3 จะเป็นช่วงที่ใครเล่นเกมมาน่าจะชอบขึ้นมาบ้าง เช่นผม เพราะมันเป็นฉากที่มีความใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด ฉากแอ็คชั่นระทึกดีมั้ย อยู่ในระดับที่พอว้าว พอตกใจ พอระทึกอยู่ โดยเฉพาะอสูรกายที่เอามาจากเกมและดัดแปลงให้น่าสะพรึง ตั้งอยู่บนโลกภาพยนตร์ และมีบทบาทที่ชัดเจน ตัวละครที่เด่นสุดอยู่ในโปสเตอร์แล้วอย่างมิลล่า กับ จา พนม คือเด่นที่สุดแล้ว มีมุกตลกตบกันไปมา เคมีก็เข้ากันมากแบบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตัวละครที่เหลือเอามาเพื่อให้รู้ว่านี่เป็นกองทัพสหรัฐนะ หนังขายมอนสเตอร์กับภรรยาผู้กำกับตามเคยครับ5555

ตะลึงและอีหยังวะในคราวเดียวกัน

ด้วยความที่ดูสนุก อสูรกายที่ออกมาจึงยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงมาก อย่าง เดียอาโบ ราทาลอส และอีกกว่าสิบชนิดที่แฟนเกมจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับตัวละครจากในโลกเกมที่ได้มามีชีวิตในหนังด้วย แต่หนังก็มีพลอตโฮลมากมาย ตั้งแต่ในตัวอย่างที่ดูท่าจะตัดออกไม่ได้แล้ว ใส่ความฉับไวของเรื่องเข้าไป เราจึงได้หนังที่เรารู้สึกอีหยังวะในแง่ของฉากต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่รู้มันจะตัดไปตัดมาอะไรของมัน อารมณ์ระดับ อวสานผีชีวะเลยครับ ตัดฉึบไปมาให้เท่ ๆ แต่แทบจับต้องอะไรไม่ได้เลย ไม่รวมกับการที่ตัวละครหลักอย่าง อาร์ทีมิสที่แบกทั้งเรื่อง แบกฉากแอ็คชั่น แบกฉากตลก เด่นที่สุดในเรื่อง เด่นแบบเอ้อ ถ้าเป็นคนอื่นคือไม่น่ารอด การวางท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่มีศิลปะแบบในเกมที่มีท่วงท่าสวยงาม กลับมีเพียงกระโดด ฟาด ฟัน ยิง แบบหนังมอนสเตอร์ทั่วไป ที่พอจะอุ่นใจได้บ้างคือการที่ได้เห็นสถานที่ หรือวัตถุดิบจากเกมบางส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในเนื้อเรื่อง

งานสร้างจัดเต็ม เสียงที่กระหึ่ม

สิ่งที่หนังทำได้ดีมาก ๆ คือดนตรีประกอบและงานสร้างที่จัดเต็ม ตั้งแต่ซีจี เสียงฟัน เสียงยิง ดนตรีฉากระทึกและเศร้าก็ทำออกมาได้เข้ากับโทนอารมณ์ ยังไม่รวมกับการเนรมิตโลกของมอนสเตอร์ให้ออกมามีชีวิตจริง มีสังคมของมัน จนเหมือนได้ไปสำรวจในดินแดนดังกล่าวตัวเอง ซึ่งทำให้คนที่ไม่เล่นเกมมาจะมีอารมณ์ร่วมราวกับเป็นหนังแฟนตาซีเรื่องหนึ่ง ในขณะที่คนเล่นเกมก็จะได้เห็นสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด เรียกได้ว่าเซอร์วิสกันแบบสุด ๆ เซอร์วิสจนลืมเกลาบทที่เบาบางยิ่งกว่าผืนทรายในเรื่องอีก เรียกได้ว่าหนังขายความบันเทิง ที่ไม่ได้บันเทิงมากมายแบบที่หนังพยายามจะเป็นเลย

