playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Castle Rock SS1-2 แคสเซิลร็อก ซีรีส์ลึกลับชวนขมวดคิ้ว รวมจักรวาลของ Stephen King (ไม่สปอยล์)

  • Castle Rock Season 1 - 8/10
    8/10
  • Castle Rock Season 2 - 8.5/10
    8.5/10

สรุป

ซีซั่นแรกถ่ายทอดเมืองสมมุติในจักรวาลนิยายของสตีเฟนคิงออกมาได้ดี ขยายจักรวาลในเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดูผ่านตา มีอีสเตอร์เอ้กจากเรื่องต่างๆ ทำให้คนดูได้เอะใจตลอด รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญหลายแนวไว้ในเรื่องเดียวกัน แม้ว่าจะไม่เคยติดตามนิยายและหนังของสตีเฟนคิงก็ยังดูสนุกได้ แต่การนำเสนอค่อนข้างฮาร์ดคอร์ เน้นการคิดตาม ตีความมาก ทำให้ดูค่อนข้างยาก เป็นแนวซีรีส์เฉพาะกลุ่มจริงๆ ถ้าชอบก็คือชอบมาก ไม่ชอบก็จะเกลียดไปเลย

 

ซีซั่น 2 แก้ข้อเสียของภาคที่แล้วในเรื่องความซับซ้อน ทำออกมาเข้าใจง่ายสนุกกว่า แต่เสน่ห์ในความซับซ้อนของเนื้อเรื่องแบบภาคแรกหายไป แต่ถูกทดแทนด้วยด้านดราม่าที่ใครเคยดูหนัง หรือเข้าใจเรื่องราวมาก่อนแล้วบ้างจะอินเป็นพิเศษ เนื้อเรื่องของภาคนี้จะเปิดเผยถึงปริศนาและปมสำคัญของตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นคีย์หลักของซีรีส์ และเชื่อมไปยัง SS1 อีกด้วย ถ้าหากว่าใครข้ามมาดูซีซั่นนี้ก่อน ก็ลองกลับไปดู SS1 จะทำให้เข้าใจหลายๆ อย่างมากยิ่งขึ้น

Overall
8.3/10
8.3/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

Season 1

  • ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน น่าติดตาม
  • นำเอาคลังความลึกลับจากนิยายต่างๆ มาไว้รวมในซีรีส์เรื่องนี้ หลากหลายแนวในเรื่องเดียว
  • Easter Egg จากนิยายและหนังเยอะมาก
  • ขยายจักรวาลในหนัง นิยายต่างๆ ของ Stephen King
  • แม้ว่าไม่ได้เป็นแฟนหนัง นิยายของ King ก็ยังดูรู้เรื่อง

Season 2

  • SS2 ดราม่าของคุณป้าจิตหลอนใน Misery ทำออกมาใหม่ได้ดีมาก
  • ฉากฆ่าทำออกมาได้โหดมาก
  • ดูง่ายกว่าภาคก่อน ไม่ปวดหัว
  • ได้เห็นตำนานของเมือง Jerusalem Lot’s และแคสเซิลร็อกเมื่อ 400 ปีก่อน และฉากเชื่อมเนื้อเรื่องกับ SS1 ชวนว้าว

Cons

Season 1

  • Jumpscare แบบเดาทางง่าย (SS1)
  • นำเสนอเรื่องราวแบบชวนให้คิดตาม ดูยากสำหรับบางคน
  • ซีรีส์เฉพาะกลุ่ม ชอบคือชอบมาก

Season 2

  • บางอย่างดูบังเอิญ และลงล็อคจนทำให้เรื่องเดาง่าย (SS2)
  • ดราม่าบางส่วนก็เฉยๆ ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าของแอนนี่
  • บทเดาทางง่ายขึ้นกว่าภาคก่อนมาก จนขาดเสน่ห์ในความซับซ้อนของภาคแรกไป

Castle Rock คือผลงานซีรีส์ที่นำเอาทั้งตัวละครต่างๆ และสถานที่ ที่ปรากฏในหนังสือนิยายและภาพยนต์ที่เขียนโดย Stephen King มารวมไว้ในซีรีส์เรื่องนี้ มีทั้งความลึกลับ ซับซ้อน ฆาตกรรม จิตวิญญาณ ฌานพิเศษ กาลเวลา มิติคู่ขนาน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแฟนหนังสือ หรือดูหนังของสตีเฟนคิงไม่มาก ก็ไม่ต้องกลัวว่าดูจะไม่รู้เรื่อง เพราะมันมีเรื่องราวเป็นของตัวเองที่จะบอกเล่าเรื่องราวของ แคสเซิลร็อก เมืองที่มีแต่หายนะและความแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งในแต่ละซีซั่นจะมีเรื่องราวของตัวเอง จบในซีซั่น และซีซั่นที่ 3 จะมาประมาณปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ตอนนี้ดูได้ผ่าน Netflix คลิกที่นี่

