playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Invisible Guest แขกไม่ได้รับเชิญ กับปริศนาที่มองไม่เห็น

The Invisible Guest

สรุป

รีวิว The Invisible Guest แขกที่มองไม่เห็น หนังทริลเลอร์สเปนที่ตื่นเต้นด้วยบทสนทนา และเนื้อหาหักมุมว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างคนตัวเล็กๆ กับผู้มีอำนาจได้อย่างทรงพลัง

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • หนังทริลเลอร์ชั้นดีจากสเปนที่บทแพรวพราวกับปริศนาของเรื่อง
  • สนุกกับการต่อสู้ระหว่างคนตัวเล็กกับคนมีอำนาจที่ปรับให้ร่วมสมัย
  • การจบหักมุมที่ทรงพลังและน่าทึ่ง

Cons

  • ฉากจบที่เล่นใหญ่ และอาจมีเรื่องให้กังขาได้บ้าง
  • พล็อตเรื่องที่ยังพอจะคาดเดาได้

หลายคนอาจจะรู้จักวงการภาพยนตร์ประเทศสเปน จากชื่อเสียงในเวทีรางวัลผ่านผลงานสไตล์เมโลดราม่าอันฉูดฉาดของ เปรโด อัลโมโดวาร์ มาก่อน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีหนังตลาดยอดนิยมทำเงินในประเทศ และสร้างชื่อระดับนานาชาติเช่นกันด้วยหนังแนวสยองขวัญ-สืบสวนหักมุม ซึ่งนับเป็นตระกูลหนังแนวถนัดของคนทำหนังสเปนยุคใหม่ รวมไปถึง The Invisible Guest หรือ Contratiempo ผลงานกำกับของ โอริโอล เปาโลเรื่องนี้

ตัวอย่างภาพยนตร์ The Invisible Guest

เปาโลมีผลงานแจ้งเกิดในฐานะคนเขียนบท Julia’s Eyes(2010) หนังระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่อง ก่อนจะได้ทำหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่องแรกใน The Body เมื่อปี 2012 ซึ่งถูกนำไปรีเมคถึงสามครั้งด้วยกัน กับหนังปี 2016 เรื่องนี้แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในบ้านเกิดมากนัก แต่กลับทำเงินในประเทศจีนถึง 25.9 ล้านเหรียญฯ และก็ถูกนำไปรีเมคเป็นหนังอิตาลีในชื่อ Il testimone invisibile เมื่อปี 2018 และหนังอินเดียถึงสองเวอร์ชั่น คือภาษาฮินดูในชื่อ Badla และภาษาเตลูกู ในชื่อ Evaru เข้าฉายในปี 2019 ช่วงไล่เลี่ยกัน (คลิกดูได้ผ่าน Netflix ชื่อไทย “แค้น”) ซึ่งสะท้อนให้เห็นเช่นกันถึงความสนุกแพรวพราวของบทที่ไร้พรมแดนทางวัฒนธรรม สามารถดัดแปลงให้กับคนดูชาติอื่นได้ง่าย จนผู้สร้างจากหลายประเทศเล็งเห็นซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่

มันเปิดเรื่องด้วยความกลัดกลุ้มกังวลใจของ เอเดรียน (มาริโอ คาซัส) สถาปนิก และนักธุรกิจรุ่นใหม่อนาคตไกลของประเทศ กำลังถูกจับในข้อหาฆาตกรรมชู้รักของเขา ลอร่า(บาร์บาร่า เลนนี่) ดีไซเนอร์ชื่อดัง เขากำลังรออัยการสาวมากประสบการณ์ เวอร์จิเนีย กู๊ดแมน มาช่วยสะสาง ขณะที่ทนายความประจำตัวเดินทางไปแก้ปัญหาอื่นๆ ให้ยังไม่เสร็จ

เวอร์จิเนียซักประวัติในอดีตของเอเดรียน เพราะเธอเชื่อว่าเหตุจูงใจของฆาตกรคงไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ กลายเป็นเรื่องเล่าแบบราโชมอน หรือเรื่องเล่าเดียวกันแต่ต่างมุมมอง จากสองเหตุการณ์หลักแทนที่

หนึ่งคือเหตุการณ์ที่ลอร่าถูกฆาตกรรม เอเดรียนเล่าว่าเขาถูกชายลึกลับคนหนึ่งรับรู้ว่าทั้งคู่คบชู้กันจึงแบล็คเมล และเรียกเงินจำนวนมากให้มายังโรงแรมกลางหุบเขา ขณะรอเวลานั้นเอง ก็เกิดเหตุลอบทำร้ายเขา และชู้รัก เมื่อตื่นมาก็พบว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว ในห้องพักที่ถูกปิดตาย

