playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sabrina ss4 (Netflix) การผจญภัยครั้งสุดท้ายของแม่มดสาวซาบริน่า ที่เลือกบทสรุปไม่สวยเท่าไหร่

สรุป

บทสรุปของแม่มดสาวซาบริน่าที่ยั่วล้อเวอร์ชั่นแรกและซีซันก่อนๆ นักแสดงสาว เคียร์แนน ชิปก้า จะเป็นภาพจำของตัวละครซาบริน่าไปอีกยาวนาน น่าเสียดายที่ซีรีส์ถูกแคนเซิลแค่ซีซันนี้ ทำให้ฉากจบออกมาไม่ดี ตัวละครหลายตัวที่ปูเรื่องมานานเลยเหมือนตกม้าตายตอนจบ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • นักแสดงสาว เคียร์แนน ชิปก้า สุดยอดมากกับบท ซาบริน่า แถมซีซัน4 ยังต้องเล่นเป็นคนเดียวสองบทบาท
  • การเขียนบทดี เนื้อหาแต่ละตอนเดายาก
  • ไอเดียปีศาจต่างๆทำออกมาเพี้ยนสุดกู่ดี
  • ไอเดียเรื่องบอสใหญ่ของซีซันนี้ต้องร้องว้าวว่าคิดได้ยังไง

Cons

  • หลายฉากทำมามืดเกินไป ดูยากมาก
  • ความสัมพันธ์ของบางตัวละครที่ปูมาดี ถูกทิ้งไปดื้อๆ
  • บทของลูซิเฟอร์ที่สร้างมาดีมากตลอดเรื่อง แต่ตกม้าตายตอนสุดท้าย
  • ถ้าตัดตอนจบออก นี่จะเป็นซีซันที่ดีมาก
  • บทสรุปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น่าจะทำได้ดีกว่านี้

Sabrina ss4 Netflix รีวิว ซาบริน่า สปอย จากแม่มดสาววัยรุ่น ผู้เป็นได้ทุกอย่างแม้แต่ราชินีนรก เรื่องราวการผจญภัยและเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจในซีซันสุดท้าย ซึ่งฉายครบแล้วในซีซัน 4 ทั้งหมด 8 ตอนจบ เป็นอันปิดฉากซีรีส์แม่มดสาวเรื่องนี้

รีวิวในซีซันก่อนๆของ Sabrina Chilling Adventure Sabrina คลิกได้ที่

ตัวอย่าง Sabrina ss4 Trailer 

Sabrina ss4 เรื่องย่อ

การกลับมาคราวนี้ของแม่มดสาวซาบริน่า หลังจากตอนจบของซีซันสาม ที่ซาบริน่าถูกแยกออกเป็นสองคน คนหนึ่งเลือกใช้ชีวิตวัยรุ่น อีกคนเลือกเป็นราชินีนรก ทุกอย่างดูเหมือนกลับสู่จุดที่ควรเป็น แต่ที่จริงแล้วบาทหลวงแบล็กวูด ที่หนีรอดไปได้จากซีซันก่อน ได้กลับมาพร้อมกับการเป็นข้ารับใช้ในสิ่งที่เหนือกว่านั้น

การกลับมาของซาบริน่าในครั้งนี้ จึงต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายครั้งใหม่ที่เรียกว่า “มฤตยูลึกลับ” ซึ่งการมาของทั้งหมดจะนำไปสู่การนำสิ่งที่เรียกว่า “ความว่างเปล่า” มาสู่โลก ซึ่งถือว่าเป็นหายนะที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคราวลูซิเฟอร์เสียอีก เพราะความว่างเปล่าที่ว่านี้ไม่ได้ต้องการครองโลก แต่เป็นการทำให้ทุกอย่างกลับสู่ความว่างเปล่า และเป็นสเกลระดับจักรวาลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

สปอย

เอาเข้าจริงๆ บอสใหญ่ของเรื่องที่เรียกว่า “ความว่างเปล่า” ก้คือการที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกแคนเซิลหลังจากจบซีซัน 4 ไปแล้ว ทำให้ไม่มีเนื้อหาที่จะไปต่ออีก ตัวเรื่องก็เลยเอาประเด็นนี้มาล้อเลียนว่านี่แหละคือ บอสใหญ่ที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่อง

