playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวลิมิเต็ดซีรีส์ Maid (Netflix) เรื่องจริง 10 ชั่วโมง 10 ตอนสุดประทับใจที่คุ้มค่ากับเวลามาก ๆ (ไม่มีสปอยล์)

สรุป

มินิซีรีส์อเมริกันที่แม้จะเป็นเพียงเรื่องของแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่กลับทรงพลังไปหมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องราวที่น่าติดตามไม่มีเอื่อยเฉื่อย ประเด็นจิกกัดสังคมอเมริกัน การแสดงที่ดีไปหมดทุกคน เพลงประกอบที่เข้ากับเรื่องราวในทุกฉาก และการถ่ายทำที่มีสไตล์แบบภาพยนตร์อินดี้ที่เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ ในทุกสิบตอน มีครบทุกอารมณ์ในซีรีส์เรื่องเดียวด้วยกิมมิกของแต่ละตอนที่เปลี่ยนไปตลอดสิบตอน ซีรีส์ดราม่าครบรสแห่งปีที่ผมขอแนะนำว่าอย่าพลาดเด็ดขาด

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • เรื่องราวที่น่าติดตามตลอดเรื่อง ไม่มีเบื่อ ไม่มีเนือย คาดเดาแทบจะไม่ได้
  • แต่ละตอนมีกิมมิก ครบทุกอารมณ์ที่สามารถเป็นได้ตั้งแต่ดราม่าจนถึงสืบสวน
  • ทีมนักแสดงคือเล่นไม่ห่วงภาพลักษณ์เก่า ๆ เป็นธรรมชาติหมดเลย
  • ตัวละครที่แสนจะมีมุมมองเทา ๆ น่าสนใจไปหมดทุกคน
  • เชื่อมโยงประเด็นกันได้อย่างชาญฉลาด ไม่รู้สึกค้างคา เป็นหนึ่งเดียว
  • ประเด็นสังคมอเมริกันและปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว
  • โปรดักชั่นและการถ่ายทำที่สามารถให้อารมณ์เหมือนหนังอินดี้คุณภาพในซีรีส์สิบตอน
  • เพลงประกอบที่ใส่เข้ามาได้อย่างลงตัวในทุกฉาก
  • พากย์ไทย พากย์ได้ดีมาก ๆ ได้อารมณ์สุด ๆ

Cons

  • เนื้อเรื่องค่อนข้างเรื่อย ๆ เพราะสร้างจากเรื่องจริงในหนังสือ

Maid (ชีวิตเปื้อนเหงื่อ) มินิซีรีส์ตลกดราม่าอเมริกันสิบตอน ดัดแปลงจากหนังสือเรื่อง Maid: Hard Work, Low Pay, and a Mother’s Will to Survive เขียนจากเรื่องจริงของหญิงจากรัฐวอชิงตันโดย Stephanie Land ที่เคยเป็นแม่บ้านทำความสะอาดก่อนจะกลายมาเป็นนักเขียน จัดทำโดยเน็ตฟลิกซ์ LuckyChap Entertainment สตูดิโอที่สร้าง I, Tonya, Bird Of Preys  รวมไปถึง Promising Young Woman ไปถึงเวทีออสการ์มาแล้ว ร่วมกับ Warner Bros. Television Studios (เจ้าของเดียวกับซีรีส์ดังมากมาย เช่น Sweet Tooth หรือ Riverdale) เรื่องราวผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนฝ่าฟันผ่านการเป็นแม่บ้านรับจ้างทำความสะอาดเพื่อชีวิตที่ดีของเธอและลูกสาว และคุณต้องไม่เชื่อแน่ที่ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์ต่างประเทศส่วนใหญ่ในแง่บวกอย่างล้นหลาม ถึงขั้นนิยามว่า “นี่คือซีรีส์สิบชั่วโมงในสิบตอนที่คุ้มค่าคุ้มเวลามาก ๆ” จากเว็บวิจารณ์ชื่อดังอย่าง Rotten Tometoes ยังเทคะแนนให้เต็มร้อยเปอร์เซนต์ในขณะนี้เลยทีเดียว

 Maid (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Maid (ชีวิตเปื้อนเหงื่อ)

รีวิว Maid (ชีวิตเปื้อนเหงื่อ)