 Castle Rock (2018) on IMDb

Castle Rock Season 1 ตัวอย่าง

 

รีวิว Castle Rock Season 1

Castle Rock Shawshank
คุกเอกชน Shawshank

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เป็น Original ของทาง Netflix แต่ถูกซื้อลิขสิทธิ์มาฉายจากสตรีมมิ่งอีกเจ้าที่ชื่อ Hulu เพราะฉะนั้นมีสิทธิ์ถูกถอดหลุดผังในเน็ทฟลิกซ์ ถ้าจะดูต้องรีบดูก่อนจะเป็นการดี

แคสเซิลร็อก เมืองสมมุติที่ตั้งอยู่ในรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา ปรากฏอยู่ในนิยายและหนังของสตีเฟนคิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Shaw Shank Redemtion, Stand by Me ฯลฯ ซึ่งเราจะได้เห็นตัวละคร กิมมิค สถานที่ต่างๆ จากเรื่องอื่นๆ โผล่มาอยู่ในซีรีส์เรื่องนี้ตลอดเวลา โดยใน Season 1 จะเป็นเรื่องราวของทนายความผิวสี เฮนรี ดีเวอร์ ที่ต้องกลับมายังเมืองที่มีแต่ความหายนะอย่างแคสเซิลร็อก เพราะได้รับโทรศัพท์ปริศนาลึกลับจากเรือนจำเอกชนชอว์แชงค์ ว่ามีนักโทษนิรนามต้องการเป็นลูกความเขาหลังจากหัวหน้าพัศดีเรือนจำตาย เฮนรีจึงต้องกลับมาที่เมืองนี้อีกครั้ง แต่การมาครั้งนี้ จะทำให้เขาได้รู้ความจริงและความลึกลับของเมือง รวมไปถึงเหตุการณ์ประหลาดและการฆาตกรรมพ่อเขาตอนเป็นเด็กที่มันจะยิ่งซับซ้อน ซ่อนเงื่อน หายนะมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยความร่วมมือกันของสองเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการอย่าง Stephen King ร่วมกับ J.J Abrams เพื่อสร้างซีรีส์เรื่องนี้ การันตีได้เลยว่ามันจะพาคุณดำดิ่งไปสู่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย ความลึกลับ ปริศนาชวนขมวดคิ้วตลอดทั้งซีซั่น แถมยังใส่กิมมิคที่คนเคยดูหนังต่างๆ ในจักรวาลสยองขวัญของ King ได้เห็นแล้วฟินแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยดู หรือดูมาแค่นิดหน่อยไม่กี่เรื่อง ถ้าชอบแนวลึกลับก็ยังสามารถดูได้สนุก เพราะสิ่งที่มันใส่ลงมา ไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องโดยตรง แต่จะเป็นบอกกลายๆ อ้อมๆ ว่า นี่เป็นโลกเดียวกันกับในเรื่องอื่นๆ

สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับแนวเรื่องความลึกลับ สั่นประสาทฉบับสตีเฟนคิงก็อาจจะยังไม่เก็ท และไม่เข้าใจและคิดว่า หน้าหนังมันเป็นแนวหลอนๆ สยองๆ แต่เปล่าเลย เพราะมันจะเน้นไปที่ความลึกลับมากกว่า แม้ว่าโลกในซีรีส์นี้จะเป็นโลกเดียวกับหนังเรื่อง ชอว์แชงค์ มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง แต่ซีรีส์มันนำเสนออีกมุมนึงของเมืองนี้ที่ดูบรรยากาศอึมครึม มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ทั่วทั้งเมือง และเราก็จะได้เห็นสภาพความเสื่อมโทรม ความ Bullshit ของคุกในหนังชอว์แชงค์ที่เคยเข้าฉายเมื่อปี 1994 แต่เวลาในซีรีส์คือปี 2018 ก็ยังคงความเหลวแหลกและ Bullshit เหมือนเดิมตามฉบับคุกเอกชนในหนัง

