playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Invincible SS1 (Amazon Prime) ยอดมนุษย์คงกระพัน แอนิเมชั่นฮีโร่ที่ทวีความโหดเพิ่มขึ้นทุกตอน

สรุป

เป็นซีรีส์ฮีโร่ที่ขายความเป็น Coming of age ของเหล่ายอดมนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม และความดิบโหดทั้งเนื้อหาและฉากต่อสู้ที่ทำออกมากระชากใจผู้ชมอย่างมาก ถ้าคุณใฝ่หาซีรีส์ที่มีเนื้อหาเข้มข้น เรื่องนี้จึงเป็นคำตอบที่ดีมาก

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
4 (1 vote)

Pros

  • เนื้อหาเข้มข้นตลอดทั้งซีซั่น
  • ฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้ดีเกินผิดคาด
  • ตัวละครที่ออกแบบมามีความเฉพาะตัว และภูมิหลังที่ดี
  • ทำฉากดราม่าระหว่างพ่อลูกออกมาดีมาก
  • ซาวด์แทร็คเข้ากับจังหวะในเรื่องมาก

Cons

  • แอนิเมชั่นบางช่วงอาจจะแย่ไปบ้าง
  • บางฉากที่สำคัญมีการตัดฉากออกไปเลย
  • ตัวร้ายบางคนยังไม่ค่อยมีบทมากเท่าที่ควร

Invincible ยอดมนุษย์อินวินซิเบิล เป็นแอนิเมชั่นซีรีส์ของ Amazon original ที่ขึ้นชื่อว่ามีแนวซีรีส์ดิบเถื่อนเยอะมาก ถ้าใครเคยดู The Boys ที่ว่าโหดแล้ว เรื่องนี้ทำฉากออกมาโหดกว่าเรื่อง เดอะ บอยส์ อย่างแน่นอน ถ้าใครยังไม่อยากพลาดซีรีส์ฮีโร่ดี ๆ ไปอีกเรื่อง ขอแนะนำให้ดูเรื่องนี้เลย โดยสมาชิกใหม่สามารถสมัคร Amazon Prime ได้ฟรี 7 วันแรกได้เลย

 Invincible (2021) on IMDb

รับชมตัวอย่าง Invincible ยอดมนุษย์อินวินซิเบิล

เรื่องราวเกี่ยวกับ มาร์ค เกรย์สัน ได้รับพลังพิเศษเมื่ออายุครบ 17 ปี จึงทำให้เขาได้กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกับพ่อของเขา ออมนิแมน แต่ชีวิตเขาของกลับตาลปัตรเมื่องานซุปเปอร์ฮีโร่ทำให้ชีวิตส่วนตัวเขามีปัญหามากขึ้น และในขณะเดียวกันพ่อของเขา ออมนิแมน ก็ทรยศต่อ กลุ่มฮีโร่ผู้พิทักษ์โลก ฆ่าสมาชิกทั้งหมดจนทำให้กลุ่มฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกพังทลายลง เขาต้องอำพรางคดีที่เขาก่อไว้ไม่ให้ครอบครัวและคนอื่นรู้ได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามต่อภายในเรื่องได้เลย

 

กลุ่มฮีโร่หลักภายในเรื่อง

ในโลกนี้มีฮีโร่ภายในเรื่องนี้มีมากมายหลายกลุ่มกระจายอยู่ทั่วโลก แต่กลุ่มที่แข็งแกร่งมากที่สุดคือ ผู้พิทักษ์โลก (Guardian Of The Globe) ซึ่งภายในกลุ่มจะมี เร้ดรัช (แฟลช), วอร์วูเมน (วันเดอร์วูเมน), ดาร์กวิง (แบทแมน), มาร์เชี่ยนแมน (มาร์เชี่ยน), ดิ อิมมอร์ทัล, อควอรัส (อควาแมน) และ ออมนิแมน (ซุปเปอร์แมน) ซึ่งถ้าใครเคยดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่จากฝั่ง DC จะรู้ได้ทันทีเลยว่าเรี่องนี้ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก DC ชัดๆ เลย

