playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Miss Sherlock ซีรีส์ญี่ปุ่นใน HBO ดัดแปลงเชอร์ล็อคโฮล์มและวัตสันเป็นผู้หญิง

สรุป

ซีรีส์แนวสืบสวนสไตล์ผู้หญิงที่ดัดแปลงจากนิยายเชอร์ล็อคโฮล์ม ได้นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่รับบทนำ แต่การเดินเรื่องจะไม่หวือหวามาก และอิงตามนิยายหลายจุดทำให้คนที่เคยอ่านนิยายหรือรู้เรื่องเชอร์ล็อคโฮล์มมาแล้วอาจจะเฉยๆ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (3 votes)

Pros

  • นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ของญี่ปุ่นมาเอง การันตีการแสดงยอดเยี่ยม เคมีนักแสดงดีระดับหนึ่ง
  • โปรดักชั่นถือว่าดี
  • เนื้อหาสำคัญและตัวละครอิงนิยายเยอะมาก
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ใครอ่านนิยายหรือเคยดูซีรีส์ Sherlock ของ BBC อาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้จงใจลอกแนวทางมาเยอะ
  • วิธีเดินเรื่องค่อนข้างธรรมดา ไม่หวือหวา
  • ชิโฮริในบทวัตสันเป็นนักแสดงหญิงที่เก่ง แต่ในเรื่องจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อว่าเป็นหมออาสาที่เคยผ่านสนามรบ

Miss Sherlock HBO Go รีวิว ซีรีส์ญี่ปุ่น สืบสวน เมื่อดัดแปลงเชอร์ล็อคโฮล์มและวัตสันเป็นผู้หญิง และนำคดีในนิยายมาตีความใหม่ในแบบญี่ปุ่นปัจจุบัน เล่าเรื่องราวแบบทันสมัย

Miss Sherlock เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวสืบสวน ที่คราวนี้เอา เชอร์ล็อค โฮล์ม และ วัตสัน สองคู่หูนักสืบที่โด่งดังที่สุดในโลก จากต้นฉบับนิยายคลาสสิกของ เซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยส์ มาดัดแปลงใหม่ ให้เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ได้นักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง ยูโกะ ทาเคอุจิ มาเล่นบทนำ

 Miss Sherlock (2018) on IMDb

Miss Sherlock Trailer ตัวอย่าง

Miss Sherlock เรื่องย่อ

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ หมอสาว วาโตะ (วัตสัน เล่นคำจาก วาโตะซัง) ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากซีเรีย ต้องพบคดีฆาตกรรมปริศนาคดีแรกทันทีหลังจากลงเครื่องเป็นอาจารย์ที่ใกล้ตัวของเธอเอง แล้วนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับ เชอร์ล็อค นักสืบพิเศษที่ทำงานร่วมกับกรมตำรวจ ซึ่งมีนิสัยและบุคลิกสุดโต่ง พูดจาขวานผ่าซาก แต่มีความสามรถในด้านตรรกะวิธีคิดที่เป็นเหตุเป็นผลสูงมากและได้ช่วยตำรวจไขคดียากๆ มาแล้วมากมาย

วาโตะต้องการไขปริศนาการตายของอาจารย์หมอของเธอ จึงร่วมติดตามการสืบคดีกับเชอร์ล็อคหญิงคนนี้ แล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่จะได้ร่วมกันไขคดีฆาตกรรมปริศนาอีกมากมาย ที่แท้จริงแล้ว มีผู้อยู่เบื้องหลังที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด

 

Miss Sherlock รีวิว สนุกไหม

ต้องบอกว่า อันที่จริงแล้วการนำ สองตัวละคร เชอร์ล็อค โฮล์ม และ วัตสัน มาดัดแปลงลงสื่อ ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูน เป็นเรื่องที่ทำกันมานานตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่าเพราะชื่อของสองคู่หูนักสืบคู่นี้ คือชื่อที่คนทั่วโลกคุ้นเคยมากที่สุดแล้ว สำหรับตัวเอกในนิยายสืบสวนสอบสวนที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนเรื่อง แต่ไม่มีคู่ไหนที่จะโด่งดังเท่ากับคู่นี้อีก

โดยเฉพาะการนำตัวละครโฮล์ม มาตีความใหม่ที่ผ่านมาก็มีหลายเวอร์ชั่น ตัวอย่างเช่น เวอร์ชั่นหนังของ กาย ริชชี่ ที่ได้นัดแสดงขั้นเทพอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ และ จ๊ด ลอว์ มาร่วมแสดง แต่ดูเหมือนว่าฉบับที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมที่สุด ก็คือซีรีส์ฉบับของ BBC ที่ได้ เบเนดิกซ์ คัมเบอร์แบ็ตท์ และ มาร์ติน ฟรีแมน นำแสดงร่วมกัน จนเกิดเป็นภาพจำของเชอร์ล็อคโฮล์มและวัตสันยุคใหม่ไปเลย ที่สำคัญคือ สามารถขายพลัง Bromance ได้กระจุยกระจาย จากเคมีของนักแสดง

