ในปี 1998 เจ้าหน้าที่จาก Sony ได้บอกว่าไม่มีใครสนใจตัวละครใดๆของ Marvel นอกจาก Spider-Man จากการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์หนังจากตัวละครของค่ายคอมมิคที่เพิ่งจะฟื้นตัว
25 ล้านเหรียญสหรัฐกับตัวละครเกือบทั้งหมดของ Marvel
ในขณะที่มาร์เวลเพิ่งจะฟื้นตัวจากการล้มละลาย ด้วยการเข้าซื้อบริษัทโดยบริษัทของเล่นที่ชื่อว่า Toy Biz จึงทำให้ต้องหาทางกลับมาผงาดเหมือนเดิม ในการเจรจากับโซนี่นั้นมาร์เวลก็ได้เสนอสิทธิ์การใช้ตัวละครเกือบทั้งหมดที่เคยตีพิมพ์มาในราคา 25 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทางโซนี่ปฏิเสธไปและขอซื้อเพียงแค่สไปเดอร์แมนและผองเพื่อนในราคา 10 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ในราคาอีก 15 ล้านที่เพิ่มไปจะทำให้โซนี่ได้ตัวละคร X-Men,Avengers และอีกมากมายไปใช้แต่พวกเขากลับไม่เพิ่มเงินในดีลนี้ และเหตุผลที่พนักงานโซนี่บอกก็คือ “ไม่มีใครสนห่าเหวอะไรกับตัวละครอื่นของมาร์เวลหรอก”
ซึ่งในเวลานั้น Sony ก็ไม่ได้ผิดอะไรเพราะส่วนแบ่งในตลาดหนังสือ Comic ของ Marvel นั้นต่ำที่สุดในช่วง 10 ปีหลังจากพีคขั้นสูงสุดมาในยุค 80 ในช่วงปี 97-98 นั้น DC กำลังทะยานขึ้นมาอย่างเต็มที่
ซึ่งทั้งหมดนี้ถ้าดูจากเวลาแล้วก็ก่อนหน้าที่จะเกิด Marvel Cinematic Universe อยู่ถึง 10 ปี และในระหว่างทางนั้นส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มมาก็ไม่ได้มาจาก MCU เลย ซึ่งอาจจะคาดการณ์ได้ว่า ส่วนแบ่งที่เพิ่มมานั้น มาจากกระแสซุเปอร์ฮีโรยุค 2000 อย่าง Spider-Man และ Fantastic Four ที่นำชื่อเสียงของ Marvel กลับเข้ามาในตลาดก็เป็นได้ นี่ยังไม่รวมถึงความน่าสนใจของตัวหนังสือ Comic Marvel ในยุคนี้ด้วย
MCU in Sony-verse
ถ้า Sony เกิดซื้อไปทั้งจักรวาลเราอาจจะเห็นอะไรที่ต่างออกไปจากนี้ก็เป็นได้ แต่ยังไงก็ตาม Kevin Feige นั้นอยู่กับทั้ง Marvel และ Sony มาตั้งแต่ Spider-Man ภาคแรกในฐานะ Executive Producer และผู้ช่วยของ Avi Arad เจ้าของ Toy Biz ผู้เข้าซื้อ Marvel Comics และ Executive Producer ผู้ที่นั่งคุมตั้งแต่การ์ตูนยาวมาจนถึง Morbius ผลงานสปิน-ออฟจากจักรวาลแมงมุม ที่ได้ Jared Leto มาแสดงนำ น่าคิดและจินตนาการไปว่า ถ้า MCU ตั้งอยู่ใน Sony ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