กลุ่ม Guardian of the globe

และยังมีอีกกลุ่มที่มีชื่อว่า ทีนทีม (Teen Team) ที่สมาชิกทั้งหมดเป็นวัยรุ่นไฟแรง โดยที่มีหัวหน้ากลุ่มเป็นโรบอต หุ่นยนต์ผู้มีความนึกคิดเป็นของตนเอง, เร็กซ์ เจ้าหนุ่มระเบิด, เรพพลิเคท ที่สามารถจำลองร่างกายตัวเองได้เรื่อยๆ, อะตอมอีฟ สามารถปรับเปลี่ยนขนาดโมเลกุลของสิ่งของได้ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในผู้พิทักษ์โลกรุ่นใหม่ในอนาคตอีกด้วย ภายใต้การดูแลของซีซีล ส่วนตัวเอกจะไม่มีสังกัดให้อยู่ ทำงานเพียงแค่คนเดียว

กลุ่ม Teen Team
กลุ่ม Teen Team

ออมนิแมน หรือ โนแลน เกรย์สัน ชายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เขามาจากกาแล๊กซี่อันห่างไกล จากดวงดาวที่มีชื่อว่าวิลโทรไมท์ เขาได้กล่าวไว้ว่า เผ่าพันธุ์ของพวกเขาเป็นเผ่าพันธ์ุที่รักความสงบ และเลือกที่จะเดินทางไปดาวต่างๆ อยู่เพื่อปกป้องดาวดวงนั้นไว้ และเขาเองก็เป็นหนึ่งในนักเดินทางเหล่านั้น จึงทำให้มาพบรัก เดบบี้ หญิงสาวชาวมนุษย์และแต่งงานมีลูกด้วยกันชื่อ มาร์ก ในชีวิตปกติของเขา เขาทำงานเป็นนักเขียนท่องเที่ยวชื่อดังมาก แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาทำงานเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ทำงานช่วยเหลือผู้อื่น

ออมนิแมน และ อินวินซีเบิ้ล

ฉากแอ็กชั่นที่สุดมันส์ที่มีให้เห็นเกือบทุกตอน

อินวินซิเบิ้ล มีความโดดเด่นในฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้มันส์ และมีความดิบเถื่อนมาก ในบางฉากการต่อสู้กันระหว่างฮีโร่และวายร้าย มีต่อยกันถึงควักไส้พุงออกมาทีเดียว ความโหดของตัวละครออมนิแมนเป็นที่หนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้ ในทุกฉากที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องก็จะมีออมนิแมนนี้แหละที่เป็นตัวหลักในไฮไลท์ และบางครั้งฉากก็พยายามสโลว์ แสดงให้เห็นอารมณ์ของตัวละครที่โดนกำลังจะสิ้นใจ ว่าพวกเขามีความสิ้นหวังขนาดไหน ซึ่งเรื่องนี้มีฉากคนทั่วไปทั้งเด็กและคนชราตายให้เห็นบ่อยภายในเรื่อง ฆ่าคนเป็นผักปลาเลยสำหรับเรื่องนี้ ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้อาจจะต้องผ่านไป

เทียบความโหดระหว่าง The Boys กับ Invincible

ถ้าเทียบกันแล้ว Invincible กับ The Boys ความโหดจะไปทางเดียวกันคือ โหดทำให้เนื้อเรื่องไปต่อ และบางฉากทำกระชากอารมณ์คนดู แต่ถ้าเรื่องไหนความโหดเหนือกว่า ก็คงบอกว่า Invincible เพราะว่าฉากโหดตอนร้ายเรื่องสามารถกระชากอารมณ์คนดูได้อย่างมาก มันทั้งโหดและมีฉากดราม่ามาปนด้วย ยิ่งดูแล้วยิ่งทำให้รู้สึกสงสารตัวเอกที่ต้องมาเผชิญอะไรที่มันเกินกำลังตัวเองไปมาก ทั้งที่เขาพึ่งจะเป็นฮีโร่ได้ไม่กี่เดือน ในขณะที่ เดอะ บอย ถึงแม้จะมีความโหดแต่บางครั้งเราก็ไม่ได้เห็นแบบตรง ๆ แต่มีการเล่าเป็นนัยแทน นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอินวินซิเบิ้ลโหดกว่า เดอะ บอย