ในกลางดึกคืนหนึ่ง “อเล็กซ์ แลมป์ลีย์” ผู้หญิงธรรมดาในรัฐวอชิงตัน ได้อุ้มลูกขับรถหนีออกมาจากบ้านสามีอย่างไร้จุดหมายหลังเหตุการณ์บางอย่างที่ผลักดันเธอเดินทางออกตามหางาน เพื่อจะได้เลี้ยงดูและตั้งต้นเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่งานในสมัยนี้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เธอจึงเข้าหากรมสงเคราะห์ภายในรัฐที่สุดแสนจะไม่ยุติธรรม และได้รับการช่วยเหลือให้เข้าทำงานกับ แวลู่เมด ผู้จัดหาแม่บ้านทำความสะอาดบ้าน ทำงานด้วยหยาดเหงื่อเพื่อแลกกับเงินที่แทบไม่คุ้มกับการทำงาน ปัญหาที่รุมเร้า ทั้งเจ้าบ้านนิสัยแย่ แม่ที่ป่วยเป็นไบโพลาร์ และสามีเจ้าปัญหาทำให้ชีวิตแม่บ้านของเธอไปได้ไม่สวยเท่าไหร่เพราะด้วยชนชั้นและระบบของสังคมที่ย่ำแย่ ทำให้ชีวิตไร้บ้านของเธอบีบให้เธอทำทุกอย่างเพื่อให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีกว่าที่เคยเป็น แต่อุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้านั้นเกินความคาดการณ์และอาจทำให้เธอย้อนรอยในอดีตที่แสนเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวที่บอบช้ำและมีปัญหาของเธอ และเริ่มทำให้เธอตั้งคำถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้คุ้มค่าต่ออนาคตของเธอและลูกสาวที่จะเติบโตหรือไม่
เรื่องราวไม่มีอะไรซับซ้อนและค่อนข้างเป็นธรรมชาติมันมีส่วนผสมของความเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องประเด็นเป็นตอน ๆ จบไป มีบ้างที่สามตอนแรกจะเป็นเหมือนหนังอินดี้ยาว 3 ชั่วโมงที่ดูจบแล้วก็อาจจะคิดว่าจบเลย แต่จริง ๆ มันยังมีเรื่องราวเชื่อมโยงประเด็นทั้งหมด การเล่าเรื่องเรื่อย ๆ แต่ไม่โฉ่งฉ่าง แต่มีเสน่ห์ของกิมมิคต่าง ๆ มากมายที่ใส่เข้ามา ทั้งแฟลชแบ็ค ภาพความคิด ภาพในหัว หรือจินตนาการสุดเหนือจริง พาให้เราตั้งคำถามและค้นหาคำตอบว่าทำไมตัวละครถึงเป็นแบบนั้น ทั้งยังมีอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้โผล่มาตลอด ความมหัศจรรย์ของมันคือ นี่เป็นซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริงในหนังสือเพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังอะไรที่เล่นใหญ่หรือพัวพันกับประเด็นอาชญากรรม เพราะแทบจะไม่มีเลย นอกจากเรื่องเหล้า ยา และเซ็กส์ แต่ในแต่ละตอนจะมีรสชาติที่แตกต่างผ่านตัวละครหลักนำเรื่องที่เป็นแม่บ้านที่ได้ค้นพบกับชีวิตผู้คนมากมายที่เข้ามา ดราม่าแบกปัญหาชีวิต โรแมนติกชวนจิ้นฟินหมอน คอเมดี้อบอุ่นหัวใจสไตล์เรียบง่าย  จนไปถึงระทึกขวัญสืบสวนอดีต ที่ไม่หลุดกรอบของเรื่องแม่บ้าน ซึ่งทั้งสิบตอนต่างมีประเด็นและอารมณ์ที่มีร่วมกันคือการดิ้นรนของตัวละครในเรื่องที่เห็นอุปสรรคและสิ่งที่คนรอบตัวกระทำให้ มันอาจจะรู้สึกเหนื่อยใจมากกว่ามานั่งทำความสะอาดเป็นล้าน ๆ ห้องเลยทีเดียว แต่ละตอนจะมีอารมณ์ของเรื่องและโทนเรื่องที่สม่ำเสมอและผลักดันให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างกลมกล่อมและอยากดูต่อจนจบ แม้ว่าแต่ละตอนจะจบแบบไม่ได้มีอะไรค้างคาถึงขั้นตัดจบ แต่เราก็ยังอยากดูเพราะอยากรู้ว่าตัวละครหลักจะได้พบเจอเรื่องวุ่นวายอะไรอีก และขอบอกเลยว่ามันสนุกสนานและไม่มีความอืดหรือเนือยเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับผม คุ้มค่าต่อเวลากว่าสิบชั่วโมงที่เสียไปแน่นอนครับ
