playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Lucifer SS1-6 Netflix ซีรีส์ ลูซิเฟอร์ นักสืบ+จอมปีศาจ+พระเจ้า ที่ทุกคนจะจดจำ (อัพเดทอวสาน)

  • รีวิว Season 1 - 8/10
    8/10
  • รีวิว Season 2 - 8.5/10
    8.5/10
  • Season 3 - 7.5/10
    7.5/10
  • รีวิว Season 4 - 8/10
    8/10
  • รีวิว Season 5 - 8.5/10
    8.5/10
  • รีวิว Season 6 - 8.5/10
    8.5/10

สรุป

ลูซิเฟอร์ จอมปีศาจ ซาตานจ้าวนรก ที่ลาพักร้อนแล้วต้องมารับบทนักสืบคดีฆาตกรรมและพบรักกับตำรวจสาว ตามด้วยสารพัดเรื่องวุ่นจากนรกและสวรรค์ ออกแนว Supernatural+CSI ใช้การสืบสวนคดีฆาตกรรมเป็นตัวเดินเรื่องแบบจบในตอนๆ แต่มีการใส่พลอตแฟนตาซีอิงจากไบเบิลเข้ามาและตีความเรื่องนรกสวรรค์ได้ดีด้วย อ้างอิงตัวละครหลักจาก DC Comic ล่าสุดปิดฉากตำนาน 6 ซีซันแล้ว ไม่ควรพลาด

Overall
8.2/10
8.2/10
Sending
User Review
4.6 (5 votes)

Pros

  • เรื่องดูสนุก เต็มไปด้วยความบันเทิง ครบรสชาติ
  • เนื้อเรื่องยังเป็นแนวสืบสวนในตอน ทำให้ดูได้เพลินๆ
  • เอาตัวละครในความเชื่อตามคัมภีร์ไบเบิลมาตีความใหม่ในสไตล์ฉูดฉาดได้ฮาดี
  • ทอม เอลลิส ในบทลูซิเฟอร์ แสดงได้เทพสุดๆ ยากจะหาคนแทนได้ แถมยังรับบทไมเคิลที่แตกต่างกันได้ดีมากด้วย
  • เคมีระหว่างนักแสดงทั้งหมดดีมาก รับส่งมุกตลกกันดี
  • ตีความเรื่องนรกและสวรรค์ออกมาได้ดี
  • บทสรุปทำได้ดี น่าประทับใจ

Cons

  • เป็นลูซิเฟอร์ที่ถูกเนิร์ฟพลังให้ต่ำสุดเท่าที่เคยสร้างกันมา เลยดูแปลกๆหน่อย
  • ดราม่าตัวละครดูซ้ำๆไปหน่อย
  • ฉากแอ็กชั่นระหว่างเทพและปีศาจไม่ได้อลังการมาก
  • ตัวละครในเรื่องมาแนวรักๆเลิกๆดราม่ากันตลอด แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆก็จะชินไปเอง
  • ฉากต่อสู้ค่อนข้างง่อยๆ ไม่เน้น

Lucifer ss1-6 Netflix รีวิว ซีรีส์ ลูซิเฟอร์ เรื่องราวของจอมปีศาจผู้เบื่อกับภารกิจปกครองนรก เลยขอหยุดพักร้อนแล้วได้มาพบกับตำรวจสาว ที่ทำให้เขาต้องมารับบทนักสืบและการแก้ปัญหาของเหล่าปีศาจที่หลุดออกจากนรก สงครามของเทวดาจากสวรรค์ ไปจนถึงศึกชิงตำแหน่งพระเจ้า

ซีรีส์ที่มาไกลสุดๆ 6 ซีซันเรื่องนี้ ดัดแปลงจากตัวละครใน DC Comic ล่าสุด ซีซัน 6 เป็นซีซันสุดท้าย ปิดฉากตำนานของหนึ่งในซีรีส์ที่มีแฟนคลับและผู้ติดตามมากเป็นอันดับต้นๆในโลก เป็นการผสมผสานของเรื่องแนว Supernatural+CSI ในอารมณ์แบบ CW และ DC Universe ที่ลงตัวสุดยอดอย่างไม่น่าเชื่อ รับชมได้เลยใน Netflix

Lucifer ss5 Trailer Netflix

Lucifer Netflix เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ลูซิเฟอร์ มอร์นิ่งสตาร์ หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อคือ ซาตาน ราชาแห่งขุมนรก กลับรู้สึกเบื่อหน่ายภารกิจปกครองนรก จึงตัดสินใจขึ้นมาพักร้อนอยู่บนโลกมนุษย์

