playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว HOME TEAM (Netflix) ทีมกากจะคว้าชัย เรื่องจริงอบอุ่นใจแต่ไม่ใหม่ (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ นำเสนอเรื่องจริงแบบธรรมดาไม่ค่อยน่าติดตาม ติดความเนือยและปมตัวละครที่เล่าแบบผ่าน ๆ ดราม่าที่ไม่ขยี้ให้ถึงอารมณ์ แต่ยังดีที่หนังก็มอบการแสดงที่ดี มุกตลกชวนขำ และประเด็นครอบครัวและการสร้างแรงบันดาลใจที่เหมาะกับวัยค้นหาตัวเอง

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
  • เควิน เจมส์ กับนักแสดงเด็ก ๆ เล่นดีมาก เคมีความเป็นทีมฝีมือชวนอบอุ่นหัวใจ
  • ประเด็นสำคัญของความเป็นทีม แรงบันดาลใจ และครอบครัว
  • มุกตลกชวนขำหลายมุก
  • เพลงประกอบที่ดี
  • พากย์ไทยใช้ได้

Cons

  • มุกตลกแอบแหวะ
  • หนังเนือยไป และไม่ค่อยขยี้ดราม่ามากนัก
  • บทของตัวละครหลักบางตัวไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น
  • สร้างจากเรื่องจริง มันเลยเป็นเส้นตรง ธรรมดา

HOME TEAM (โฮมทีม) ภาพยนตร์ตลกกีฬาจากเน็ตฟลิกซ์ แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ ฌอน เพย์ตัน อดีตโค้ชของเนชันแนลฟุตบอลลีกแห่ง นิวออลีนส์ เซนต์ ที่พบเจอกับการพักงานภายหลังเหตุอื้อฉาว และตัดสินใจลุกขึ้นใหม่ด้วยการเป็นโค้ชนำทีมอเมริกันฟุตบอลของลูกชายวัยสิบสองของเขาที่ขึ้นชื่อว่าไม่เอาถ่าน และใช้โอกาสนี้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูกชาย เพื่อค้นหาจุดยืนที่หายไป นำแสดงโดย เควิน เจมส์ นักแสดงตลกคู่บุญ อดัม แซนด์เลอร์จาก GROWN UP ที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างให้หลังผ่านงานกีฬาอเมริกาฟุตบอลมาก่อนแล้วใน The Waterboy และ เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ เจ้าของบทมนุษย์หมาป่าจาก หนังแฟรนไชน์ TWILIGHT พร้อมเสียงพากย์ภาษาไทย

 Home Team (2022) on IMDb

ตัวอย่าง HOME TEAM (โฮมทีม)

รีวิว HOME TEAM (โฮมทีม)

ภาพยนตร์สร้างรอยยิ้มจากเรื่องจริงของ ฌอน เพย์ตัน โค้ชเอ็นเอฟแอลที่ถูกสั่งพักงานจากเหตุอื้อฉาวที่ไม่มีคำอธิบายแน่ชัด ทำให้เขาหวนนึกถึงครอบครัวที่เขาทอดทิ้งไป เขาจึงกลับมาที่บ้านเพื่อสานสัมพันธ์กับลูกชาย คอนเนอร์ จึงอาสาเป็นโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนที่อนาคตไม่รุ่งสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเข้าขั้นฝีมือกาก ด้วยความหวังว่ามันอาจจะทำให้เขาได้กลับไปคุมทีมอเมริกาฟุตบอลอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ง่ายนักเพราะทีมฟุตบอลเหล่านี้ล้วนมีแต่เด็กที่มีความสามารถแต่ใช้ผิดจุด แม้แต่โค้ชคนเก่ารูปหล่ออย่างทรอยเองก็แทบเอาไม่อยู่ แถมท่ามกลางผู้คนที่ยังค้างคาและกังขาในคดีความของเขา ฌอนต้องเรียนรู้จากสิ่งเล็ก ๆ และเข้าใจเด็กแสบที่มีปัญหานานับประการเพื่อนำพาทีมกากไปคว้าชัยและกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองให้จงได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าทีมตัวแสบและลูกชายของเขา