สามารถดูคลิปความโหดของออมนิแมนได้ *สปอยล์บางส่วน*

 

หนึ่งในความใส่ใจของผู้สร้างคือ ฉากอินโทรทุกตอนของ Invincible จะมีเลือดสาดใส่ฉากเพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง นั้นหมายความว่าความโหดและดิบเถื่อนของเรื่องนี้จะค่อยเพิ่มๆ ตามไปด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าช่วงหลังๆ ถึงได้จัดเต็มฉากต่อสู้ขนาดนี้

ปัญหาชีวิตของวัยรุ่นทั่วไปที่อยู่ดีๆ กลายเป็นฮีโร่

ประเด็นหลักที่เรื่องนี้นำเสนอ ส่วนใหญ่จะอยู่ในสถาบันครอบครัว และการใช้ชีวิตในวัยรุ่นซึ่งตัวเอกเราพึ่งจะได้รับพลังมา จึงทำให้ในบางครั้งมันกลายเป็นปัญหาชีวิตของเขา เรื่องนี้จะนำเสนอปัญหาคล้ายสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่น ทอม ฮอลแลนด์ เลยก็ว่าได้ ที่ต้องเสียสละเวลาวัยรุ่นเพื่อกอบกู้โลก ซึ่งจุดนี้เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก มันไม่ใช่ปัญหาทางเวลาอย่างเดียว แต่มันยังเป็นปัญหาทางสังคมที่จะต้องเสียไปด้วย

และถ้าดูจนจบซีรีส์เรื่องนี้จะพบว่าตัวละครไม่ว่าฝั่งดีหรือฝั่งร้ายต่างก็มีอุดมการณ์เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นออมนิแมนที่เป็นตัวร้ายหลักในซีซั่นนี้ หรือมนุษย์หินที่มีความต้องการบางอย่าง ทุกคนล้วนแล้วใช้ประโยชน์คนอื่นซึ่งกันและกัน แต่ถ้าให้เทียบกับ The boys ที่นำเสนอบทเทา ๆ เหมือนกัน เดอะบอย เล่าประเด็นของฮีโร่แต่ละตัวได้อย่างมีชั้นเชิงมากกว่า เรื่องนี้จึงสู้เดอะบอยไม่ได้เลยในส่วนนี้

จุดแตกต่างจากคอมิค

เรื่องราวซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างแตกต่างจากคอมิคพอสมควรเลยทีเดียว ซีรีส์ได้รับการดัดแปลงเนื้อหาในบางฉากให้ดูน่าสนใจมากขึ้น และยังมีการเพิ่มและเปลี่ยนตัวละครให้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้นอย่างแฟนของมาร์ก ที่จากคนผิวขาวกลายเป็นผิวสี แต่คนเขียนบทหลักยังคงเป็น Cory Walker คนเดิมที่เป็นผู้แต่งเรื่องทั้งคอมิคและซีรีส์

ข้อเสียเล็กๆ น้อย

ข้อเสียของเรื่องนี้คือการที่ตัวละครคิดและกระทำทันทีเลย ตัวละครไม่มีการเล่นตัวหรือใช้เวลาคิดซักเล็กน้อยกับการตัดสินใจของตัวเองเลย จึงทำให้บางฉากบิ้วอารมณ์ให้อินไปกับเรื่องไม่ได้ และอีกเรื่องคือตัวร้ายบางตัวภายในเรื่องเป็นตัวประกอบมาก ๆ บางตัวอ่อนมาก บางตัวก็เก่งเกิน ซึ่งส่วนใหญ่โผล่มาไม่ถึงหนึ่งตอนก็หายไปกันหมด เหมือนปูบทไว้เผื่อในซีซั่นต่อไป จึงทำให้ตัวร้ายหลักมีแค่ออมนิแมนเพียงคนเดียวเท่านั้น

