playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว In for a murder (Netflix) ฆาตกรรม… ทำอะไรกันเนี่ย (ไม่สปอยล์)

สรุป

หนังตลกฆาตกรรมที่พยายามฉลาดตามทันทุกมุกของนิยายสืบสวนและเรื่องราวที่น่าติดตาม กระทั่งเวลาผ่านไปหนังก็วนอยู่ในอ่าง เดาเรื่องได้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง แม้จะพยายามเล่าเบี่ยงเบน และพยายามจะมีสไตล์ด้วยฉากเท่ ๆ อารมณ์ของเรื่องที่จับยัดแทบทุกแนวแต่ไปไม่สุดสักทาง พร้อมทั้งบทสรุปแบบง่าย  ถ้าไม่ได้การแสดง ตัวละครที่ชอบกับงานภาพที่สวยไม่รู้จะหาอะไรมาชมเพิ่มให้กับเรื่องนี้อีกแล้ว

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การแสดงของนักแสดงดี มีเล่นใหญ่บ้างตามประสาคอเมดี้
  • งานภาพสวย มีการเล่นกับฉากและตัวละครได้ดีน่าสนใจ
  • เรื่องราวในช่วงเริ่มแรกน่าจะชวนให้ติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น
  • ตัวละครที่พยายามแหกขบถหนังสืบสวนด้วยความฉลาด

Cons

  • บทพังพินาศ หลังจากช่วงแรก วนในอ่าง เนือยสุด ๆ
  • ตัวละครไม่น่าสนใจ นอกจากตัวหลัก
  • อารมณ์ที่พยายามจะเล่นทุกทางแต่ไปไม่สุดสักทาง
  • ไม่มีการเร้าอารมณ์แม้แต่ดนตรีประกอบที่ช่วยให้จำหนัง
  • ขาดความสมเหตุสมผล และไม่มีความจริงจัง แม้หนังจะพยายามจิกกัดหนังสืบสวนแต่ก็ไร้ชั้นเชิง
  • จบเรื่องแบบง่าย ๆ ไม่มีการปูปมให้แน่น ๆ หนังก็เลยเบาหวิวหนักมาก

In for a murder (ฆาตกรรม… จำต้องสืบ) ภาพยนตร์ตลกสืบสวนสัญชาติโปแลนด์ สร้างจากหนังสือแนวสืบสวนของชาวโปแลนด์ Katarzyna Gacek ว่าด้วยเรื่องของคดีฆาตกรรมสไตล์ยุโรปและปริศนาที่จะสั่นเคลือนทั้งเมืองในแบบหนังสืบสวนสมัยใหม่ ผ่านเรื่องราวปมชีวิตของตัวละครที่นำไปสู่การขมวดเรื่องทั้งหมด นำแสดงโดย อันนา สโมโววิก,พาเวล โดมากาวา, ซีมอน โบบรอฟสกี ฉายในสตรีมมิ่งพร้อมซับไทย

 In for a Murder (2021) on IMDb

ตัวอย่าง In for a murder (ฆาตกรรม… จำต้องสืบ)

รีวิว In for a murder (ฆาตกรรม… จำต้องสืบ)

แมดจา หญิงกลางคนที่ยอมทิ้งงานและความมั่นคงเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้กับลูก ๆ ทั้งสองและดูแลสามีสุดห่วยอย่างโธมัสในชุมชนเมืองเล็ก ๆ แต่เธอก็ไม่เคยตอบโต้หรือคิดจะเรียกร้องอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้กลายเป็นพยานคนสำคัญในคดีฆาตกรรมที่อาจสั่นคลอนทั้งเมือง แต่ด้วยความรู้จากนิยายสืบสวนที่เธออ่านมาตั้งแต่เด็ก เธอได้ร่วมมือกับ เจสัน สารวัตรและเพื่อนที่โตมาด้วยกันออกสืบหาความจริงของเบื้องหลังคดีฆาตกรรมที่มีจุดเชื่อมโยงกับปมในอดีตของเธอที่ทำให้เธอไม่กล้ายืดหยัดด้วยตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์ของเธอที่ไม่สู้ดี ทั้งการงาน ครอบครัว และจิตใจของตัวแมดจาเอง ทว่าจะห่วงเรื่องนั้นก็คงจะเร็วไปหน่อย เมื่อพ่วงมาด้วยบุคคลผู้ต้องสงสัยมากมายที่ต้องการจะฆ่าเธอปิดปากไม่ให้เธอสืบสาวเข้าหาความจริง คราวนี้จึงถึงเวลาที่แมดจาต้องเปลี่ยนบทบาทจากแม่บ้านมาเป็นนักสืบจำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและความจริงของเธอ

