playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Roma ชีวิตของคนตัวเล็กๆ ผู้ผงาดบนเวทีออสการ์

Roma

สรุป

รีวิว Roma เรื่องราวช่วงหนึ่งของคนตัวเล็กๆ ในชานเมืองกรุงเม็กซิโกซิตี้ยุค 1970s ที่ถ่่ายทอดออกมาได้อย่างเรียบง่ายและทรงพลัง ผ่านภาพขาวดำที่งดงาม

Overall
9.5/10
9.5/10
Sending
User Review
3.5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • งานภาพขาวดำอันวิจิตรของ อัลฟองโซ กัวร็อง ผู้กำกับ Gravity
  • เรื่องราวของครอบครัวและคนรับใช้ที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก
  • บันทึกเหตุการณ์ที่หล่นหายในประวัติศาสตร์ของเม็กซิโกเรียบง่ายแต่เปี่ยมชั้นเชิง

Cons

  • อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบหนังที่เดินเรื่องช้า

ในการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงออสกาาร์ครั้งที่ 92 ที่ผ่านมา หนึ่งในรางวัลทางด้านภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก Netflix สตรีมมิ่งยอดนิยมประกาศความเกรียงไกรด้วยการมีหนังที่เข้าชิงทั้งหมดถึง 24 สาขารางวัล กลายเป็นผู้สร้างหนังที่มีหนังเข้าชิงออสการ์ปีนี้มากที่สุดเหนือค่ายหลักในอดีตของฮอลลีวู้ด หากนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ในปีก่อนหน้านั้นหนังจาก Netflix อย่าง Roma ก็เข้าชิงออสการ์ในปีนั้นสูงสุดถึง 10 สาขาด้วยกันเท่ากับเรื่อง The Favorite

 Roma (2018) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Roma

แม้จะพลาดรางวัลสูงสุดอย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไป แต่หนังเรื่องนี้ก็คว้ารางวัลไปถึง 3 สาขา โดยยังทำให้ อัลฟองโซ กัวรอง ผู้กำกับชาวเม็กซิโกกลายเป็นคนแรกที่คว้าทั้งรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้กำกับภาพยอดเยี่ยมไปครองได้จากหนังเรื่องเดียวกัน

โดยก่อนหน้านั้นเอง Roma ก็สร้างชื่อมาแล้ว เพราะกลายเป็นหนังที่เทศกาลหนังนานาชาติเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสตัดสินใจไม่เลือกฉายในสายประกวดในฐานะที่มันสร้างโดย Netflix ซึ่งมีเงื่อนไขในการฉายพร้อมกันกับโรงภาพยนตร์ ตัวหนังจึงถูกเชิญให้ร่วมประกวดในเทศกาลหนังนานาชาติเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี แทน ซึ่งก็สามารถคว้ารางวัลสูงสุดของเทศกาลอย่างสิงโตทองคำมาได้อย่างสมภาคภูมิ

Roma เป็นหนังที่ผู้กำกับผู้สร้างชื่อคว้ารางวัลออสการ์จาก Gravity นำเสนอเรื่องราวที่เป็นเสมือนความทรงจำส่วนตัวมากๆ โดยกัวรองเผยว่านี่คือหนังที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กของตน และได้อุทิศในตอนท้ายของหนังเรื่องนี้แก่ ลิโบ ซึ่งเป็นต้นแบบของเกลโอ ตัวเอกของเรื่อง

แม้จะผ่านการถ่ายทำหนังทุนสร้างมหาศาลมาหลายต่อหลายเรื่อง แต่งานที่ได้รับทุนจาก Netflix เรื่องนี้กลับใช้ทุนสร้างเพียง 15 ล้านเหรียญฯ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องทำหน้าที่ เขียนบท และกำกับภาพควบคู่ไปด้วย ผิดจากเรื่องก่อนๆ ที่เขามักจะให้ เอมมานูเอล ลูเบซกี้ ตากล้องฝีมือเยี่ยมเป็นผู้กำกับภาพ เพราะการทำงานร่วมกับคนเม็กซิโก ในประเทศบ้านเกิดของผู้กำกับภาพต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป แม้แต่อุปกรณ์ประกอบฉากของหนังก็เป็นการหยิบยืมข้าวของเครื่องใช้ในครอบครัวเขานั่นเองมารวมๆ กันเพื่อให้ใกล้เคียงกับความทรงจำในอดีตมากที่สุด