เรื่องหลักๆ จะไม่โฟกัสไปที่คุกชอว์แชงค์ เพราะเรื่องราวในซีซั่นนี้มันคือเมืองทั้งเมือง โดยดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักสองคนนั่นก็คือ เฮนรี ดีเวอร์ ทนายความที่ตอนเป็นเด็กเขาถูกตั้งข้อสงสัยว่าฆ่าพ่อ(เลี้ยง) ของตัวเอง แล้วหายเข้าไปในป่าตอนหน้าหนาวถึง 11 วัน แต่กลับมาอย่างไร้รอยขีดข่วนและเสียความทรงจำบางส่วนไป เนื่องจากพ่อของเฮนรี่เป็นบาทหลวงที่ชาวเมืองชื่นชอบ ทำให้เขาถูกชาวเมืองสาปส่ง ต่อว่า ตั้งแต่ตอนเขายังเป็นเด็ก ส่วนอีกตัวละครหนึ่งก็คือเด็กหนุ่มที่ถูกจับขังไว้ในคุกลับของชอว์แชงค์โดยหัวหน้าพัศดีที่ฆ่าตัวตายไปตั้งแต่ต้นเรื่อง เพราะหัวหน้าพัศดีเชื่อว่าเขาคือตัวหายนะของเมือง เป็นปีศาจ ต้องจับขังไว้ ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา ไม่รู้ว่าเขาถูกจับขังไว้นานเท่าไหร่ และเด็กหนุ่มนี้แสดงโดยผู้รับบทเป็นปีศาจตัวตลก Pennywise ในเรื่อง IT ด้วย ซึ่ง “อาจจะ” มีความเชื่อมโยงกัน ต้องลองไปหาคำตอบในเรื่องเอาเอง

ตัวซีรีส์นั้นถ่ายทอดความลึกลับ ซับซ้อน หลอนเล็กๆ และยังมีฉาก Jumpscare อยู่บ้างซึ่งฉากตุ้งแช่เหล่านี้ตอนผู้เขียนดูเองกลับรู้สึกว่า ไม่ตกใจ และเดาทางได้ง่ายไปหน่อยว่ามันจะโผล่มาแน่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นผ่ามมากกว่าที่จะเป็นหน้าหลอนๆ ลอยมาแปะแบบหนังผี แต่สิ่งที่ดีงามคือการนำเอาความลึกลับจากหลายๆ เรื่องของสตีเฟนคิง มารวมกันไม่ว่าจะเป็น ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา ความเชื่อ ช่องว่างและกาลเวลา ต่างมิติ มิติคู่ขนาน เสียงเพรียกของพระเจ้า พลังจิต “คนที่มี Shine” (พลังแบบเด็กในหนังเรื่อง The Shinning โรงแรมผีนรก) ฯลฯ เราจะได้เห็นเกือบทั้งหมดในซีรีส์เรื่องนี้เลย

ด้วยความที่มันผูกปมหลายๆ อย่างเอาไว้ในซีซั่นแรก และมีแต่ความลึกลับ ปริศนามากมาย ที่ในตอนท้ายของทุกตอนในซีซั่นจะมีการเฉลยและหักมุมแบบทุกตอน แม้ว่าจะเฉลยเรื่อวราวบางอย่าง กลับกลายเป็นว่ายิ่งเพิ่มปริศนาอีกอย่างเข้าไปอีก จนนำไปสู่ตอนจบแบบปลายเปิดให้ถกเถียงและขบคิดต่อ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต้องใช้สมาธิและการโฟกัส ตั้งใจดูอย่างมาก เพราะว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในบทสนทนาของเหล่าตัวละคร ที่ไม่ได้พูดถึงเนื้อเรื่องหลัก แต่พูดถึงเรื่องราวของเมือง ตำนานเมืองต่างๆ กิมมิคพวกนั้นอาจจะโผล่มาตอนไหนก็ได้ ทำให้เราค่อนข้างที่จะ เฮ้ย ตรงนี้ มันเป็นอันนี้ ที่คนนี้พูดถึงในตอนก่อนแน่ๆ หรือตรงนี้มาจากหนังเรื่องนี้ และมีให้คุณได้เอะใจทั้ง 10 ตอนของซีซั่นแรก ทำให้ความสนุกของการดูก็คือการได้คิดตามไปกับเรื่องราวที่ซีรีส์ได้เล่าถึงเมืองๆ นี้ออกมาอย่างไร ซึ่งมันใช้เวลาในการนำเสนอแต่ละตอนค่อนข้างจะเนิบนาบและนานเลยทีเดียว