ยอมรับเลยว่าตอนเริ่มเรื่องก็เปิดมาชวนให้ติดตามมากใคร ทำไม อย่างไร ในขณะเดียวกันก็เดินเรื่องให้เห็นชีวิตของตัวละครหลักที่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญเข้ามาดื้อ ๆ พร้อมด้วยมุกตลกแนวตัวละครจำมาจากนิยายสืบสวนเรื่องนี้ที่เอาไว้ใช้ตอกหน้าการสืบสวนจริง ๆ และมีการพาเราไปพบกับตัวละครมากมายที่ทั้งน่าสงสัยและไม่น่าสงสัย เป็นตัวหลอกชวนให้เราลุ้นว่าความจริงคืออะไร แต่ปัญหาคือ ช่วงหลังจากช่วงต้นเรื่อง หนังก็วนเวียนอยู่กับปมของตัวละครหลักที่พยายามยึดโยงกับคดีฆาตกรรม สลับกับความลับของตัวละครหลักที่คอยแต่เล่นมุกที่เหมือนก๊อปพวกนักสืบสมัยใหม่ที่ชอบเล่นกันแล้วหนังก็เป๋ไปกันใหญ่ เมื่อชั้นเชิงในการนำเสนอในช่วงหลังจากนี้ทั้งเอื่อยเฉื่อยและน่าเบื่อเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวละครต่าง ๆ แต่ก็ยังอยากรู้ว่าหนังจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เพิ่มมั้ย ไม่มีเลยครับ มันเห็นชัดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้วว่าใครเป็นคนร้าย แต่ค่อยมาเฉลยปมให้ดูฉลาด ผสมฉากสัญญะให้ดูว่ามันเท่นะ แต่ช่วงสุดท้ายหนังคือปวกเปียกสุด ๆ ทั้งบทสรุปที่ตัดจบง่าย ๆ ฉากเผชิญคนร้ายที่คาดหวังให้จริงจัง ก็ดันไม่จริงจังจนต้องเรียกว่าอีหยังวะ ฉากแอ็คชั่นเท่ ๆ ที่ใส่มาผิดจังหวะให้ดูมีอะไร ดูมีสไตล์ แต่หนังไม่ได้โฟกัสคดีฆาตกรรมแบบที่หนังควรจะเป็นน่าผิดหวังและเสียดายเวลามากครับ

อีกสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจคงเป็นตัวละครใช่มั้ยเหรอ ไม่เลยครับ นอกจากตัวละครแมดจาที่โดดเด่นในแง่ของผู้หญิงที่ตัดสินใจผิดพลาดเพราะปมปัญหาสมัยสาว ๆ และมีความสามารถในการเป็นหมอและนักสืบจนบทมันง่ายไปหมดเหมือนบทคอยเขียนให้เธอเจ๋งแต่ก็พยายามใส่ปมกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วก็มี เจสัน ที่พยายามทำให้หนังตลกด้วยบุคลิกของตัวละครสารวัตรสุดบ๊องที่ชอบตัดสินคดีเอาง่าย ๆ และต้องมาเจอแมดจาลูบคม ซึ่งสองตัวละครนี้คือส่วนที่ทำให้พอจะทนได้ แต่ที่ทนไม่ได้คือ ตัวละครอื่น ๆ ทั้งสามีตัวเอกที่ทำตัวเป็นผู้ชายห่วย ๆ ที่พยายามหลอกลวงและควบคุมนางเอก เพื่อนนางเอกที่สติเฟื่องชอบวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณ และเป็นตัวละครที่ออกมาเหมือนไม่มีความจริงจัง วุฒิสภาที่มีความลับบางอย่าง หญิงชราที่ทำตัวลุกลี้ลุกลน สัตวแพทย์ที่เหมือนจะเข้ามาจีบแมดจาและคอยช่วยเหลือเธอ หญิงสาวปริศนาที่ถูกฆาตกรรมอย่างเป็นปริศนา  แต่หนังก็ทำออกมา เรียกได้ว่า เสียของ และไม่มีมิติของความเป็นตัวละคร ที่ทำให้ช่วยส่งเสริมให้เรื่องสนุกขึ้นมาเลยตามประสาหนังสืบสวน แถมบางคนก็ทำให้เดาคนร้ายได้ออกแบบไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์เกินคาดแบบที่หนังสืบสวนควรจะเป็นเลย