ระหว่างนั้นลูซิเฟอร์ได้มาเปิดบาร์สุดหรูอยู่ในลอสแอนเจลิส แล้วเขาก็ได้พบกับ โคลอี้ เดคเกอร์ ตำรวจนักสืบสาวไฟแรงผู้รักความยุติธรรม เขาก็เกิดความสนใจเธอเป็นพิเศษ แล้วก็ได้นำพลังของจอมปีศาจเข้ามาช่วยในการไขคดีฆาตกรรมและคดีปริศนาที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ทั้งลูซิเฟอร์ก็พบว่าโคลอี้เป็นมนุษย์คนเดียวที่เขาไม่สามารถใช้พลังของตนได้ แล้วเขาก็เริ่มเกิดความผูกพันกับโคลอี้มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีบรรดาทูตสวรรค์และปีศาจที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองและรอบตัวเขาเพิ่ม ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆตามมา

สำหรับซีซัน 6 เป็นการกลับมาเพื่อเดินเรื่องไปสู่บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ปูทางกันมาตั้งแต่ซีซันแรก หลังสงครามชิงตำแหน่งพระเจ้าสิ้นสุดลง ก็ยังมีปัญหาวุ่นๆรอบตัวลูซิเฟอร์ให้ต้องตามแก้ไขอีกครั้ง แล้วยังเป็นการสำรวจตัวละครลูซิเฟอร์ครั้งสุดท้ายจากทุกภารกิจที่เขาผ่านมาว่าแท้จริงแล้ว บทบาทไหนกันแน่ที่จอมปีศาจตนนี้ควรจะได้รับหลังจากเรื่องราวจบลง รับรองว่าประทับใจแฟนๆแน่นอน

Lucifer ตัวละคร

ลูซิเฟอร์ มอร์นิ่งสตาร์

อดีตอัครทูตสวรรค์ นามเดิมคือ ซามาเอล สำหรับเรื่องของลูซิเฟอร์และเหล่าอัครทูตรสวรรค์ในซีรีส์นี้จะมีความแตกต่างไปจากในพระคัมภีร์อยู่บ้าง แต่เนื้อหาหลักๆยังอ้างอิงตามไบเบิลที่เล่าว่าลูซิเฟอร์เป็นเทพสวรรค์ระดับสูงที่ก่อกบฏต่อพระเจ้าจึงถูกขับไล่ลงมาให้ปกครองนรก

ในซีรีส์ ลูซิเฟอร์ต้องการพักร้อนจึงขึ้นมาใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ เปิดบาร์ชื่อ Lux ในลอสแอนเจลิส แล้วก็ได้พบกับ โคลอี้ จึงกลายเป็นคู่หูที่ร่วมสืบคดีด้วยกันมา

อำนาจของลูซิเฟอร์เมื่ออยู่ในโลกมนุษย์จะถูกจำกัดเอาไว้ แต่ความเป็นอมตะและพลังบางอย่างจะยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะพลังในการเรียกเอาความปรารถนาของมนุษย์ที่ซ่อนไว้ให้ออกมา แต่เมื่อเขาอยู่ใกล้กับโคลอี้ พลังอมตะของเขาจะไม่ทำงาน

ในเวลาปกติ เขามักจะบ่นเรื่อง “ท่านพ่อ” หรือพระเจ้า ที่ไม่เคยพูดกับเขาอีก และมักดลให้เกิดเรื่องราววุ่นวายรอบตัวเขา โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่า พระเจ้าต้องการอะไรกันแน่

แต่แล้วเขาก็ได้รับบทสรุปที่แท้จริงของตนเองในซีซันสุดท้ายว่าอะไรคือบทบาทที่เขาควรทำและมีความเป็นตัวตนของเขามากที่สุดจากเรื่องราวที่ผ่านมา

โคลอี้ เดคเกอร์

นักสืบสาวที่รักความยุติธรรม มีลูกสาวคือ ทริซซี่ แยกทางกับอดีตสามีอย่างแดน ที่เป็นตำรวจเหมือนกัน เธอเป็นมนุษย์คนเดียวที่ลูซิเฟอร์ไม่สามารถใช้พลังด้วยได้ ซึ่งก็มีสาเหตุที่ถูกเฉลยออกมาในภายหลังว่า เธอเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าตั้งใจทำให้เกิดขึ้นมาเพื่อให้คู่กับลูซิเฟอร์

อเมนาเดียล

พี่ใหญ่ของเหล่าอัครทูตสวรรค์ ลงมาตามลูซิเฟอร์ให้กลับไปทำหน้าที่ในนรก เป็นคนซื่อตรง นิสัยห้าวหาญ ไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมมากนัก เดิมทีเขาไม่เข้าใจที่ลูซิเฟอร์ติดใจโลกมนุษย์ แต่หลังจากใช้ชีวิตในโลกมนุษย์นานๆเข้า เขาก็เริ่มชอบชีวิตในโลกมากขึ้น

ทั้ง 5 ซีซัน ที่ผ่านมา อเมนาเดียล กลายเป็นพี่น้องเทวดาที่ช่วยเหลือลูซิเฟอร์ สถานการณ์ยังทำให้เขาเริ่มสร้างครอบครัวของตนบนโลก เขายังมีพลังในการทำให้เวลาหยุดนิ่งด้วย ในบรรดาพี่น้องเทวดา อเมนาเดียลเป็นนักรบที่ทรงพลังและลูซิเฟอร์ก็ยำเกรงไม่น้อย

