playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

เปิดตัว Von Braun โรงแรมหรูห้าดาวในอวกาศ แห่งแรกของมนุษย์ชาติ!

The Gateway Foundation คือ โครงการออกแบบแผนที่จะเปิดตัวโรงแรมหรูในอวกาศ มีชื่อว่า สถานีอวกาศ Von Braun เพื่อเป็นเกียรติแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้แรกที่จินตนาการถึงแนวคิดในการสร้างจรวดในยุค 50 เป็นวิศวกรและสถาปนิกอวกาศชาวเยอรมัน เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนาเทคโนโลยีจรวดในเยอรมนี และได้รับการยกย่องเป็น “บิดาแห่งจรวดและวิทยาศาสตร์อวกาศ” ในสหรัฐอเมริกา วัตถุประสงค์ของโครงการ The Gateway Foundation นี้คือ เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวเหมือนการล่องเรือหรือไปเที่ยว Disney World ในสถานีอวกาศนี้จะมีแรงโน้มถ่วงเทียม ทำให้ครัวทำงานได้เต็มรูปแบบ รวมทั้งบาร์และของตกแต่งภายในต่างๆ Von Braun จะเปิดภายในปี 2568 โดยมีนักท่องเที่ยว 100 คนเดินทางมาเยี่ยมชมสถานีต่อสัปดาห์

แวร์นแฮร์ ฟ็อน เบราน์ เกิดในเมืองชนบทที่ชื่อว่าเวียร์ซิทซ์ในมณฑลโพเซินของจักรวรรดิเยอรมัน (ปัจจุบันอยู่ในประเทศโปแลนด์) เป็นบุตรคนที่สองในสามคนของครอบครัวขุนนางเยอรมัน เขามีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่แรกเกิดเป็น ไฟร์แฮร์ (Freiherr) ซึ่งเทียบเท่าบารอน แม้ว่าระบบขุนนางตลอดจนอภิสิทธิ์ต่าง ๆ จะถูกล้มเลิกไปใน ค.ศ. 1919 แต่ทางการก็ยังอนุญาตให้นำยศเดิมมาเป็นส่วนหนึ่งของนามสกุล

บิดาของเขาคือมักนุส ไฟร์แฮร์ ฟ็อน เบราน์ (Magnus Freiherr von Braun) ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการและเป็นรัฐมนตรีเกษตราธิการของเยอรมนีในช่วงสาธารณรัฐไวมาร์ ส่วนมารดาของเขา เอ็มมึ ฟ็อน ควิสทอร์พ (Emmy von Quistorp) ก็มาจากตระกูลเก่าแก่ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าฟีลิปที่ 3 แห่งฝรั่งเศส, พระเจ้าวัลเดอมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก, พระเจ้ารอเบิร์ตที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ

เบราน์เริ่มมีความสนใจด้านดาราศาสตร์ ตั้งแต่ที่เขาได้รับกล้องดูดาวเป็นของขวัญจากมารดาในวัยเด็ก เขามีผลการเรียนเป็นเลิศในวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เขาเริ่มสนใจเรื่องจรวดและต้องการเป็นวิศวกรจรวด ส่วนหนึ่งเนื่องจากสนธิสัญญาแวร์ซายใน ค.ศ. 1919 ที่ทำขึ้นหลังเยอรมนีพ่ายสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไม่ได้ถือว่าจรวดเป็นหนึ่งในอาวุธที่ห้ามครอบครองในเยอรมนี

เบราน์เข้าร่วมกับพรรคนาซีใน ค.ศ. 1937 และทำงานในโครงการจรวดของเยอรมนีที่เมืองเพเนอมึนเดอ (Peenemünde) ติดกับทะเลบอลติก เขาช่วยออกแบบและสร้างจรวด V-2 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เข้าสังกัดหน่วยเอ็สเอ็สในปีค.ศ. 1940 และได้รับยศอุนเทอร์ชตวร์มฟือเรอร์ (เทียบเท่าร้อยตรี) ในหน่วยอัลเกอไมเนอ เอ็สเอ็ส เขาให้การกับทางการสหรัฐภายหลังสงครามว่า ที่เขามียศในเอ็สเอ็สก็เพราะเป็นคำสั่งของฮิมเลอร์ ตัวเขานั้นวุ่นวายกับการออกแบบจรวดเกินกว่าจะไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองใด ๆ เขาอธิบายว่าการที่ยศเอ็สเอ็สเขาสูงขึ้นนั้นเพราะเป็นการเลื่อนขั้นตามระเบียบปกติ

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เขาและนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเยอรมันราว 1,600 คนถูกพาตัวไปยังสหรัฐอย่างลับ ๆ ซึ่งเรียกแผนการนี้ว่าปฏิบัติการคลิปหนีบกระดาษ เขาทำงานในโครงการพัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางให้กับกองทัพบกสหรัฐ และยังช่วยพัฒนาจรวดเพื่อใช้ส่งดาวเทียมเอกซ์พลอเรอร์ 1 ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงแรกของสหรัฐ กลุ่มของเขาถูกโอนย้ายไปทำงานให้กับองค์การนาซา เขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของศูนย์การบินอวกาศมาร์แชลซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ และยังเป็นสถาปนิกใหญ่ของจรวดแซเทิร์นที่ห้า (Saturn V) ซึ่งนำส่งยานอะพอลโลไปยังดวงจันทร์

