playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว American Murder: The Family Next Door คนหายสะเทือนขวัญ ฉาบหน้าครอบครัวอเมริกันสวยงาม

American Murder: The Family Next Door

สรุป

นี่เป็นสารคดีที่นอกจากจะเจาะลึกเรื่องราวคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ยังเป็นสารคดีที่นำเสนอเรื่องราวอีกด้านของชีวิตคู่ที่ดูภายนอกดีหมดทุกอย่าง แต่เบื้องหลังกลับตรงข้าม ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเรื่องราวส่วนตัวที่ผู้คนเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย อะไรที่เห็นในเฟซบุ๊กถูกเปิดเผยแค่ด้านที่สวยงาม และซ่อนความจริงไว้จนกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญอเมริกาไปได้อย่างน่าตกใจมาก

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
4.4 (5 votes)

Pros

  • ลำดับการเล่าเรื่องเหมือนภาพยนตร์ดีๆ เรื่องหนึ่งเลย
  • ใช้ฟุตเทจจากของจริงทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม ไม่มีการสร้างจำลองเหตุการณ์
  • ความโหดร้ายของคดีที่เกินจินตนาการมากในตอนท้าย
  • มุมลับจากการสืบสวนของจริงที่น่าทึ่ง

 

Cons

  • ตัวเรื่องใช้ฟุตเทจจริงทั้งหมด ก็เลยขาดการจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ให้ผู้ชมเห็นภาพชัดเจน
  • ช่วงการสู้คดีในศาลสั้นและขาดช่วงไปเยอะ ค่อนข้างรวบรัดจบง่ายๆ ทั้งๆ ที่มีประเด็นใหญ่ค้างอยู่

American Murder: The Family Next Door (ชื่อไทย ครอบครัวข้างบ้าน) หนังสารคดีที่นำคุณไปพบกับคดีสะเทือนขวัญอเมริกาเมื่อปี 2018  เมื่อหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องและลูกสาววัยเด็กสองคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากบ้าน และสามีของเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ท่ามกลางการปิดบังอำพรางคดีที่น่าขนลุกทั้งก่อนและหลังการเปิดเผยความจริงทั้งหมด

 American Murder: The Family Next Door (2020) on IMDb

ตัวอย่าง American Murder: The Family Next Door

สารคดีที่จั่วหัวสปอยล์ไว้ตั้งแต่ชื่อเรื่องเลยนี่คือเรื่องราวของคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ คดีของแชนแนน คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ที่ผ่านชีวิตการแต่งงานมา 8 ปี และกำลังอุ้มท้องเด็กอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดหายตัวไปจากเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในอเมริกา ซึ่งคดีของแชนแนนถือเป็นคดีใหญ่ระดับประเทศอเมริกา ทั้งในแง่ของการติดตามจากคนทั้งประเทศ และจากตัวคดีเองที่เมื่อคลี่คลายแล้วพบว่ามีความหนักหน่วงมาก ถึงขั้นที่ผู้พิพากษาอวุโสในคดีนี้ยังเอ่ยว่าโหดร้ายรุนแรงที่สุดตั้งแต่เขาทำงานมา ซึ่งจุดนี้แหละคือความน่าติดตามของหนังสารคดีเรื่องนี้ที่เจาะลึกถึงเรื่องราวต่างๆ แบบลำดับเรื่องตามเวลาที่เกิดด้วยภาพกับเสียงของจริงต่อกันทั้งหมดได้อย่างน่าติดตาม

ฟุตเทจส่วนใหญ่จะเป็นกล้องติดตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องนี้ ทั้งภายนอกไปจนถึงห้องสอบสวนเลย

โดยปกติเนื้อหาของสารคดีมักจะต้องมีฟุตเทจจำลอง หรือการนำเสนอแบบแทนเหตุการณ์จริงในหลายช่วง เพราะไม่มีการบันทึกภาพ เสียง ย้อนหลังไปในช่วงเวลานั้น แต่หนังสารคดีเรื่องนี้ทุกอย่างคือภาพ เสียง จากของจริงลำดับตามเวลาการหายตัวไปตั้งแต่ต้น โดยมาจากกล้องติดตัวของตำรวจที่เป็นคนแรกที่ได้รับแจ้ง รวมถึงคนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนนี้ ได้บันทึกผ่านกล้องที่ติดตามตัว หรือผ่านกล้องวงจรปิดในห้องสืบสวน ซึ่งทำให้ได้มุมมองที่อาจจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆ นัก อย่างการสืบสวนแบบบันทึกเสียงจี้ไปยังผู้ต้องสงสัย หรือการสืบโดยใช้เครื่องจับเท็จ ที่ผู้ใช้เครื่องมีจิตวิทยาการหลอกล่อผู้เข้ารับการทดสอบตั้งแต่แรก ไม่ใช่เพียงแค่ฝากการพิสูจน์ไว้กับเครื่องเพียงเท่านั้น ซึ่งเราจะได้เห็นขั้นตอนเหล่านี้ที่ดูแล้วน่าทึ่ง ชวนอึ้งมากกับแนวทางการสืบสวนที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น แค่การลดน้ำหนักเพื่อให้หุ่นดีของผู้ต้องสงสัย กลับเป็นจุดจับผิดขยายไปถึงเรื่องราวต่างๆ ในเวลาต่อมาได้อย่างน่าทึ่งมากๆ จนต้องยอมรับเลยว่าตำรวจสืบสวนของอเมริกาใช้ทั้งจิตวิทยา หลักฐาน การคาดคะเน พุ่งเป้าสืบสวนจนไขคดีได้ภายในเวลาอันสั้นมากๆ แค่ 3 วันเท่านั้น แต่เรื่องราวก็ไม่ได้จบแค่ตรงนั้น ยังมีชุดความจริงที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวเหล่านี้ลึกลงไปอีก ซึ่งกว่าจะขุดออกมาได้ก็ต้องผ่านไปอีกระยะเวลาหลายเดือน เรื่องราวถึงกระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในวันนั้น