เมซิคีน

ปีศาจสาวที่ติดตามลูซิเฟอร์ขึ้นมาบนโลก นิสัยชอบการฆ่าฟัน ชอบการต่อสู้ ปรับตัวในโลกมนุษย์มากขึ้นด้วยการรับงานเป็นนักล่าค่าหัว ภายหลังก็มาสนิทสนมกับลินดา และยังมาพบรักกับอีฟ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกของลูซิเฟอร์ แต่หลังจากต้องแยกกับอีฟ เธอก็มูฟออนต่อ และยังคงเป็นตัวแสบที่สร้างสีสันได้ตลอดเรื่อง

ลินดา

จิตแพทย์ที่จับพลัดจับผลู กลายมาเป็นคนให้คำแนะนำด้านจิตวิทยาแก่ลูซิเฟอร์ หลังจากค้นพบความลับของเขา แม้จะหวาดกลัวมากในช่วงแรก แต่เธอกลายมาเป็นมนุษย์ที่ลูซิเฟอร์และอเมนาเดียลกับเมซิคีนให้ความไว้วางใจในการบอกเล่าทุกเรื่องราว แถมยังถึงขั้นเป็นนักจิตบำบัดให้ครอบครัวของเหล่าเทพสวรรค์ ปีศาจ และล่าสุดไปไกลถึงขั้นพระเจ้าแล้ว

แดเนียล

นายตำรวจที่เป็นอดีตสามีของโคลอี้ และเป็นพ่อของทริซซี่ เขาไม่ค่อยถูกชะตากับลูซิเฟอร์ แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆมา ทั้สองก็เปิดใจกันมากขึ้น สุดท้ายแดนถึงได้ค้นพบความจริงว่าลูซิเฟอร์คือใคร แล้วยังสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูซิเฟอร์และเหล่าเทพกับปีศาจแบบมึนๆงงๆ

เอลลา

เจ้าหน้าที่นิติเวช นิสัยร่าเริง เข้ากับคนง่าย รวมถึงกลุ่มของลูซิเฟอร์ด้วย ทำหน้าที่ช่วยให้ข้อมูลด้านนิติเวชในการสืบคดีในเรื่องราว

อีวา

หญิงสาวมนุษย์คนแรกที่เป็นคู่รักของอดัมในคัมภีร์ไบเบิล ในเรื่องนี้ตีความให้เธอเป็นหญิงคนรักคนแรกของลูซิเฟอร์

Lucifer ss1-5 Netflix รีวิว ลูซิเฟอร์Lucifer ss1-4 Netflix รีวิว ย้อนความ (มีสปอยล์เนื้อเรื่อง)

สำหรับตัวซีรีส์ เดิมทีถูกสร้างมาฉายทางช่อง Fox ที่เป็นช่องที่มีฐานผู้ชมใหญ่ในสหรัฐ และเป็นฟรีทีวี ซึ่งซีรีส์ทางช่องนี้มักจะทำมาแนวปนรักดราม่าน้ำเน่าจำนวนมาก อีกทั้งส่วนมากเรื่องราวก็จะจบเป็นตอนๆ ไป

แต่หลังจากซีซัน 4 ก็ได้ Netflix เข้ามาทำต่อ ทำให้เนื้อหาตั้งแต่ซีซัน 4 จะมีความเข้มข้นจริงจังและมีเนื้อหาแบบต่อเนื่องกันมากขึ้น แต่ในแง่อารมณ์แบบรักดราม่าน้ำเน่าก็ยังมีอยู่นั่นแหละ เพราะเป็นสไตล์ของเรื่องนี้ไปแล้ว

ในภาพรวมแล้วทุกซีซันจะมีโทนเรื่องที่คล้ายกัน คือ มีคดีฆาตกรรมปริศนาเกิดขึ้น แล้วลูซิเฟอร์กับโคลอี้ และตัวละครต่างๆก็จะเข้าไปสืบสวนหาความจริง โดยตัวลูซิเฟอร์และบรรดาปีศาจกับทูตสวรรค์ก็จะมีการใช้พลังพิเศษเข้ามาช่วย โดยจบเป็นคดีๆไปในแต่ละตอน แล้วเรื่องก็จะโฟกัสไปที่ปัญหาชีวิตและความดราม่าในเหล่าตัวละคร เจาะลึกไปที่ปมจิตวิทยาเพิ่มเติม บางซีซันก็เน้นดราม่ามากกว่าสืบคดีที่ดูเหมือนเป็นเพียงน้ำจิ้ม และก็จะมีเส้นเรื่องหลักประจำ รวมถึงปมดราม่าใหญ่ๆในแต่ละซีซันด้วย