เกี่ยวกับนักพากย์

ในซีรีส์เรื่องนี้เขาเลือกที่จะไม่เอานักพากย์มาให้เสียงเรื่องนี้ แต่เลือกนักแสดงหนังมาพากย์ส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละคนถ้าดูประวัติมาดีๆ แล้ว จะพบว่าไม่ใช่นักแสดงธรรมดาเลย เช่น Steven Yuen พากย์เป็นตัวเอก (เคยแสดงเป็น เกร็น จาก The Walking Dead) และ J.K. Simmons พากย์เป็นออมนิแมน (ผู้ประกาศข่าว Jameson จาก Spider-man) และ Zazie Beetz พากย์เป็นแฟนตัวเอก (เคยแสดงเป็น Domino ใน Deadpool) นี้จึงเป็นซีรีส์ที่ทุ่มทุนหานักแสดงดี ๆ มารับบทเป็นอย่างมาก จึงรับประกันได้ว่างานดีอย่างแน่นอน

สรุป

ถึงแม้เป็นซีรีส์ฮีโร่ที่ไม่ได้สดใหม่ แต่การนำเสนอและการวางบทตัวละครที่ทำออกมาได้ดี มีความกระชับ เล่าตรงประเด็น และฉากต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม มีความดิบเถื่อนและเท่ในขณะเดียวกัน เมื่อนำองค์ประกอบเหล่านี้มารวมกันจึงทำให้ผลงานเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ และสามารถทำให้ซีรีส์นี้ได้ไปต่อ

การปูบทไปยังซีซั่นถัดไป (สปอยล์)

หลังจากที่ออมนิแมนออกไปจากโลก ทิ้งตัวเอกให้อยู่ในสภาพปางตาย ซีซีลก็ได้ช่วยตัวเอกให้รอดพ้นจากสภาพวิกฤติได้สำเร็จ แต่เขาไม่สามารถที่จะล้มชาววิลทรัมได้ตัวคนเดียว เขาจึงต้องเลือกที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อรอวันที่พอเขากลับมาในฐานะศัตรู ซึ่งผู้สร้างแอนิเมชั่นได้เตรียมเปิดเรื่องราวต่อในซีซั่น 2 ในปี 2022 และจะสร้างยาวจนไปถึงซีซั่น 3 เลยทีเดียว ทำให้แฟนๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าเรื่องนี้จะไม่มีภาคต่อ

 

มีมที่เป็นกระแสทั่วโซเชี่ยล *สปอยล์จุดสำคัญ*

คิดสิๆ มาร์ก ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มันอ่อนแอ แกจะได้เห็นโลกใบนี้ และทุกๆคนตายต่อหน้าแก!!

หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าทำไมถึงมีมีมนี้เกิดขึ้น จุดเริ่มต้นของมีมนี้มันน่าเศร้ามากๆ เมื่อตัวเอกที่พึ่งได้รับรู้ความจริงว่าพ่อของตนเป็นฆาตรกรฆ่าเหล่าฮีโร่ผู้พิทักษ์ทั้งหมด และโดนพ่อของตนพาไปฆ่าคนที่ไร้ทางสู้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะให้ตัวเอกยอมรับว่ามนุษย์อ่อนแอเพียงใด ซึ่งมันเป็นฉากที่หดหู่ที่สุด เมื่อพ่อไม่ได้อยากทำร้ายลูก และแสดงให้เห็นว่าโลกใบนี้มันก็แค่เป็นเศษเสี้ยวของชีวิตเขา แต่ตัวเอกเขาก็ยังศรัทธาในความดีที่หลงเหลืออยู่ในพ่อของเขา

 

ซีซั่นทั้งหมด: 1 ซีซั่น (ซีซั่น 2 มาปี 2022)

จำนวนตอนทั้งหมด : 8 ตอน

ตอนละประมาณ : 50 นาที

เสียงพากย์: อังกฤษ

บรรยาย: ไทย

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!