การแสดงที่พอกระตุ้นให้อยากติดตามจนจบได้บ้าง

การแสดงต้องยอมรับมิลล่า โจโววิชเอาอยู่ อาจจะไม่ใช่ระดับเก่งกาจอะไร ได้เห็นความเข้มแข็งและอ่อนแอที่มีมิติ และมีชีวิตชีวาของอาร์ทีมิสมากกว่าตอนที่เล่นเป็นอลิสในผีชีวะซะอีก แถมตัวละครเธอก็เจ็บหนักที่สุดตั้งแต่เล่นหนังมาแล้ว55555 ใครอยากเห็นอลิสเป็นกระสอบทรายก็น่าจะถูกใจกันนะครับ แต่ที่ต้องยอมรับเลยคือ โทนี่ จา ที่บทพูดมีไม่มาก แถมไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย เพราะเป็นคนต่างโลก แต่ก็มาสร้างมิติความเท่ของตัวละครฮันเตอร์ที่มีปมที่น่าเห็นใจและเอาใจช่วยได้ ไม่รวมกับคิวบู๊ที่เอาอยู่แทบทุกฉาก โดดเด่นไม่แพ้ภรรยาผู้กำกับ มีมุมตลกเคมีเข้าขากับมิลล่ามาก ยิ่งฉากแท็กทีมกันสู้คือบันเทิงใช้ได้เลย เรียกได้ว่าแคสนักแสดงออกมาได้ดีเลย ถึงจะยังติดกรอบขายภรรยาอยู่ก็เถอะ แต่โทนี่ จาก็กลายเป็นนักแสดงชาวไทยที่ได้ไปสร้างผลงานในวงการโลกได้อย่างสวยงาม คิดว่าต่อไปถ้าฝึกฝนภาษาน่าจะไปได้ไกลในกว่านี้เวทีโลกแน่นอน

ควรชมหรือควรข้าม

ถ้าใครอยากดูหนังมันส์ ๆ ส่งท้ายปีเรื่องนี้ให้ได้ แต่ถ้าใครคาดหวังเนื้อเรื่องดี ๆ สไตล์ผู้กำกับคนนี้ผมไม่แนะนำ มิหนำซ้ำหนังยังจบเหมือนกับภาคแรกเป็นแค่ปฐมบทน้ำจิ้มเล็ก ๆ ภาคสองคือของจริง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผมหงุดหงิดมาตั้งแต่แฟรนไชน์หนังผีชีวะแล้ว ถึงจะทำรายได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ทางผู้กำกกับก็เขียนบทเตรียมทำภาคต่อเรียบร้อยแล้ว แต่ค่ายโซนี่จะโอเคหรือไม่นะ กับรายได้ที่เรียกว่าขาดทุนในตอนนี้ ที่ทำไปได้เพียง 13 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 60 ล้านเหรียญ คงไม่เจ็บตัวหนักเท่าไหร่นัก แต่ถึงยังงั้น ผมก็ยังอยากเห็นภาคต่ออยู่นะ ว่ามันจะไปสุดแค่ไหน ออกทะเลอีกไหม และเราจะได้เห็นอสูรกายตัวไหนในเกมได้ปรากฏตัวในจอเงินอีก ถือเป็นหนังที่นานาจิตตังแล้วกัน พูดเท่านี้ ซึ่งผมอยู่ในทางกลาง ๆ ไปทางชอบ แต่มันไม่ใช่หนังดีตั้งแต่มันจั่วหัวแล้ว มันเป็นหนังจากเกมที่ใส่ความเกมกับความอีหยังวะของผู้กำกับในเวลาเดียวกัน เพราะงั้นแล้วแต่เลยครับ ว่าจะชมหรือจะข้าม

ตัวอย่าง MONSTER HUNTER

 

เสียงพากย์ของมิลล่า โจโววิช ก็เสียงเดียวของอลิสในผีชีวะนั่นแหละครับ ส่วนจา พนมก็มาพากย์ไทยตัวเองอีกที

MONSTER HUNTER มอนสเตอร์ ฮันเตอร์

วันนี้ในโรงภาพยนตร์

• ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
• ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่