สำหรับเรื่องราวจากใน 4 ซีซันก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น

Season 1 (13 ตอน)

Season 2 (18 ตอน)

Season 3 (26 ตอน)

Season 4 (10 ตอน)

Lucifer Netflix รีวิว ลูซิเฟอร์

ในซีซันแรก จะเป็นการเน้นปูคาแรกเตอร์และแนะนำตัวละครหลัก โดยภาพรวมแล้วบรรดาคดีในซีซันแรกให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดูแนวสืบสวนแบบซีรีส์ชุด CSI สำหรับเส้นเรื่องหลักคือการแนะนำตัวลูซิเฟอร์ ที่กำลังใช้ชีวิตลันล้าบนโลกมนุษย์

ลูซิเฟอร์ได้พบกับโคลอี้ในระหว่างคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง แล้วเขาก็ต้องฉงนว่าทำไมพลังของเขาจึงใช้กับโคลอี้ไม่ได้ผล แถมเขาจะอ่อนแอลงจนถึงขั้นที่ถูกยิงเลือดตกยางออกและบาดเจ็บได้เมื่อเขาอยู่ใกล้กับเธอด้วย ทำให้เขาตัดสินใจคอยติดตามเธอเพื่อหาสาเหตุ

นอกจากนี้ยังมีอีกปมหลักในซีซันแรกคือ การที่ลูกซิเฟอร์ออกจากนรกขึ้นมาที่โลก ทำให้นรกขาดผู้ปกครอง พวกปีศาจอาจจะหลุดมาโลกได้ ทำให้อเมนาเดียลต้องลงจากสวรรค์มาตามเขากลับไปดูแลนรก

เรื่องราวในซีซันแรกปิดลงเมื่ออเมนาเดียลทำภารกิจไม่สำเร็จ เขาเองก็ต้องเสียพลังทูตสวรรค์ แล้วยังไปมีอะไรกับเมซิคีนด้วย ส่วนลูซิเฟอร์ได้พบว่า แม่ หรือ พระมารดาแห่งสรรพสิ่ง หลุดขึ้นมาโลกมนุษย์แล้ว

ในซีซันสอง ปมใหญ่ของซีซันนี้คือการเผชิญหน้ากับ แม่” ซึ่งเป็นพระมารดาแห่งสรรพสิ่ง และเธอยังเป็นแม่ของพวกลูซิเฟอร์และเหล่าอัครทูตสวรรค์ แต่เธอกลับถูกพระเจ้าขับไล่ลงมา อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุการณ์ในซีซีนแรกทำให้เธอหลุดจากนรกขึ้นมา แล้วมาสิงอยู่ในร่างของ ชาร์ล็อต ทนายความหญิงชื่อดัง ทำให้พวกลูซิเฟอร์ต้องหาทางส่งตัวแม่ของพวกเขาออกไปจากโลก เพื่อป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้น แล้วซีซันนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์องค์อื่นด้วย

ด้านลูซิเฟอร์ก็มาค้นพบความลับบางอย่างที่เป็นปริศนาคาใจเขาตั้งแต่แรก นั่นคือชาติกำเนิดของโคลอี้ ซึ่งแม่ของเขาพบว่า แท้จริงแล้วโคลอี้อาจจะเป็นคนที่พระเจ้าจงใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นคุ่กับลูซิเฟอร์ก็เป็นได้

ส่วนตอนท้ายของซีซันสอง แม่ก็ตัดสินใจที่จะออกไปจากโลกด้วยตัวเธอเอง ในขณะที่ลูซิเฟอร์ได้พลังและปีกของทูตสวรรค์กลับคืนมา

ในซีซันสาม ลูซิเฟอร์ต้องมาเผชิญหน้ากับ คาอินบุตรชายของอดัมและอีฟตามตำนาน ซึ่งเขาได้ชื่อว่าเป็น ฆาตกรคนแรกของมวลมนุษย์ จากการสังหารอาเบล น้องชายของเขา

คาอินได้ปลอมตัวเป็นนายตำรวจที่เข้ามาในกรมของโคลอี้ เพื่อแผนการบางอย่าง และทำให้ตอนท้ายของซีซันกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่อง เมื่อโคลอี้ได้พบตัวจริงของลูซิเฟอร์เข้าจนได้

ในตอนท้ายของซีซันสาม โคลอี้ก็ได้เห็นตัวตนจริงของลูซิเฟอร์ ทำให้เธอช็อคจนต้องออกจากเมืองไปชั่วคราว

ซีซันสี่เริ่มขึ้นเมื่อโคลอี้ได้รับการติดต่อจากทางโบสถ์ที่ต้องการส่งตัวลูซิเฟอร์กลับนรก เธอจึงกลับมาที่กรมตำรวจอีกครั้ง แล้วในซีซันนี้ยังมีการเปิดตัว อีฟมนุษย์ผู้หญิงคนแรกของโลก และเป็นคนรักคนแรกของลูซิเฟอร์ด้วย