หนังเล่าเรื่องเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวามากนักกับเรื่องราวของตัวเอกที่เจอวิกฤติและต้องแก้ปัญหากับอดีตของตัวเอง แต่ด้วยความที่มันสร้างจากเรื่องจริง มันจึงแอบน่าสนใจว่าจะเล่าออกมายังไง มันเลยมีความตลกจากเหล่าตัวละครสมทบอย่างแก๊งเด็ก ๆ หลากหลายเชื้อชาติ ดราม่าครอบครัวนิด ๆ พร้อมกีฬาที่ดูไม่ค่อยจะเน้นเป็นจริงเป็นจังเท่าไหร่ แต่ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องราวเดินไปข้างหน้า มันเลยกลายเป็นหนังที่ดูได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจ เพราะมันธรรมดามากและยังไม่สามารถขยี้อารมณ์ให้เป็นหนังที่ดีได้อย่างคมกริบ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่หนังที่แย่ แต่แค่ไม่มีอะไรใหม่ ๆ จะนำเสนอ นอกจากการดิ้นรนเพื่อหาจุดยืนของตัวเอง และเป้าหมายที่สำคัญก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนดูคาดคิด เพราะมันเป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง มันเลยไม่ค่อยมีอะไรฉีกสักเท่าไหร่ นอกจากความอบอุ่นหัวใจในความสัมพันธ์ของเรื่องราวที่ทำออกมาได้ดี และมุกตลกที่แอบชวนแหวะไปนิดจนแอบรู้สึกอึดอัดไปบ้าง แม้จะเข้าใจในบริบทของสถานการณ์ในเรื่องก็ตาม

ตัวละครถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ แม้จะไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็น ฌอน เพย์ตัน ตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบในหลาย ๆ สิ่งและมีบางอย่างที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขาเลือกความสำเร็จจนหลงลืมลูกชาย และเหตุการณ์ก็ค่อยทำให้เขาตระหนักถึงความจริงที่ว่าความสุขและความสำเร็จเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เป็นตัวละครที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รักเพราะเขาไม่ได้ทำตัวให้รัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าถ้าเขาพยายาม เขาก็ได้รับสิ่งที่ควรได้รับ แม้หนังอาจจะไม่ได้เฉลยว่าเขาทำเรื่องฉาวจริง ๆ หรือแค่ยอมรับผ่าน ๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พบตัวตนของตัวเอง เป็นคนใหม่ที่ดีกว่า แต่นอกนั้นแล้ว ตัวละครอื่น ๆ เหมือนมาคอยเป็นตัวสมทบชงมุกตลกมากกว่า แม้ว่าบางตัวละครจะมีปมแต่ก็ใช้เป็นมุกตลกมากกว่าจะเล่าเรื่องราว ทำให้จุดเด่นอยู่ที่ตัวฌอน เพย์ตัน และความสัมพันธ์กับคอนเนอร์ที่ห่างเหินเพราะเขาถูกพ่อทอดทิ้งไป ก่อนที่เขาจะได้เปิดใจคุยกับพ่อและเข้าใจความหมายของคำว่าทีมเวิร์ค

ในส่วนของประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น หลายครั้งเราอาจต้องดิ้นรนแทบเป็นแทบตาย แต่สุดท้ายแล้วความพยายามไม่ได้อยู่ที่ตัวของเราอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาด้วย ถ้าพยายามแล้วสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง งั้นก็ต้องรู้จักเตรียมรับมือและเข้าใจความหมายของความพยายามที่ทำมาแล้วเราจะมีความสุข เหมือนกับตัวละครในเรื่องที่บางครั้งการพยายามมากมาย ก็นำมาซึ่งพ่ายแพ้ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องรู้จักปรับตัว เข้าใจสถานการณ์และพลิกผันมันแม้คนจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือมันดูไร้สาระ การตัดสินใจของเราคือตัวตัดสินของผลลัพธ์และเราพอใจกับมันมั้ย แล้วมีใครที่ยินดีในความพยายามของเราด้วยหรือเปล่า บางครั้งการแพ้ก็คือการชนะ เพราะชีวิตมันมีปัญหามากมายให้ต้องแก้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ บางอย่างก็ต้องปล่อยไป เหมือนเกมกีฬา มีแพ้ก็ต้องมีชนะ อย่าได้เสียใจไป เพราะสุดท้ายสิ่งสำคัญคือการที่เรามีชีวิต มีหนทางเริ่มต้นใหม่เสมอ และเราอาจจะได้รับสิ่งที่เราไม่คิดจะได้รับเป็นของตอบแทน เหมือนกับการที่เราเปิดใจให้กับคนอื่น ยอมรับในความผิดพลาด และมองเห็นในข้อดีของเขาและเราก็จะสามารถทำให้ปัญหาที่มีอยู่่เบาบางลงได้เช่นกัน หรือครอบครัวเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ที่จะหวนกลับมาหาคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ด้วยการแก้ไขและปรับปรุงตัว