กลับกัน มันก็ทำให้ตัวซีรีส์ดูยากมาก เพราะต้องขบคิด ตีความและปะติดปะต่อเรื่องราวที่ตัวเรื่องนำเสนอออกมาตลอด ถ้าหลุดโฟกัสการดูเมื่อไหร่จะกลายเป็นงงในงงแน่นอน แม้ว่ามันจะทำให้คนที่ไม่เคยยอ่านหรือดูหนังของสตีเฟนคิงมาดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วรู้เรื่อง แต่การนำเสนอมันฮาร์ดคอร์สำหรับผู้ชมบางกลุ่ม พร้อมจะให้คุณได้งุนและงงไปกับหลายๆ ฉาก สลับทั้งพาร์ทอดีตและปัจุบันกันให้วุ่น ถ้าใครไม่ชอบอะไรที่คิดเยอะคงต้องข้ามซีรีส์เรื่องนี้ไป หรือข้ามไปดูซีซั่นที่ 2 ก็ได้ เพราะเนื้อเรื่องมันจบในซีซั่น (แต่มีจุดเชื่อมกัน)

หมาบ้า Cujo?

สรุปรวมแล้ว ในซีซั่นแรกของแคสเซิลร็อก ได้ถ่ายทอดเมืองสมมุติที่ปรากฏในจักรวาลนิยายของสตีเฟนคิงออกมาได้เป็นอย่างดี ขยายจักรวาลในเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดูผ่านตา และมีการอ้างอิง อีสเตอร์เอ้กจากเรื่องต่างๆ ที่ทำให้คนดูได้เอะใจอยู่ตลอดเวลา รวมเรื่องราวลึกลับสยองขวัญหลากหลายแนวไว้ในเรื่องเดียวกัน แม้ว่าจะไม่เคยติดตามนิยายและหนังของสตีเฟนคิงก็ยังดูได้สนุก แต่การนำเสนอจะค่อนข้างฮาร์ดคอร์และเน้นการคิดตาม ตีความเสียมาก ทำให้มันดูค่อนข้างยาก เป็นแนวซีรีส์เฉพาะกลุ่มจริงๆ ถ้าชอบก็คือชอบมาก ไม่ชอบก็จะเกลียดไปเลย

Castle Rock Season 2 ตัวอย่าง

รีวิว Castle Rock Season 2 

Castle Rock Annie Wilkes

สำหรับซีซั่นที่ 2 ของแคสเซิลร็อก จะดำเนินเหตุการณ์หลังจากภาคแรก 1 ปี ตามเวลาในเรื่องพอดี โดยครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวของ แอนนี่ วิลส์ (คุณป้ามหาภัยในหนังเรื่อง Misery อ่านแล้วคลั่ง) พยาบาลสาวที่พาลูกของเธอ จอย วิลส์ ระเห็ดระเหิน เดินทางไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังหนีอะไรบางอยู่ แต่แล้วเธอก็ดันมาประสบอุบัติเหตุจนได้ย้ายมาเข้าพักบริเวณระหว่างเมืองแคสเซิลร็อก และเมืองเจรูซาเล็ม ล็อต (Jerusalem Lot’s เมืองในหนังเรื่อง Salem Lot ที่ผู้คนในเมืองกลายเป็นแวมไพร์) เจ้าของบ้านพักของแอนนี่ก็คือ เอซ เมอร์ริล (เด็กชายที่บูลลี่แก๊งพระเอกในหนังเรื่อง Stand By Me) แต่แล้วเธอก็ดันไปมีเรื่องกับเจ้าของบ้านพักเข้าจนเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ที่จะทำให้เมืองทั้งเมืองเกิดหายนะอย่างใหญ่หลวง ที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทั้งเมืองก