ภายหลังโคลอี้ก็ปรับความเข้าใจกับลูซิเฟอร์ได้ นอกจากนี้ลูซิเฟอร์ยังตัดสินใจบอกเลิกอีฟ ในขณะที่โคลอี้ก็พบว่าเธอเองก็รักลูซิเฟอร์แล้ว ด้านอีฟเองก็เริ่มมีการสปาร์กกับเมซิคีน (LGBT) แม้ว่าจะจบลงด้วยการแยกจากกันเพื่อไปตามหาเส้นทางชีวิตของเธอเองก็ตาม ในขณะที่อเมนาเดียลก็ไปทำให้ลินดาตั้งท้องซะงั้น จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย เพราะเท่ากับเทวดาไปมีลูกกับมนุษย์

สุดท้ายแล้วเรื่องในซีซันสี่ก็จบด้วยการที่ลูซิเฟอร์กลับไปนรกเพื่อควบคุมไม่ให้เหล่าปีศาจออกมาสร้างความวุ่นวายบนโลก

Lucifer ss5 รีวิว (เนื้อหามี 8+8 ตอน แบ่งเป็นสองพาร์ท)

เรื่องราวในซีซันล่าสุด เมื่อลูซิเฟอร์จำเป็นต้องอยู่ปกครองนรก ควบคุมเหล่าปีศาจ แต่กลายเป็นว่าพี่ชายที่หน้าตาเหมือนเขาคือ ไมเคิล หรือ มิคาเอลอัครทูตสวรรค์ ได้ลงมาบนโลกแล้วคิดจะแย่งชิงชีวิตของลูซิเฟอร์บนโลกไป ซึ่งตามความเชื่อในไบเบิล ไมเคิล คือผู้ปราบลูซิเฟอร์ในสงครามก่อกบฏนั่นเอง (แต่ในซีรีส์เหมือนจะปรับบทตรงนี้ใหม่)

ในซีซันนี้ยังมีการเล่นกับพลังของพวกเทวดาตามความเชื่อเดิมในแง่ที่ว่า เทวดาสามารถดลใจให้มนุษย์กระทำสิ่งต่างๆ ได้ จึงนำมาสู่พลังการยั่วยุและกระตุ้นความกลัวของมนุษย์ของตัวไมเคิลเอง แล้วเรื่องราวยังเฉลยว่า แท้จริงแล้วเทวดาไมเคิลนี่เองที่อยู่เบื้องหลังการขึ้นมาใช้ชีวิตบนโลกของลูซิเฟอร์ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มเลย

เส้นเรื่องอื่นๆ ก็น่าสนใจ เช่น เรื่องของอเมนาเดียลและลินดาที่มีลูกชายด้วยกัน ทำให้อเมนาเดียลในซีซันนี้ลดความดุดันลงไปเยอะ กลายเป็นคุณพ่อมือใหม่ ส่วนลินดาก็ยังคงรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและจิตแพทย์ให้กับก๊วนอมนุษย์ต่อ

เส้นเรื่องรองอีกเส้นที่ดูไม่สำคัญ แต่กลับมีผลกระทบต่อเรื่อง นั่นคือบทของเมซิคีน ที่ในซีซันนี้เธอมารับหน้าที่นักล่าค่าหัว ทำงานร่วมกับโคลี้ และก็ยิ่งเพิ่มความสนิทสนมกับลินดาเพิ่มเข้าไปอีก แต่ความสัมพันธ์กับลูซิเฟอร์กลับมีรอยร้าวอย่างรุนแรง แล้วยังมีเปิดเผยเรื่องราวของ ลิลิธ ราชินีและมารดาของเหล่าปีศาจหญิงทั้งหมด (ลิลิธในไบเบิลคือพี่สาวของอีฟ แต่ถูกขับไล่ออกไปจากสวรรค์)

สำหรับภาพรวมในซีซัน 5 เราจะพบว่ามีเนื้อหาที่ “ก้าวไปข้างหน้า” แทบจะมากที่สุดในทุกซีซัน ตรงนี้คาดว่าอาจเพราะเดิมทีเคยมีข่าวว่านี่จะเป็นซีซันสุดท้ายแล้วนั่นเองหลังจากซีซัน 6 จะถูกแคนเซิล แต่ด้วยความดังของซีรีส์นี้ทำให้มีการเรียกร้องให้สร้างซีซัน 6 ต่อ ซึ่งคงต้องรอดูกันว่า สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดจะจบที่ซีซันนี้หรือไปจบที่ซีซัน 6 อย่างที่ทีมสร้างตั้งใจไว้ 