ขณะเดียวกันหนังก็ถ่ายทำด้วยสัดส่วน 2.39 : 1 ซึ่งเน้นให้รายละเอียดภาพในมุมกว้าง ถ่ายทำเป็นหนังขาวดำ ซึ่งจากเจตนาไม่ว่าจะด้วยการบันทึกเสียง การถ่ายภาพระยะไกล ถึงไกลมากเพื่อเผยให้เห็นทัศนียภาพ และองค์ประกอบในแต่ละฉากที่ผ่านการออกแบบอย่างดี เห็นได้ชัดว่าการจะชมหนังให้ได้อรรถรสที่สุดคือการชมผ่านโรงภาพยนตร์ แต่กัวร็องเลือกจะฉายผ่าน Netflix เป็นหลักโดยให้เหตุผลที่น่าสนใจมากๆ ว่าเพราะหนังถ่ายทำโดยพูดภาษาสเปน และภาษาท้องถิ่นซึ่งหากฉายในอเมริกาจะมีโรงฉายน้อย ผิดกับการฉายทาง Netflix ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เข้าถึงวงกว้างมากกว่า

แม้จะฟังดูเป็นงานส่วนตัวที่เข้าถึงยาก และดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า หากเพราะด้วยการผ่านประสบการณ์กำกับภาพยนตร์มาอย่างช่ำชองของกัวร็องจากหนังฟอร์มเล็กและใหญ่ในฮอลลีวู้ด ทำให้หากอดทนสักนิดเราจะสัมผัสได้ว่างานชิ้นนี้เหมือนการตกผลึกของเขา มันทั้งเรียบง่าย งดงาม เปี่ยมพลัง มีประเด็นสากลที่เข้าถึงกับคนดูวงกว้างได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็สมบูรณ์อย่างยิ่งในแง่มุมของศิลปะภาพยนตร์

มันเล่าเรื่องราวเมืองที่เขาโตมา ผ่านสายตาของกลีโอ(ยาลิตซา อาปาริซิโอ)คนรับใช้ในบ้านแห่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนเรื่องราวของครอบครัวตนเอง ที่เมืองโรม่า ย่านชานเมืองของนครเม็กซิโกซิตี้ในปี ค..1970 ยุคที่ย่านแห่งนั้นยังเป็นพื้นที่ปะปนระหว่างผู้คนพื้นเมืองชั้นล่าง กับชนชั้นกลางผิวขาว โดยเปิดเรื่องเป็นสัญลักษณ์ภาพเครื่องบินบนท้องฟ้าซึ่งแท้จริงเป็นเงาสะท้อนจากแอ่งน้ำบนพื้นบ้านที่กำลังถูกทำความสะอาดโดยกลีโอ แสดงให้เห็นถึงโลกใบเล็กๆ อันต่ำต้อยภายใต้เหตุการณ์อันใหญ่โตนั่นคือบ้านแห่งนี้ และรวมถึงชีวิตของกลีโอนั่นเองที่ทำหน้าที่อันต่ำต้อยซึ่งเธอถูกสั่งให้ทำประจำคือการล้างเช็ดขี้หมาในบ้าน

บ้านหลังนี้ดูแลโดยโซเฟีย ภรรยา มีแม่ของเธอ กับลูกๆ อีกสี่คน โดยนอกจากกลีโอ ยังมีคนรับใช้เป็นคนพื้นเมืองอีกคนคือ อาเดลา ชีวิตของพวกเขาดูเผินๆ ก็สุขสบายไม่ได้มีปัญหาเดือดร้อน แม้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นอกบ้านซึ่งมีการเดินสวนสนามบ่อยครั้งนั้นส่อเค้าความไม่ปกติ หากโซเฟียก็เหนื่อยกับการดูแลลูกๆ ที่ซุกซนมากพอแล้ว ส่วนสองคนรับใช้ยามว่าง พวกเธอหาความสุขด้วยการไปโรงภาพยนตร์กับหนุ่มๆ การกลับมาของคุณหมออันโตนิโอ สามีของโซเฟีย ที่มาในลักษณะผู้ที่ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลทุกคนต่างคาดหวัง กับรถคันใหญ่เทอะทะจนยากจะเข้ามาจอดในบ้าน แต่มาได้ไม่นานเขาก็อ้างว่ามีงานต้องทำและจากไป