สองคือเหตุการณ์ในอดีตก่อนหน้า เอเดรียนเล่าถึงปมที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้เขาถูกแบล็คเมล์ เรื่องเกิดขึ้นขณะขับรถไปส่งลอร่า หลังจากลักลอบพบกันในบ้านพักกลางอุทยานแห่งชาติ ขณะที่กำลังเถียงกันเพื่อขอจบความสัมพันธ์เขาเกิดหักรถหลบกวาง ขับชนรถอีกคัน เด็กหนุ่มที่ขับมาเสียชีวิตคาที่ ลอร่าแนะนำให้เขาทำลายหลักฐานให้หมด เพราะหากเรื่องเปิดเผยเป็นคดีขึ้นมา ความลับเรื่องชู้สาวของทั้งคู่จะถูกเปิดเผย กลายเป็นความเคลือบแคลงต่อคนที่บังเอิญมาพบเห็นเหตุการณ์ขณะที่ทั้งคู่พยายามทำลายหลักฐาน

ยิ่งถูกซักไซ้จากเวอร์จิเนียมากเท่าไหร่ กลับกลายเป็นการปอกเปลือกให้เห็นรายละเอียดของเรื่องเล่าที่ต่างออกไปจากตอนต้น เช่นเดียวกับพฤติกรรมของเอเดรียนเอง ซึ่งแสร้งพยายามให้ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากแท้จริงกลับเต็มไปด้วยเรื่องฉ้อฉลมากมายขึ้นทุกที

ความคมคายปรากฎในชื่อเรื่อง “แขกที่ไม่มองเห็น” ซึ่งอาจตีความคำนี้ใช้ได้กับหลายกรณีในเรื่อง ทั้งผู้ก่อเหตุฆาตกรรมในโรงแรมที่ยังเป็นปริศนาเพราะเกิดในห้องปิดตาย ทั้งคนที่อาจรู้เห็นอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้นกลางป่า หรือพ่อแม่ของเด็กหนุ่มซึ่งพยายามหาสาเหตุที่แท้จริงของลูกชายที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย อาจเป็นเด็กหนุ่มที่เสียชีวิตคนนั้นเองที่กลายเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนในชะตาชีวิตของนักธุรกิจอนาคตไกล ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนสะท้อนให้เห็นความอยุติธรรมในสังคมที่ต้องมี “มือที่มองไม่เห็น” มาจัดการสถานการณ์ดังกล่าวในฐานะความยุติธรรม แทนกระบวนการทางกฎหมายที่เอื้อประโยชน์กับคนรวย

คำถามของหนังคือจะทำอย่างไรให้มือที่มองไม่เห็นดังกล่าว ทำงานได้มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้กับกระบวนการทางกฎหมายจริงๆ ได้

The Invisible Guest เป็นงานที่เต็มไปด้วยบทสนทนา ส่วนใหญ่วนเวียนอยู่กับสองเหตุการณ์ฆาตกรรมดังกล่าว และการพูดคุยในห้องพักของเอเดรียนเอง แต่กลับสนุกตื่นเต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และนำไปสู่การหักมุมคาดไม่ถึงตอนจบ ผ่านเรื่องเล่าแบบดั้งเดิมนั่นคือการต่อสู้ของคนตัวเล็กๆ กับคนรวยมีอำนาจล้นฟ้าที่ถูกปรับให้ร่วมสมัยขึ้น

หนังยังโดดเด่นด้วยการออกแบบอาคาร ซึ่งพ้องกับอาชีพของเอเดรียน ห้องพักของเขาโปร่งใสด้วยสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่สามารถเห็นภายในห้องได้ชัดเจน แต่ตัวเขากลับปกปิดความเลวร้ายของตนเอาไว้มากมายกว่าที่คาดคิด และมั่นใจอย่างยิ่งแม้จะเห็นผู้ต้องสงสัยผ่านอาคารฝั่งตรงข้าม เพราะเชื่อในความเหนือกว่าของตน แต่มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ย้อนมาหาตนเอง

นี่ยังป็นตัวอย่างช้นดีของหนังเขย่าขวัญหักมุมที่ไม่ต้องเร้าอารมณ์จนเกินไป พร้อมกันนั้นก็เป็นกลวิธีการหักมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งหากพลาดขึ้นมาวิธีเช่นนี้อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้จับผิดได้ แต่ด้วยบทที่ผ่านการเขียนอย่างรัดกุม การหักมุมที่มากมายจึงไม่ล้น และรู้สึกถึงความจงใจแบบซีรี่ส์อเมริกาหลายเรื่องที่มักหักมุมทุกช่วงเบรกโฆษณา

แน่นอนว่าบทเฉลยของหนังนั้นอาจจะไม่ยากเกินคาดเดาสำหรับคนดูที่ชินกับงานประเภทนี้ เพราะในหนังเองคนต้องสงสัยนั้นมีไม่มากนัก และไม่ต้องตีความอะไรเพิ่มเติมต่อจากนั้นเพราะตัวหนังเองก็จงใจ “เล่นใหญ่” ในบทสุดท้ายจนอาจมีข้อกังขาอยู่บ้าง

หากเพราะการมุ่งสู่ประเด็นสำคัญของเรื่องที่ว่าด้วยการสะสางความอยุติธรรมนั่นเอง ที่ทำให้มันเป็นบทเฉลยที่ทรงพลังและน่าทึ่งอย่างยิ่ง

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!