ใน ค.ศ. 1975 เบราน์เหรียญแห่งชาติสาขาวิทยาศาสตร์ เขายังเป็นผู้ให้การสนับสนุนภารกิจทางอวกาศสู่ดวงจันทร์


The Gateway Foundation
โรงแรมในสถานีอวกาศแห่งนี้จะเป็นลักษณะล้อหมุนยักษ์

วีดีโอ Gateway คืออะไร

The Gateway Foundation สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ในสถานีอวกาศนานาชาติในปัจจุบัน (ISS) แนวคิดออกแบบพัฒนามาจากยุค 1950 โดย Wernher von Braun สถานีอวกาศ นี้ประกอบด้วยล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 190 เมตร ซึ่งจะหมุนเพื่อสร้างแรงดึงดูดที่คล้ายกับดวงจันทร์ รอบวงล้อจะมี 24 โมดูลแยกออกมาพร้อมที่พักนอนและฟังก์ชั่นการสนับสนุนอื่น นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร บาร์ คอนเสิร์ตดนตรี ฉายภาพยนตร์ และสัมมนาด้านการศึกษาต่างๆอีกด้วย โมดูลบางส่วน นอกจากจะเป็นที่พักอาศัยแล้วจะถูกนำไปให้เช่ากับรัฐบาลเพื่อจุดประสงค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คาดว่าประชากรในนี้จะอยู่ที่ประมาณ 400 คน ผู้เข้าชมสามารถเข้าห้องน้ำได้ตามปกติ ใช้ฝักบัวอาบน้ำ ส่วนอาหารจะเสิร์ฟในร้านอาหาร เขากำลังวางแผนเกี่ยวกับห้องครัวบริการเต็มรูปแบบด้วยอาหารทุกอย่างที่เราคาดหวังว่าจะมีบน สถานี แห่งนี้

เนื้อหาเพิ่มเติมของ สถานีอวกาศ นานาชาติ

เป็นห้องทดลองและสถานอำนวยความสะดวกสำหรับงานค้นคว้าวิจัยในระดับนานาชาติซึ่งถูกประกอบขึ้นในวงโคจรต่ำของโลก การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 และมีแผนดำเนินการเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 2012 ขณะที่การปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี ค.ศ. 2020 หรืออาจเป็นไปได้ถึงปี ค.ศ. 2028 เราสามารถมองเห็นสถานีอวกาศนานาชาติได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลก เนื่องจาก สถานีอวกาศ แห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ในระดับวงโคจรของโลก โดยมีมวลมากกว่า สถานีอวกาศ ใดๆที่มนุษย์เคยสร้างมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด สถานีอวกาศนานาชาติทำหน้าที่เป็นห้องทดลองวิจัยอย่างถาวรในอวกาศ ทำการทดลองด้านต่าง ๆ ได้แก่ ชีววิทยา ชีววิทยามนุษย์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และ อุตุนิยมวิทยา ซึ่งต้องอาศัยการทดลองในสภาวะที่มีแรงโน้มถ่วงน้อยมากๆ สถานีอวกาศแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานที่ทดสอบสำหรับระบบกระสวยอวกาศที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับปฏิบัติการระยะยาวเพื่อการไปสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร การทดลองและการบริหารสถานีอวกาศนานาชาติดำเนินการโดยคณะนักบินอวกาศซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในระยะยาว สถานีเริ่มปฏิบัติการนับแต่ลูกเรือถาวรคณะแรก คือ เอ็กซ์เพดิชั่น 1 ที่ไปถึงสถานีอวกาศตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011 คณะลูกเรือชุด เอ็กซ์เพดิชั่น 28 อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่นับรวมแล้วปฏิบัติการนี้ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และถือเป็นสถิติการอยู่อาศัยของมนุษย์ในอวกาศโดยไม่ขาดความต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดอีกด้วย

วีดีโอ สถานีอวกาศ Von Braun นี้ออกแบบยังไง

การตกแต่งภายในห้องจะใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อให้ผู้เข้าชมโรงแรมในพื้นที่ได้รับความสะดวกสบายในการพักผ่อน การใช้ผ้า แสง สี และวัสดุต่างๆ ทั้งหมดช่วยให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเพราะ สถานีอวกาศ นี้จะมีแรงโน้มถ่วง มีทิศทางที่ไม่เหมือนกับสถานีอวกาศนานาชาติ

สถานีอวกาศ

สถานีอวกาศ

สำหรับเว็บไซต์ของ The Gateway Foundation สามารถดูได้ที่นี้

อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียนได้ที่นี้

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!