ปูพื้นฐานนิดหน่อยสำหรับคนที่ไม่รู้จักหนังเรื่อง Misery อ่านแล้วคลั่ง ภาพยนต์เมื่อปี 1990 จะเป็นเรื่องราวของนักเขียนที่มีชื่อเสียง นามว่า พอล เชลดอน เขาเขียนเรื่องการเดินทางของมิสเซอรี่จนดังเป็นพลุแตก แล้วเขากำลังเก็บตัวในโรงแรมบนภูเขาเพื่อเขียนหนังสือเล่มใหม่จนจบ พอเขาเขียนจบแล้วกำลังจะไปส่งต้นฉบับด้วยการขับรถลงจากเขา ก็ได้เกิดพายุหิมะจนเขาประสบอุบัติเหตุจนได้คุณป้าพยาบาล แอนนี่ วิลส์ มาช่วยไว้ แต่ความหายนะที่แท้จริงของชีวิตพอลกำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อแอนนี่เริ่มมีท่าทางแปลกๆ ทำให้พอลต้องหาทางเอาตัวรอดจากคุณป้าสุดโรคจิตผู้ที่เป็นแฟนหนังสือตัวยงของเขาให้ได้ จากตัวร้ายในหนัง สู่ตัวละครหลักในซีรีส์ SS2

จากซีซั่นที่แล้วจะนำเสนอความลึกลับ ซับซ้อน ปริศนาต่างๆ ที่ดูแล้วชวนปวดหัวเสียเหลือเกิน แต่ในภาคนี้เส้นเรื่องจะถูกเล่าให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น และยังคงความที่ว่า “ไม่ต้องดูหนังหรืออ่านนิยายของสตีเฟนคิงมาก่อน ก็ดูได้ข้าใจ” เพราะเราจะได้เห็นเรื่องราวที่เหมือนจะเป็นกึ่งๆ รีบูทของคุณป้ามหาภัย แอนนี่ วิลส์ แต่มาในรูปแบบเวอร์ชั่นที่สาวขึ้น และมีปูมหลังน่าติดตามว่า ทำไมเธอถึงมีลูกสาว? แล้วเธอกำลังหนีจากอะไร บุคลิคต่างๆ ที่มาจากอาการทางจิตของเธอ เราจะได้เห็นในซีซั่นนี้

Castle Rock ครบรอบ 400 ปี Jerusalem Lot

ส่วนอีกพาร์ทนึงของเรื่องที่จะมาบรรจบกับชีวิตของแอนนี่ วิลส์ ก็คือ งานครบรอบ 400 ปี ของ Castle Rock และ Jerusalem Lots ที่มีหายนะบางอย่างกำลังจะตื่นขึ้น ซึ่งส่วนนี้จะเป็นเรื่องราวของครอบครัว ป็อป เมอร์ริล ที่กำลังจัดการปัญหาภายในครอบครัวตัวเองเมื่อหลานชายตัวแสบอย่าง เอซ ไปมีเรื่องกับลูกเลี้ยงชาวโซมาเลียของป็อบ เพราะเขากำลังสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นในเมือง และดึงผู้ค้าไปจากเอซจนหมด แต่หารู้ไม่ว่า ห้างนั้นกำลังสร้างทับที่อะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งแรกๆ เนื้อเรื่องในส่วนนี้จะดูไม่ค่อยน่าติดตามเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อหลายๆ อย่างเริ่มเฉลย เราจะได้เห็นถึงตำนานการก่อตั้งเมือง และหายนะที่จะไปเชื่อมกับตัวละครที่เป็นคีย์หลักของซีรีส์เรื่องนี้

ความดูยากในซีซั่นก่อนถูกทำให้หายไป เนื้อหาย่อยง่ายและเข้าใจง่ายขึ้นมาก แต่กลับกันมันก็จะไม่มีความน่าติดตามในเรื่องบทสนทนา หรือบางฉากที่ใส่กิมมิคของนิยาย และหนังเรื่องอื่นๆ ของสตีเฟนคิง เข้ามาเป็นอัสเตอร์เอ้ก(ยังคงมีอยู่แต่น้อยลง) ซึ่งตรงนี้จะถูกทดแทนด้วยด้านดราม่าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะดราม่าของชีวิต แอนนี่ วิลส์ ว่าทำไมเธอถึงมีอาการทางจิต วัยเด็กของเธอเป็นอย่างไร แล้วลูกสาวของเธอมาได้อย่างไร ซึ่งต้องของบอกเลยว่าจากคุณป้าสุดจิตในหนัง Misery จะกลายเป็นตัวละครที่คุณเชียร์ลุ้นและให้กำลังใจเธอผ่านอุปสรรคต่างๆ ในเรื่องเลยล่ะ ส่วนในด้านดราม่าของฝั่งครอบครัวเมอร์ริลก็ดูธรรมดาๆ เพิ่มเข้ามาเป็นสีสันให้เข้าใจอะไรๆ ง่ายขึ้นมากกว่า ผิดจากของแอนนี่ แต่ด้านดราม่าของตำนานเมือง 400 ปีก่อนก่อตั้งเมืองเป็นอะไรที่ทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้น น่าติดตามและทำให้เราอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