ช่วงเวลาดังกล่าวเม็กซิโกปกครองโดยประธานาธิบดี ลูอิส เอเชเวียรา จากพรรคปฏิวัติแห่งชาติ ที่มีชื่อเสียงในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนดีขึ้น หากก็ปกครองในลักษณะแบบเผด็จการ รัฐบาลก่อตั้งกองกำลังเหยี่ยวที่เรียกว่า Los Halcones ซึ่งตั้งขึ้นไว้สำหรับจัดการผู้ที่เห็นต่างอย่างกลุ่มนักศึกษาฝ่ายซ้ายที่ต่อต้านนโยบายของตน นำไปสู่การปราบปรามที่มีผู้เสียชีวิตร่วม 120 คนในวันที่ 10 มิถุนายน 1971

Roma ถ่ายทอดทั้งงานภาพ และเนื้อหาที่ดูเผินๆ เป็นเพียงบันทึกเสี้ยวชีวิตของกลิโอ และคนในบ้านหลังนี้ ราวกับสะท้อนภาพของสังคมแบบชายเป็นใหญ่ไม่ต่างจากชนชั้นปกครองขณะนั้น

พ่อ ที่ไม่เคยดูแลครอบครัว แม้แต่ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ แต่กำลังหาความสุขกับเมียน้อย

เฟอร์มิน ชายจากกองกำลัง Los Halcone ที่นัดเดตกับกลีโอ ในโรงแรมเขาแก้ผ้าอวดอวัยวะเพศชายของตนและภาคภูมิใจในงานที่ทำ แต่เมื่อเธอเผยว่ากำลังตั้งครรภ์ เขาก็ทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี

ภาพของคนผิวขาวในงานเลี้ยงปีใหม่ที่จัดกันอย่างเอิกเกริก พร้อมๆ กับก่อความวุ่นวายตามมาหลังจากนั้น แต่หลายคนกลับทำลอยตัวเหนือปัญหาตรงหน้า

ลูกชายที่มักทะเลาะเบาะแว้ง ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนในบ้าน และแม่ก็ไม่มีเวลาดูแลมากนัก พวกเขาผูกพันกับกลีโอราวกับแม่อีกคนจนเธอต้องคอยตามแก้ปัญหาให้เสมอ

ขณะที่หนังมักถ่ายให้เราเห็นภาพของเมืองเม็กซิโก ซิตี้ที่ดูทันสมัย แต่เมื่อกลีโอเดินพ้นออกจากตัวบ้าน เธอต้องอยู่ห้องคนรับใช้โทรม มืดทึม เวลาในงานเลี้ยงหรู เธอและคนรับใช้อื่นๆ จะมีที่ของตนเองที่แสดงสถานะที่ต่างกันลิบลับ เช่นเดียวกับนอกเมืองที่ยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคใดๆ เทียบเท่า

หนึ่งในฉากสำคัญและเสมือนเป็นสารที่ อัลฟองโซ กัวร็อง ต้องการบอกคือฉากทะเลซึ่งถ่ายทำอย่างสวยงาม เมื่อหลังเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป ครอบครัวของโซเฟียตัดสินใจไปเที่ยวทะเลเพื่อหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางคลื่นทะเลอันไม่สงบและเริ่มสูงขึ้น…

แม้หลังจากนี้สถานภาพของเธอในบ้านแห่งนี้จะยังเป็นคนรับใช้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในชายหาดแห่งนั้น พวกเขารู้แล้วว่าหลังเรื่องร้ายๆ การอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ โซเฟีย เด็กๆ และกลีโอ ต่างกอดกันอย่างโล่งอก

ซึ่งนั่นเป็นความงดงามที่มนุษย์ควรมีให้แก่กันเหนืออื่นใด

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!