ส่วนการดัดแปลงเพศของสองตัวละครนี้ก็เคยมีเหมือนกัน เช่น ซีรีส์ฉบับของสหรัฐอย่าง Elementary ที่ดัดแปลงวัตสันเป็นผู้หญิงมาแล้ว

 

ส่วนซีรีส์ของญี่ปุ่นอย่าง Miss Sherlock ก็เป็นการดัดแปลงให้ทั้งสองเป็นผู้หญิงไปซะเลย ซึ่งก่อนฉาย ก็มีการคาดการณ์ว่า จงใจขายความ Yuri หรือพลังหญิงมากไปหรือไม่ อีกทั้งกระแสของญี่ปุ่นในหลายปีหลัง อนิเมะญี่ปุ่นแนวยูริกำลังมาแรง แต่ฝั่งซีรีส์แทบจะไม่มีให้เห็น

แต่ที่จริงแล้ว แทนที่จะเรียกว่าขายความ Yuri การดัดแปลงรอบนี้ เหมือนเป็นการเชิดชูพลัง เฟมินิสต์ มากกว่า โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงยังคงไม่ได้รับการยอมรับในหลายอาชีพที่ต้องเป็นฝ่ายนำผู้ชาย (ไทยเรายังเปิดกว้างตรงนี้มากกว่า)

ข้อดีมากๆ ของเรื่องนี้คือ นักแสดง โดยเฉพาะสองตัวเอกและหนึ่งตัวร้าย

 

ยูโกะ ทาเคอุจิ และ ชิโอริ คันจิยะ เล่นเรื่องนี้คู่กัน ในช่วงแรกๆ เคมีดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ คือตัวยูโกะ เป็นนักแสดงสาวรุ่นใหญ่มากฝีมืออยู่แล้ว สมัยยังสาว เธอเป็นนักแสดงในแนวหวานที่คนดูอาจจะคุ้นกับภาพยนตร์เรื่อง Be with You ส่วนในซีรีส์ เธอเคยรับบทนำในซีรีส์แนวสืบสวน ที่น่าคนไทยน่าจะคุ้นเคยมาบ้าง เช่น Strawberry Night (2012) แต่สำหรับบทเชอร์ล็อคหญิง เธอต้องพยายามแสดงให้ดูเพี้ยนๆติสต์ๆ จนบางทีอาจจะดูล้นไปนิด

ฝั่งชิโฮริ เป็นนักแสดงสาวที่มีผลงานมายาวนานนับสิบกว่าปี แต่มักจะได้รับบทเป็นตัวละครรอง หรือกระทั่งตัวอิจฉาซะมากกว่า แต่ในด้านฝีมือการแสดง ถือว่าเรื่องนี้เธอทำได้ดีมาก แม้ว่าช่วงแรก อาจจะทำให้คนดูรู้สึกแปลกๆ เพราะชิโฮริมีลักษณะที่เหมือนเป็นสาวแม่บ้านมากกว่าจะเป็นหมออาสาในประเทศเสี่ยงหรือเคยผ่านสนามรบ เรียกง่ายๆ ว่าด้านคาแรคเตอร์ตัวละครไม่ค่อยเข้ากับนักแสดงเท่าไหร่

 

แต่หลังจากซีรีส์ดำเนินเรื่องไป ในฉากที่ตัวเอกต้องระเบิดพลังการแสดง และระเบิดอารมณ์ต่างๆ ทั้งสองคนก็ทำได้ดีเอามากๆ ฝั่งยูโกะการันตีฝีมืออยู่แล้ว แต่ที่ต้องยอมรับคือ ชิโฮริ ที่ทำได้ดีเอามากๆ ทั้งท่าทางและสีหน้าเวลานิ่งๆ ไปจนถึงการระเบิดอารมณ์ แม้ว่าในแง่ความเป็นคาแรคเตอร์หมอสนามอาจจะดูไม่เข้าเท่าไหร่ก็ตาม