กราฟเครื่องจับเท็จที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องนี้ เราจะได้เห็นการสืบสวนหลอกล่อที่น่าทึ่งของเจ้าหน้าที่ด้านนี้โดยเฉพาะ

นอกจากฟุตเตจฝั่งตำรวจแล้ว ตัวสารคดียังเล่าเรื่องดราม่าชีวิตครอบครัวแชนแนนด้วยภาพ วิดีโอ เสียง ของจริงที่ได้มาจากเพื่อน ครอบครัว และจากการที่แชนแนนเป็นคนที่ชอบเล่นเฟซบุ๊กมาก เจอกับสามีก็จากเฟซบุ๊กเหมือนกัน (แอดขอเป็นเพื่อนมาจีบ) จึงเผยแพร่ชีวิตด้วยสวยงามของครอบครัวเธออยู่เสมอๆ ด้วยการอัดวิดีโอ หรือ Live สด ให้คนอื่นได้ดู ซึ่งตรงนี้เองเป็นฉาบหน้าที่สวยงามผ่านโซเชียลมีเดีย แต่เบื้องหลังกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง และไม่ใช่แค่ปัญหาครอบครัวที่เธอปิดบังไว้ แต่ยังมีปัญหาถึงครอบครัวฝ่ายสามีที่เหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ยอมรับนับถือลูกสะใภ้เลย จนเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่พาทุกอย่างมาจบลงแบบไม่มีใครคาดคิดว่าจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ ตัวเรื่องของฝั่งนี้จะตัดสลับกับการสืบสวนไปทีละช่วง โดยใช้การนับวันเล่าเรื่องไปข้างหน้าหลังการหายตัวไปทีละวัน ก่อนจะนับวันถอยหลังจากชนวนเหตุต่างๆ ที่เริ่มปรากฎมาให้เห็นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ชมได้เห็นภาพรวมของแรงจูงใจทั้งหมดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่อาจจะไม่สมบูรณ์เต็มร้อยนัก เพราะตัวเรื่องไม่ได้มีเสียงผู้บรรยายอธิบายอะไรเพิ่มเติม มีแค่การเน้นคำสำคัญในแชทที่ถูกแคปและยกขึ้นมาให้ได้อ่านกันครับ

เนื้อหาอีกส่วนคือช่วงคดีความในศาล ที่สั้นมาก สั้นจนรู้สึกว่าเป็นจุดด้อยของเรื่องนี้ เพราะหลายอย่างที่เป็นประเด็นช่วงนั้น อย่างการสู้คดีของฝ่ายสามีที่แม้จะสารภาพ แต่ก็ไม่ได้สารภาพทั้งหมด และเป็นประเด็นใหญ่ลามไปจนถึงโลกโซเชียลมีเดียแบ่งฝ่ายเชื่อกับไม่เชื่อผู้ต้องหา ที่พาให้ครอบครัวผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายต้องเดือดร้อนจากคดีนี้เพิ่มไปอีก ซึ่งพวกนี้ถูกเล่าออกมาสั้นๆ อาจจะเพราะนี่เป็นภาพยนตร์จึงไม่ต้องการเนื้อหาที่ยาวเกินไปนัก (เรื่องนี้ยาว 1 ชั่วโมง 22 นาที)

นี่เป็นสารคดีที่นอกจากจะเจาะลึกเรื่องราวคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ยังเป็นสารคดีที่นำเสนอเรื่องราวอีกด้านของชีวิตคู่ที่ดูภายนอกดีหมดทุกอย่าง แต่เบื้องหลังกลับตรงข้าม ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเรื่องราวส่วนตัวที่ผู้คนเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นเหมือนหน้ากากสร้างภาพปิดบังความจริง ที่เป็นชนวนเหตุไปสู่จุดจบแบบที่เพื่อนในเฟซบุ๊กเหล่านี้ก็ไม่มีทางคิดว่าจะเป็นไปได้

 

ดูจบแล้วถ้าใครชอบแนวนี้แนะนำอีกเรื่องที่ห้ามพลาด Don’t Fuck With Cats นักสืบโซเชียลไล่ล่า ฆาตกรฆ่าแมวต่อเนื่องระดับโลก!

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!