sabrina ss4 netflix รีวิวSabrina ss4 รีวิว

นี่คือซีรีส์ภาคสุดท้ายของแม่มดสาวซาบริน่า ที่ค่อนข้างจัดเต็มในแง่ ความแปลกประหลาดพิสดาร ความเพี้ยนสุดกู่ และไอเดียอะไรแปลกๆที่ไม่น่าจะคิดขึ้นมาได้แล้วยัดมาใส่ไว้ในเรื่องราวของแม่มดสาววัยรุ่นคนนี้ ก็ถูกประเคนใส่ลงมาเกือบหมด แถมหนักถึงขั้นสร้างตอนจักรวาลคู่ขนาน (ตอนที่7) เพื่อล้อเลียนซีรีส์ของตัวเองที่เคยสร้างชื่อจากแนววัยรุ่นแฟนตาซีเฮฮากึ่งซิทคอมไปอีก แล้วยังเหมือนเป็นตอนที่เขียนขึ้นมาเพื่อคารวะต่อต้นฉบับของซาบริน่าที่เคยสร้างชื่อเสียงในยุค90 อีกต่างหาก จัดว่าเป็นหนึ่งในตอนที่เขียนขึ้นมาเพื่ออำลาซีรีส์นี้ได้อย่างน่าสนใจจริงๆ แถมยังเป็นตอนที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักได้อีกด้วย แล้วยังเป็นตอนที่สร้างมาเพื่อรำลึกถึงเนื้อหาทั้งซีซันของซีรีส์ชุดนี้ด้วย

นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดเด่นมากๆที่ต้องชื่นชมก็คือ พลังของนักแสดง โดยเฉพาะ Kiernan Shipka นักแสดงสาวที่รับบทเป็นซาบริน่าของเรา ทั้งยังเป็นผลงานที่ทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการอย่างเต็มตัว และน่าจะสร้างภาพจำของตัวละคร ซาบริน่า ไปอีกนานหลายสิบปี คล้ายกับที่ เอ็มม่า วัตสัน เคยทำไว้กับตัวละครเฮอร์ไมโอนี่ ก็ไม่ผิดนัก

แล้วเรายังกล่าวได้ว่า ทั้งซีรีส์ดำเนินเรื่องผ่านพ้นไปด้วยดีจากการแสดงเธออย่างแท้จริง หรือถ้าจะบอกว่าเธอคือเดอะแบกของเรื่องนี้ก็ไม่ผิดนัก เพราะทุกซีนที่เธอออกมา มันชวนให้คนดูละสายตาได้ยากมากกับความสวยปนลี้ลับ และรอยยิ้มที่แฝงด้วยเสน่ห์ในแบบแม่มดที่ชวนน่าค้นหาอย่างเหลือล้น แล้วยังแสดงได้ในหลายมิติไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังสับสนตัวเอง หรือการเป็นแม่มดสาวที่ใฝ่หาอำนาจและมีความทะเยอทะยานที่จะอยากได้สิ่งต่างๆ มากขึ้นไปอีก และก็ไม่หวาดกลัวที่จะใช้เวทมนต์หรืออำนาจที่มีเพื่อความต้องการของตนเองด้วย

sabrina ss4 netflix รีวิวอีกจุดเด่นของซีซันนี้ก็คือ การเขียนบทที่ทำให้เดาทางเรื่องได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเอกลักษณ์ของตนเอง หลังจากตอนจบของซีซันสาม ที่ทำให้เกิดอนาคตแบบ What If ที่ทำให้มีซาบริน่าแยกออกมาเป็นสองคนจากสองไทม์ไลน์ คือซาบริน่าที่เลือกใช้ชีวิตในฐานะวัยรุ่นต่อไป กับซาบริน่าที่กลายเป็นราชินีแห่งขุมนรกที่เลือกอำนาจ ถ้าเป็นซีรีส์เรื่องอื่น อาจจะเลือกดำเนินเรื่องโดยใช้ซาบริน่าคนเดิมต่อไป แต่ปรากฏวาซีซันสี่ของเรื่องนี้ กลับเลือกใช้วิธี “ดำเนินเรื่องพร้อมกันไปทั้งสองไทม์ไลน์มันซะเลย”

กล่าวคือว่า ไหนๆ ก็ทำให้เรื่องมีซาบริน่าขึ้นมาสองคนแล้ว แทนที่จะให้คนดูค้างคาใจว่า ซาบริน่าอีกคนจะเป็นยังไง (แบบที่ซาบริน่าในเรื่องเองก็อยากรู้) ถ้าเช่นนั้นเปิดเรื่องมาก็ให้ทั้งสองคนกลับมาเจอกันอย่างลับๆ ไปเลย แถมยังใช้วิธีเดินเรื่องแบบที่ให้ทั้งสองคนช่วยกันเดินเรื่องไปด้วยกันอีกต่างหาก เรียกง่ายว่าสาวน้อย เคียร์แนน ชิปก้า ของเรา ต้องแสดงเป็นซาบริน่าสองคน ซึ่งตรงนี้ทีมสร้างก็ทำได้ดีในแง่การตัดต่อเลยทีเดียว เพราะมีฉากที่ซาบริน่าสองคนต้องเข้ามาในฉากด้วยกันหลายตอนมากๆ ตัวนักแสดงเองก็ทำได้สุดยอดด้วย