ในส่วนของมุมกล้องและโปรดักชั่นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาก็เป็นภาพยนตร์ทั่วไป แต่ที่ดีคงเป็นการแสดงของเควิน เจมส์ ที่เล่นดราม่าได้อย่างเป็นธรรมชาติและยังรับมุกส่งตลกได้แพรวพราว ท่ามกลางตัวละครที่เหมือนจะเล่นมุกตลกตลอดเรื่องแต่เขาน่าจะเป็นไม่กี่คนที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง แต่ที่น่าเสียดายคือเทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ที่บทไม่ค่อยเอื้อให้เขาได้โชว์ของมากเท่าไหร่่เลยกลายเป็นตัวละครตลกเล็ก ๆ ธรรมดา เมื่อเทียบกับจุดสนใจไปอยู่ที่เหล่าเด็ก ๆ ที่แสดงออกมาได้อย่างหลากหลาย มีคาร์แร็คเตอร์ที่น่าสนใจและยังเป็นธรรมชาติแทบจะเห็นความใสซื่่อในการเล่นกีฬาและความไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ที่เคมีอบอุ่นกับเควิน เจมส์เหมือนเป็นโค้ชกับเหล่าลูกทีมจริง ๆ บางคนก็ขโมยซีน  แต่ก็ไม่มีใครกลืนหายไปไม่ว่าคนในทีมจะมีมากแค่ไหนก็ตาม ก็สามารถเฉลี่ยความสำคัญได้ดี ตัวละครนอกจากนั้นก็ตามมาตรฐาน ไม่มีอะไรโดดเด่น แม้จะมีบางตัวที่ตลกที่ทำให้ขำได้บ้างก็ตาม เพลงประกอบมีไม่มาก แต่มีฉากนึงที่ใช้ได้ถูกเวลาทั้งน่ารักและอลังการ

สรุป HOME TEAM (โฮมทีม) สนุกและดีไหม?

หนังนั้นมีความตลกอบอุ่นใจแต่ไม่ได้นำเสนออะไรแปลกใหม่ ดูเอาสนุกเพลิน ๆ แต่อย่าหวังอารมณ์เปี่ยมล้นแบบหนังดราม่ากีฬาเรื่องอื่น ๆ มันอยู่ในขั้นพอใช้ เรื่องราวที่ธรรมดาเพราะสร้างจากเรื่องจริงที่ทำให้มันติดกรอบกลายเป็นหนังดูได้เรื่อย ๆ ที่ได้นักแสดงและเคมีความสัมพันธ์ของตัวละครมาโอบอุ้ม พร้อมด้วยมุกตลกที่บางอันก็ดี บางอันก็แหวะ เพลงประกอบที่ใช้ได้ แต่นอกนั้นแล้วก็ค่อนข้างใช้ตัวละครได้ไม่คุ้ม พล็อตไม่ค่อยมีการขยี้ให้ซึ้ง น้ำตาร่วงแบบที่ควรจะเป็น และเนือยไปหน่อยในบางช่วง ปมของตัวละครที่เล่าแบบผ่าน ๆ ถึงกระนั้นแล้วก็คิดว่าถ้าอยากดูหนังตลกแบบง่าย ๆ ไม่ต้องซีเรียสอะไรกับมัน เรื่องนี้ก็อาจจะสามารถเป็นตัวเลือกในการฆ่าเวลาที่ดี ไม่เสียหายครับ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!