ขอชมในด้านการแสดงของ Lizzy Caplan ที่รับบทเป็นแอนนี่ วิลส์ แสดงได้ดีมาก เธอนำเสนอด้านปกติและด้านจิตๆ ทั้งการพูด การเดิน การแสดงสีหน้าที่สามารถทำให้เรานึกย้อนไปถึงหนังเรื่อง Misery ที่ฉายเมื่อปี 1990 ซึ่งเธอคีปลุคของตัวละครแอนนี่ไว้ได้ดีมาก

เขาได้แก้ข้อเสียของภาคที่แล้วในเรื่องความซับซ้อน แต่มันก็กลายเป็นดาบสองคมเมื่อบางอย่างในเรื่องมันช่างดูบังเอิ๊ญ บังเอิญเกินไปเสียหน่อย บางอย่างมันดูจะลงล็อคเป๊ะๆ บทเดาทางได้ง่ายขึ้นมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนุก แอบเสียดายเล็กน้อยที่เสน่ห์ในความซับซ้อนของเนื้อเรื่องแบบภาคแรกหายไป

ซีซั่นนี้เนื่องจากตัวละครหลักเป็นคนจิตไม่ปกติ และธีมในซีซั่นคือความตายและหายนะ มันเลยมีคนตายและฉากฆ่าหลายฉาก ที่ต้องยกเครดิตให้เลยว่าโหดจริงจนทำคนดูเสียวไส้ตามเลย แถมฉาก Jumpscare ก็อัพเกรดจากซีซั่นที่แล้วโดยจะโผล่มาแบบไม่รู้ตัว ทำให้สะดุ้งตัวโยนในบางฉาก (แต่มีน้อย) และในพาร์ทสุดท้ายของซีซั่นมันจะกลายเป็นซีรีส์ไล่ล่า ทริลเลอร์ และเอาตัวรอดซึ่งทำได้สนุกสุดๆ ฉาก CG จัดเต็ม และเป็นการพลิกหักมุมปูบทไปยังความจิตของแอนนี่ วิลส์ ในพาร์ทสุดท้ายก่อนจบซีซั่น หากใครเป็นแฟนหนังที่ดูมาก่อนคงจะฟินกับกิมมิคพวกนี้ที่เขาใส่มา และเนื้อเรื่องของภาคนี้จะเปิดเผยถึงปริศนาและปมสำคัญของตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นคีย์หลักของซีรีส์ และเชื่อมไปยัง SS1 อีกด้วย ถ้าหากว่าใครข้ามมาดูซีซั่นนี้ก่อน ก็ลองกลับไปดู SS1 จะทำให้เข้าใจหลายๆ อย่างมากยิ่งขึ้น

นี่คือซีรีส์ที่ใครชอบเรื่องราวลึกลับ แปลกประหลาด ที่รวมเอานิยายและหนังของสตีเฟนคิงแล้วเรียงร้อย นำมันมาอยู่ด้วยกันได้สนุกสุดๆ แม้เสน่ห์บางอย่างของซีซั่นแรกจะหายไป แต่ถูกทดแทนด้วยด้านดราม่าที่ใครเคยดูหนัง หรือเข้าใจเรื่องราวมาก่อนแล้วบ้างจะอินเป็นพิเศษ ยังคงความดีที่ไม่ต้องปูพื้นฐานหรือรู้อะไรมาก่อนก็ยังดูสนุกและเข้าใจง่ายมากขึ้น และมันจะเฉลยแก่นหลักบางอย่างที่ทำให้เรารู้ว่ามันเชื่อมจักรวาลสยองขวัญของคิงไว้ได้อย่างไร ใครเป็นแฟนหนัง และนิยายล่ะก็ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

ข่าวของ Castle Rock Season 3 นั้นทางค่ายออริจินัลของซีรีส์เรื่องนี้อย่าง Hulu ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะประมาณปลายปี 2020 ไม่ก็ต้นปี 2021 ถ้าหากว่ามีข่าวอัพเดทเพิ่มเติม ทางเราก็จะแจ้งให้ได้ทราบกันครับ

ดู Castle Rock ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านบทความรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!