ในซีซัน 5 ยังมีจุดเด่นอีกอย่างที่ต้องขอคารวะนักแสดง ทอม เอลลิส ที่รับบท ลูซิเฟอร์ เพราะคราวนี้เขายังต้องรับบท ไมเคิล ที่เป็นเทพฝาแฝดของลูซิเฟอร์ด้วย แล้วเขาสามารถแสดงให้เราเชื่อถือได้ว่า “ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่มันคือคนละคนกันจริงๆ” ซึ่งในตอนที่เขาแสดงเป็นบทไมเคิล ก็จะดูมีความ “โรคจิตมากกว่า” ทั้งที่เป็นเทวดานี่แหละ

แต่ซีซันนี้มีจุดด้อยอยู่เหมือนกันและอาจกล่าวว่าเป็นจุดด้อยที่ไปคล้ายกับในซีซัน 2-3 นั่นคือเรื่องมีความจงใจดราม่าวนไปวนมาของตัวละครเกินไป คือถ้าดูแล้วอาจจะคิดว่าความผิดใจไม่ลงรอยกันบางเรื่องของตัวละครมันน่าจะก้าวข้ามกันได้แล้ว แต่เหมือนทีมสร้างกลัวว่าจะไม่มีอะไรให้เล่น ก็เลยเอาความดราม่าซ้ำๆ กลับมาใช้ เพียงแต่ว่ารอบนี้ทำได้ดีอยู่ เพราะตัวละครใหม่อย่างเทวดาไมเคิล มีความสามารถพิเศษที่เอื้อต่อการสร้างดราม่าพอดี

สำหรับดราม่าหลักๆ ในซีซันนี้ไปเล่นประเด็น “ครอบครัว พ่อแม่” และเรื่องของ “ชีวิตเราบงการเองได้หรือไม่” แม้ว่าจะเป็นดราม่าซ้ำซาก แต่ข้อดีคือ มันเป็นเรื่องใกล้ตัว แล้วดราม่าทั้งสองด้านนี้ทำได้ดีกว่าในซีซันเก่าๆ พอตัวด้วย

ตอนท้ายของซีซันนี้ ยังมีการ “วางระเบิดลูกใหญ่” ที่ทำให้พาร์ทสองน่าจะเป็นบทที่แฟนๆเรื่องนี้รอตดตามชมมากที่สุดว่าจะเล่าเรื่องราวไปยังไงต่อ เพราะตอนท้ายมีการเปิดตัวละครสำคัญที่เชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นในเรื่องนี้แน่ๆ

ตัวละครในตอนจบก็คือ พระบิดา หรือ พระเจ้า ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่า นี่คือตัวจริงหรือเป็นอัครทูตสวรรค์องค์ไหนปลอมตัวมาอีกหรือไม่ เพราะในเรื่องจะยังมีอัครทูตสวรรค์ที่ยังไม่มีบทออกมาอีก

 

ด้านจุดแข็งใหญ่สุดในซีซันนี้ก็ยังเหมือนกับทุกซีซันที่ผ่านมาของเรื่องนี้ นั่นคือ “เคมีตัวละคร” และ “พลังของนักแสดงนำ” ที่เรียกได้ว่ามีความเข้าขากันมาก อีกทั้ตัวนักแสดง ทอม เอลลิส ก็รับบทเป็นลูซิเฟอร์ได้อย่างเพอร์เฟ็คที่สุดเท่าที่จะหาคนมารับบทได้แล้ว ชนิดที่เรียกว่าเขาจะกลายเป็นภาพจำของตัวละครลูซิเฟอร์ไปอีกนานเลย แถมในซีซัน 5 เขายิ่งได้โชว์ทักษะการแสดงในสองบทพร้อมกันขึ้นมาได้อีก และทำได้ดีมากด้วย

Lucifer ss5 Part2 เพิ่มเติม

การกลับมาครั้งนี้ของ ลูซิเฟอร์ เป็นการมาพร้อมกับเนื้อหาและตัวละครใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะนี่คือการเปิดตัว “พระเจ้า” ในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย โดยการมาของพระเจ้า จะมาในรูปแบบของ พ่อ ผู้ต้องการสานสัมพันธ์กับลูกๆ โดยเฉพาะลูซิเฟอร์ ที่เป็นลูกรักคนหนึ่งที่ถูกพระเจ้าไล่ลงมาสู่นรก

โดยปมใหญ่สำคัญของพาร์ทสอง จะมีสองพลอตหลักคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง พระเจ้า หรือพระบิดา กับเหล่าเทวทูตในเรื่อง และปัญหาดราม่าจุกจิกในครอบครัวพระเจ้าที่ซีรีส์จงใจล้อเลียนและจิกกัดว่า มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากครอบครัวมนุษย์ปกติธรรมดานี่เอง มีปัญหาเรื่องการยอมรับจากพ่อ ความช่างสอดส่องดูแลเกินเหตุ การไม่รู้สึกว่าตนเองถูกรัก หรือได้รับการยอมรับ ไปจนถึงการไม่สามารถแสดงออกถึงความรักที่มีอย่างเหมาะสมได้ ซึ่งปมในแง่ครอบครัวนี้ดูเหมือนว่าจะเล่นมาตลอดในซีรีส์ตั้งแต่ซีซันแรก และยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงซีซันห้านี้ เรียกว่าเป็นคีย์หลักในความดราม่าของเรื่องยิ่งกว่ามุมโรมานซ์ด้วย แถมยังทำได้ดีพอสมควร