ในแง่ของการดัดแปลงรายละเอียดต่างๆจากนิยายเชอร์ล็อคโฮล์มมาเป็นซีรีส์ ทีมสร้างก็มีความพยายามพอดู ซึ่งก็เคารพต้นฉบับนิยายในแง่ที่ยกเอาตัวละครสำคัญมาทั้งเซตเลย ไม่ว่าจะเป็นการดัดแปลงบทของ ศาสตราจารย์ เจมส์ โมริอาตี้ ตัวร้ายหลักในนิยายต้นฉบับ ที่ในเรื่องนี้ต้องคารวะนักแสดงหญิงรุ่นใหญ่อย่าง ยูกิ ไซโต้ ที่มีผลงานยาวเหยียดเป็นหางว่าว เรื่องนี้เธอทำได้ดีเอามากๆ เพราะตอนแรกเปิดตัวละครโมริอาตี้ในเวอร์ชั่นนี้ออกมา เชื่อเลยว่าคนดูอาจจะคาดไม่ถึงว่า นี่แหละโมริอาตี้ของเวอร์ชั่นนี้ เพราะดูเป็นตัวละครแนวป้าๆ ที่ไม่น่าจะกลายเป็นตัวร้ายที่มีพิษสงมากถึงระดับตัวร้ายในตำนานอย่างโมริอาตี้ที่เป็นตันแบบได้เลย แต่นักแสดงกลับเล่นถึง แสดงให้เราเห็นว่า หมอป้าๆ ที่ดูไม่อันตรายคนหนึ่ง เวลาเป็นตัวร้าย จะร้ายได้ขนาดไหน

 

อีกจุดที่ต้องชมคือ เวลาเข้าฉากของนักแสดงรุ่นใหญ่ โดยเฉพาะฉากที่สามนักแสดงหญิงของเรื่องนี้เข้าพร้อมกันหมด ทั้งสามคนส่งพลังได้ถึงดีมาก ทั้งการประชันระหว่างยูโกะในบทเชอร์ล็อค กับ ยูกิ ในบทโมริอาตี้ ที่เผชิญหน้ากัน รวมถึงชิโฮริ ที่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าให้รุ่นใหญ่กลบเอา

แต่จุดด้อยของเรื่องนี้ก็มีพอสมควร นั่นคือการเดินเรื่อง คือด้วยความที่ซีรีส์เป็นการดัดแปลงเรื่องราวของเชอร์ล็อค โดยเฉพาะสองตัวหลักและหนึ่งตัวร้ายให้เป็นตัวละครหญิง แถมใช้นักแสดงรุ่นใหญ่เล่น ก็เลยทำให้การเดินเรื่องไม่ค่อยจะมีบทแอ็กชั่นมากมายอะไร การเดินเรื่องสืบสวนเป็นแนวเก่า การหักมุมก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวา จะเรียกว่าไม่ได้หักมุมเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเรื่องทำมาโดยอิงจากต้นฉบับเชอร์ล็อคจนหมด ซึ่งถ้าเป็นคนที่เคยอ่านนิยายมา หรือเป็นแฟนคลับนิยาย หรือเคยดูซีรีส์ Sherlock ของ BBC มาก่อน อาจจะเฉยๆ กับการเดินเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ไปเลย จนถึงขั้นไม่สนุกเอาด้วยซ้ำ ในพาร์ทของการเฉลยตัวคนร้ายในแต่ละคดีก็เป็นแนวสืบสวนสไตล์เก่า คือเอาตัวเอกมาเฉลยๆ แล้วก็จับคนร้าย ปิดเคส

สำหรับตอนจบของเรื่อง เป็นการอ้างอิงจากนิยายต้นฉบับ ที่ตัวละครไปจบเรื่องราวที่แม่น้ำไรเคนบาค (ในเรื่องนี้ก็เปลี่ยนเป็นชื่อตึกแทน) ซึ่งในนิยายเชอร์ล็อคเมื่อกระโดดลงน้ำตกไปพร้อมโมริอาตี้แล้ว ปรากฏว่าเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยส์ ได้เขียนนิยายภาคต่อ ก็เลยเอาเชอร์ล็อคกลับมาใหม่ ไม่ตายซะงั้น ซึ่งฉากจบของซีรีส์ก็สื่อไปในทางที่ว่า น่าจะไม่ตายจริงๆ แล้วก็จบไปแบบนั้น

สรุปภาพรวม นี่เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสไตล์ผู้หญิงที่ดัดแปลงจากนิยายอมตะขึ้นหิ้งของโลก ได้นักแสดงรุ่นใหญ่มารับบทนำ ดังนั้นในแง่การแสดงถือว่าการันตี แต่การเดินเรื่องจะไม่หวือหวามากนัก สำหรับคนที่ดูเรื่องนี้โดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเชอร์ล็อคโฮล์มมาก่อนก็สามารถสนุกได้ หรือคนที่เคยอ่านนิยายมาก่อนก็เพลิดเพลินได้ แต่ข้อแนะนำคือ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับซีรีส์ Sherlock ของ BBC เด็ดขาด เพราะผลงานมันคนละระดับกันเลย

ส่วนจะได้สร้างซีซันสองไหม คิดว่าคงไม่ได้ทำต่อครับ เพราะตัวเรื่องมันก็อิงตอนจบของเชอร์ล็อคโฮล์มในนิยายกับฉากที่ไรคเคนบาค ถึงแม้ว่าในนิยายจะกลับมาเขียนเรื่องต่อ แต่ในซีรีส์นี้มันก็จบไปลงตัวดีแล้ว

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

Reference

http://asianwiki.com/Miss_Sherlock

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!