ประเด็นสำคัญของเรื่องคงเป็นเรื่องของความลับไม่มีในโลก ทุกคนมีความลับแต่ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่ามันจะต้องเปิดเผยออกมา อยู่ที่ว่าเราจะรับมือยังไง จะปิดบังต่อไปก็ได้ แต่ก็รับผลที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในภายหลัง หรือจะยอมรับและหาทางอยู่กับมัน เราไม่ได้รู้จักคนทุกคน หรือ แม้แต่ตัวเอง เพราะงั้นอย่าคาดหวังว่าเราจะรู้จักอะไรมากพอแล้ว ต้องใช้คำว่าต้องรู้มากกว่าอีก บางครั้งการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเราก็ควรจะคิดให้ดี ไม่งั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนตัวละครหลัก ความสัมพันธ์ที่ไม่มีความเข้าใจไม่มีทางไปกันรอด ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ที่สามีไม่ควรบงการให้ภรรยาทำตามที่ตัวเองต้องการเพื่อจะทำเรื่องแย่ ๆ แต่ควรให้เกียรติ ไม่ว่าจะยังรักหรือไม่รักก็ตาม ไม่ควรไปนอกใจถ้าไม่ได้รับการยินยอม และที่สำคัญ เราต้องกล้าที่จะก้าวข้ามความกลัวเพื่อจะได้ใช้ชีวิตสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ

ส่วนเรื่องการแสดงก็คงต้องให้ อันนา สโมโววิก ที่แม้บทแมดจาจะไม่ได้มิติอะไรน่าสนใจมากมาย แต่เธอก็เล่นออกมาให้มีมิติได้ ไม่ว่าจะมุมสุข เก็บกด เศร้า เสียใจ จนเสียดายที่หนังไม่ได้ส่งพลังให้เธอเอาซะเลย ในขณะ พาเวล โดมากาวา ผู้รับบทเป็นสารวัตรเจสัน ก็เล่นได้ดี เคมีเข้ากับอันนา ฉากตลกก็มีเล่นใหญ่ในบางฉาก บทพูดคำจาก็กวนประสาทเกินตำรวจ จนแอบคิดว่าพยายามจะเป็นแบบนักสืบที่มีเสน่ห์หรือน่ากระทืบกันแน่ ในขณะที่คนอื่นก็เล่นได้เอื่อยเฉื่อยเหมือนไม่เชื่อในบท เหมือนอ่านบทมาก็แสดงเอาเลยจนทำให้ขาดความน่าสนใจไป อีกสิ่งหนึ่งที่ดีคงเป็นมุมกล้องที่ถ่ายออกมาได้กว้างและสวย มีการเล่นกับฉากกับตัวละครในหนังแม้จะไม่ใช่ฉากสำคัญหลักอะไร แต่การตัดต่อนี่เข้าขั้นพังพินาศ ด้วยฉากที่ตัดไปตัดมาแบบเนือย ๆ ไม่ชวนให้ติดตามเอาซะเลย ยิ่งตอนท้ายก็อาจมีงงมาเล่นแบบนี้เลยเหรอ จบบริบูรณ์แบบนี้เลยเหรอ

สรุป

หนังเรื่องนี้คงต้องใช้คำว่า ฆาตกรรม ทำอะไรกันเนี่ย ดีกว่ากับหนังเรื่องนี้ เป็นหนังแนวตลกก็เล่นเกิน จะสืบสวนก็ไม่มีชั้นเชิง จะดราม่าก็เนือยเฉื่อยไม่ชวนให้อิน ถ้าไม่ได้การแสดงกับตัวละครที่พอดึงดูดให้ติดตามบ้าง ท่ามกลางบทที่เข้าขั้นพังพินาศโดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ที่ทำลายความดีงามของหนังช่วงต้นกับกลางเรื่องไปอย่างย่อยยับ เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลา ก็ไม่ต้องดูเลยนะครับ ข้ามได้ข้ามเลย แต่ถ้าอยากดูก็ตามสบาย แต่อย่าหาว่าผมไม่เตือน ถ้าหากจะถอนหายใจหรือรู้สึกเสียดายเวลาหลังดูจบนะครับ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!