ส่วนอีกพลอตสำคัญที่มาในพาร์ทนี้ก็คือ การเกษียณตำแหน่งของพระเจ้า ซึ่งในเรื่องจะมีการพูดประโยคสำคัญที่ว่า “พระเจ้าตายแล้ว” คำเดียวกับของนักปรัชญาชื่อดังชาวเยอรมัน ฟรีดิช นีชเช่ ที่กล่าวคำนี้ไว้ในผลงานของตน และเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ในแง่ที่มองว่า พระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง เมื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆในจักรวาลขึ้นมา ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรอีก แต่ปล่อยให้ชีวิตเป็นไป ซึ่งการประกาศเกษียณตำแหน่งพระเจ้า จึงนำไปสู่ปมหลักของพาร์ทนี้ในช่วงท้ายด้วย นั่นคือการทำศึกระหว่าง ลูซิเฟอร์และไมเคิล เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง โดยที่ทั้งสองฝ่ายมีแรงผลักดันแตกต่างกัน

แล้วในพาร์ทสอง ยังมีการกลับมาของตัวละคร อีฟ เพียงแต่กลับมารอบนี้มีการเปลี่ยนลุคใหม่อย่างสิ้นเชิง กลายมาเป็นสาวสายบู๊ไปเลย และดราม่าที่เคยมีกับลูซิเฟอร์ก็ไม่มีอีกแล้ว แต่มาจับคู่กับเมซีคีนแทน

สำหรับการเดินเรื่อง พาร์ทสองมีความ ตลกโปกฮา ตลกร้าย ที่ค่อนข้างเบาสมองและชวนหัวมากขึ้น พาร์ทของการสืบสวนคดีฆาตกรรมก็ดูจะเบาลง ไม่ใช่ส่วนสำคัญของเรื่องมากนัก แต่ถูกใช้ในการเดินเรื่องแล้วให้ตัวละครทั้งลูซิเฟอร์และปวงเทพได้เข้าไปปั่นป่วนแทน

อันที่จริงจุดด้อยของซีซันห้านี้ก็มีอยู่พอสมควร และเป็นเรื่องเดิมๆ จากทุกซีซันด้วย นั่นคือเรื่องฉากแอ็กชั่นหรือสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ ที่แม้ว่าจะมีการโชว์พลังของลูซิเฟอร์ หรือเหล่าเทวดาในเรื่อง แต่มันกลับเข้าขั้นธรรมดาจนถึงแทบจะง่อยเอาเลย ด้านฉากต่อสู้ในตอนท้ายเรื่องที่เป็นฉากไคลแมกซ์ก็ทำออกมาไม่ได้ค่อยดีนัก มีแค่การใช้เทคนิคสเปเชียลช่วยเล็กๆ ให้ดูรู้ว่า เออ พวกตัวละครเทพและปีศาจในเรื่องนี้มีพลังพิเศษนะ คือต้องยอมรับว่าบรรดาเทพและปีศาจในเรื่องนี้ดูแล้วไม่ได้ทรงอำนาจเหนือไปกว่ามนุษย์ทั่วไปนัก หรือถ้าจะบอกว่า ทีมสร้างพยายามหาทางเนิร์ฟพลังของพวกเขาเพื่อให้เรื่องสนุกน่าลุ้นขึ้นก็ว่าได้ ดังนั้นหลายคนอาจจะแซวว่าพระเอกเรื่องนี้คือลูซิเฟอร์ที่พลังง่อยที่สุดก็คงไม่แปลก แม้จะได้ชื่อว่าเป็นลูซิเฟอร์ที่เท่และมีเสน่ห์ที่สุดก็ตาม

ภาพรวมแล้วในซีซัน 5 ยังคงมีแนวทางการเล่าเรื่องในแบบสืบสวนจบในตอนสไตล์ คล้ายซีรีส์อย่าง CSI หรือ The Mentalist แล้วใส่ตำนานเทพและปีศาจในไบเบิลเข้ามาเป็นตัวสร้างสีสัน รวมถึงดราม่าตัวละครในแบบที่จงใจจับเรื่องใกล้ตัวคนเรา แล้วผสมผสานกับเรื่องแนวรักๆ ใคร่ๆ โรมานซ์ๆ ที่น่าจะดึงดูดคนดูสาวๆ ได้ดี เพราะตัวละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยคนหล่อสวย โดยเฉพาะตัวของลูซิเฟอร์ที่ชวนดึงดูดสายตาเอามากๆ แต่ในด้านเนื้อหาเองก็มีเส้นเรื่องใหญ่ที่น่าติดตามในแบบที่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดเกินไป

Lucifer ss6 รีวิว + สรุป

บทสรุปของซีรีส์ที่เดินเรื่องมาไกลอย่างคาดไม่ถึง จากพลอตสุดแหวกที่ว่าด้วยจอมปีศาจลากพักร้อนมารับบทนักสืบจำเป็นบนโลกมนุษย์ พร้อมพาความวุ่นวายต่างๆตามมา กลับกลายเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จในแง่ผู้ชม ความนิยม คำวิจารณ์ เรตติ้ง สามารถแจ้งเกิดให้นักแสดงนำในำเรื่องได้หลายคน

ซีซัน 6 จะใช้การเดินเรื่องที่ผสมผสานในแง่ของการรำลึกเนื้อหาจากทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อปูไปสู่บทสรุปของเหล่าตัวละครในเรื่อง แล้วก็โยนปัญหาใหม่ๆที่คาดไม่ถึงเข้ามาด้วย โดยเฉพาะบทของ “โรรี่” ลูกสาวในอนาคตของลูซิเฟอร์ และ โคลอี้ พร้อมกับการโยนปริศนาลูกใหญ่ที่ว่า ลูซิเฟอร์ในอนาคตหายตัวไปไหน แล้วเขาไม่ได้รับบทพระเจ้าแบบที่เขาเพิ่งได้มาหรือ?? แต่ในตอนท้ายเรื่องก็จะเฉลยและเคลียร์เนื้อหาทุกอย่างออกมาได้ลงตัว และสวยงาม

เนื่องจากเป็นซีซันสุดท้ายที่เสมือนต้องการ “เคลียร์” ปมและบททุกอย่างของตัวละครจากซีซันทั้งหมดก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่ได้เน้นไปที่เนื้อเรื่องหรือการเพิ่มปมอะไรเข้ามามากนัก นอกจากเรื่องการเคลียร์ใจของเหล่าตัวละครและการหาทางลงแบบสวยงามให้ตัวละครทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ถือว่าทีมเขียนบททำได้ดี แม้จะดูแปลกๆไปบ้างที่ยัดตัวละครโรรี่เข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลย แต่ก็ทำให้เรื่องราวมันสามารถปูไปสู่ฉากจบได้ดีกว่าที่คิดสำหรับผู้เขียนเอง

แล้วที่ชอบอย่างหนึ่งก็คือ การค้นพบบทบาทและตัวตนของลูซิเฟอร์ ตรงนี้ถือว่าซีรีส์ล้อเลียนตัวซีรีส์เองเหมือนกันที่ให้ตอนจบเลือกเส้นทางของลูซี่ของเราแบบนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการจบที่ไม่ได้แย่ และทำได้ดีเลยครับ

แน่นอนว่าฉากแอ็กชั่นยังคงเป็นจุดด้อยของซีรีส์ ที่ทำออกมาดูง่อยๆไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เน้นอยู่แล้ว แฟนๆของซีรีส์น่าจะชิน

อีกจุดที่ซีรีส์เรื่องนี้ตีความได้ดีและยังคงเน้นในซีซันสุดท้าย ซึ่งก็พูดถึงมาตลอดเรื่อง นั่นคือประเด็นความเชื่อเรื่อง “นรกและสวรรค์” ที่ทีมสร้างจะพยายามบอกเราว่า นรกและสวรรค์ในเรื่องนี้มีอยู่จริงนะ เพียงแต่มันไม่ใช่แค่เรื่องการทรมานทางร่างกายเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่คนผู้นั้นต้องเผชิญหน้ากับปมในใจ ความรู้สึกผิดบาป ความหวาดกลัว หรือเป็นความชั่วร้ายที่ตนเคยทำไว้ ก็จะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาหรือถึงขั้นตลอดกาล ซึ่งตรงนี้เองที่ทีมสร้างหยิบมาผูกกับปมคำถามที่ว่า ทำบาปแล้วตกนรก หรือทำดีแล้วขึ้นสวรรค์ เป็นจริงหรือ แล้วอะไรคือมาตรฐานวัด?? ถือว่าเป็นเรื่องที่ทีมสร้างตีความออกมาได้ดีพอสมควรครับ

ในภาพรวมแล้ว ใครยังไม่เคยดู แนะนำให้ดูเรื่องนี้ได้เลยใน Netflix แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมนี่จึงเป็นซีรีส์ดังที่มีผู้ชมเคยร่วมกันลงรายชื่อขอไม่ให้แคนเซิลไปก่อนมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เพราะมันผสมผสานทุกอย่างได้ลงตัว ทั้งแนวสืบสวน แฟนตาซี โรมานซ์ ไปจนถึงเล่นกับประเด็นความเชื่อทางศาสนาที่ตีความออกมาได้เข้าใจง่ายด้วย

ปล.ซีซันสุดท้าย เลือกจบที่ซีซัน 6 ก็เป็นอะไรที่ลงตัวดี เพราะเป็นเลขของซาตาน

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt4052886/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!