นอกจากนี้การเขียนคาแรคเตอร์ของซาบริน่าทั้งสองคนก็ทำออกมาดี คือในขณะที่แม่มดซาบริน่าเลือกชีวิตวัยรุ่น ไปโรงเรียน ค้นหาตัวเอง และต้องการความรัก แต่บทของซาบริน่าคนนี้ก็พร้อมที่จะลองใช้พลังอำนาจและเวทมนต์ของตนเองเพื่อทำอะไรๆ ในเรื่องเสี่ยงๆ ออกเทาๆ หรือถึงขั้นเป็นเรื่องดาร์กด้วยซ้ำ เพื่อความต้องการของตนเอง ส่วนซาบริน่าที่เป็นราชินีนรก แม้ว่าจะเรื่องเส้นทางของการแสวงหาพลังอำนาจ แต่กลับไม่ได้ทิ้งตัวตนแห่งความดีของตนเองไปด้วยเลยสักนิด เพราะเมื่อใครกำลังลำบาก เธอก็พร้อมที่จะยื่นมือช่วยอยู่เสมอ เรียกว่าเป็นการเขียนคาแรคเตอร์ของซาบริน่าที่ทำได้ดีเอามากๆ ด้านนักแสดงคนอื่นๆก็ยังทำได้ดีในระดับมาตรฐาน

แต่จุดด้อยของซีรีส์ก็ยังพอมีอยู่ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องประจำตอนที่ยังมีจุดวนเวียนอยู่บ้าง และความสัมพันธ์ของตัวละครบางคนที่หลังจากตอนจบซีซันสาม กลับดูเหมือนรีเซ็ทขึ้นใหม่มากไปหน่อย เช่น ความสัมพันธ์ของแอมโบรสและพรูเดนซ์ที่อุตส่าห์ปูมาอย่างดีในซีซันก่อน พอมาซีซันนี้กลับเลือกทิ้งไปเลย อีกจุดคือ การเขียนบทแบบจับยัดให้บางตัวละครเช่น โรซาลินด์ ที่เสมือนทีมสร้างก็อยู่ดีๆอยากจะเปลี่ยนให้เธอมาเป็นฝั่งแม่มดเอาง่ายๆ ก็ยัดไปว่า คันนิงเดิมทีคือแม่มดซะงั้น

อีกจุดด้อยอย่างหนึ่งของเรื่องก็คือหลายซีนจะสร้างให้ฉากมันมืดไปไหน คือเข้าใจว่าคอนเซปต์ของซีรีส์นี้คือการเล่นกับเรื่องราวในโลกมืด แต่บางทีมันก็ทำให้ดูแทบจะไม่รู้เรื่องว่าตัวละครกำลังทำอะไรกันอยู่ และชวนให้ปวดตาเอามากๆ

ส่วนในตอนจบ มีสปอย

บอสหลักของสามซีซันที่ผ่านมาอย่างลูซิเฟอร์ พลาดท่าง่ายมากๆๆๆๆๆ หลังจากเป็นตัวอันตรายที่สุดของเรื่องนี้มาตลอด ส่วนบอสใหญ่ของซีซันสุดท้ายนี้คือ ความว่างเปล่า มันก็คือการที่เรื่องนี้ถูกแคนเซิลแน่นอน ไม่ได้ไปต่อ ทำให้ไม่มีเนื้อหาอะไรต่อจากนี้อีกแล้วนั่นเอง

ส่วนบทสรุปของซาบริน่า เท่ากับว่าซาบริน่า ตายแล้วไปอยู่ในสวรรค์ และลงเอยกับนิคในที่สุด แต่หากซีรีส์นี้ไม่ได้ถูกแคนเซิล เชื่อว่าทีมสร้างก็น่าจะหามุขคืนชีพซาบริน่ากลับมาในอนาคตได้อีก น่าเสียดายที่เรื่องมันจบไปแค่นี้ และเลือกจบในแบบกึ่งดาร์กๆ ซึ่งเป็นการจบที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้จะจบแบบไหน เรื่องราวทั้งหมดของตัวละครก็เหมือนกับในตอนจักรวาลคู่ขนาน ที่ทุกคนคือนักแสดงของเรื่องราว แล้วแต่ว่าบทจะส่งมาให้เป็นแบบไหน

 

ในภาพรวมแล้ว ถือว่านี่เป็นหนึ่งในซีรีส์วัยรุ่นแนวดาร์กแฟนตาซีอันดับต้นๆของ Netflix และเป็นผลงานที่ทำให้ Kiernan Shipka สร้างภาพจำของตัวละคร ซาบริน่า ไปอีกนานหลายสิบปี แนะนำให้ดูเลยครับ ถึงแม้ว่าบทสรุปจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของทั้งซีซันเสียหายเลย ซึ่งในอนาคตหวังว่าทีมสร้างจะได้กลับมาสานต่ออีกสักหนึ่งซีซัน ให้เป็นฉากจบที่ดีกว่านี้ได้

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt7569592/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!