ตัวละครในเรื่องก็มีความเป็นมนุษย์โดยทั้งสิ้น เทากันหมด มีปมกันหมด ไม่มีใครร้ายสุด ขี้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ แม่คนที่พยายามดิ้นรนเลี้ยงลูกสาวหลังจากหนีมาใช้ชีวิตจากสามี และพร้อมจะใฝ่คว้าทุกโอกาส แม้ว่าบางครั้งจะมีความเพ้อฝันหรือทำอะไรไม่ถูก แต่ตัวละครนี้ก็ยังมีมุมที่น่าสงสารและน่าเห็นใจจนเรารักตัวละครตัวนี้และอยากให้เธอมีความสุขสักที ฌอน สามีติดเหล้าของอเล็กซ์ที่อีโก้สูงและเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของตัวเองและพร้อมจะรังควานอเล็กซ์เพื่อให้ได้เธอกับลูกคืน ตัวละครนี้ถือเป็นตัวละครที่ทำให้เราเกลียดแต่เราก็เข้าใจและเห็นใจในบางทีเหมือนกัน เพราะตัวละครนี้ก็มีปัญหา แมดดี้ ลูกสาวสุดน่ารักที่เป็นเหมือนสิ่งหล่อเลี้ยงใจคนเป็นแม่ที่แสนสิ้นหวังให้มีความหวัง พอลล่า แม่ของอเล็กซ์ จิตรกรผู้ป่วยเป็นไบโพลาร์และบ้าผู้ชายจนไม่ค่อยฟังลูกสาว ชอบเพ้อฝันเพ้อเจ้อและไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามกับลูกสาวสักเท่าไหร่ จนทำให้ความสัมพันธ์กับเธอค่อนข้างห่างเหินกัน เรจิน่า เจ้าบ้านเจ้าอีโก้ที่ชอบสั่งการให้อเล็กซ์ทำนั่นทำนี่ตามที่เธอสั่ง แต่เธอก็ไม่ได้เป็นแบบที่อเล็กซ์เห็น นอกนั้นแล้วก็จะเป็นตัวละครที่จะโผล่มาผลักดันให้ตัวละครหลักได้พบเจอกับเรื่องราวมากมายให้อเล็กซ์ได้ผจญภัยในเส้นทางของชีวิต และผมเชื่อเลยว่าคุณจะต้องเจอตัวละครสักตัวที่คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณมากแน่ ๆ ในเรื่องนี้
แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องของแม่บ้าน แต่ตลอดทั้งสิบตอนเราจะเห็นถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มุมมองของผู้รอดชีวิตที่ต้องทุกข์ทนและโดนกดทับทำให้รู้สึกผิดโดยคนรอบตัวที่มองว่าผู้รอดชีวิตคิดมากไป แต่ไม่สามารถหนีออกจากชีวิตคู่ที่เป็นพิษได้ เพราะกฏหมายมันไม่ยอมเอื้อต่อความเจ็บปวดที่เธอมี เรื่องการให้สิทธิ์เลี้ยงบุตร การต่อสู้ในชั้นศาล เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรให้สำคัญพอ ๆ กับเรื่องระบบสงเคราะห์คนไร้บ้านที่ค่อนข้างมีปัญหาและต้องการการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อผู้รอดชีวิตที่ซีรีส์ทำออกมาได้ชวนให้ตระหนักแล้วมันสำคัญที่จะสามารถมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้รอดชีวิต ที่ยอมรับว่ามันมีหลายอย่างที่อาจทำให้คนที่ผ่านประสบการณ์รู้สึกอินแน่นอน เพราะมันทำออกมาได้จริงมาก ๆ เรื่องความไม่เท่าเทียมทางชนชั้นในอเมริกันที่คนจนดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจุนเจือครอบครัว ในขณะที่คนรวยผลาญได้ทุกสิ่งแม้แต่ทำร้ายคนด้วยกันโดยไม่รู้ว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าต้องดิ้นรนยังไงบ้าง แต่เงินก็ไม่ได้ซื้อได้หมดทุกอย่างอยู่ดี ความสุขนั้นซื้อไม่ได้ด้วยเงิน การดิ้นรนให้ได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆ ตะหากที่ทำให้เราได้ความสุขมาอย่างคุ้มค่า เหมือนความรักของคนเป็นแม่ที่พร้อมทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก โดยไม่สนว่างานนั้นจะเป็นยังไง ต้องทำสิ่งที่น่าอายหรือสกปรกมากแค่ไหนก็ตาม และแน่นอนความรักไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ความฝันตะหากที่ทำให้เราได้ค้นพบตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นยิบย่อยมากมายในเรื่องเหล่านี้ ให้คุณพร้อมอินและซาบซึ้งไปพร้อม ๆ กัน

มาร์กาเร็ต ควอลลีย์ จากบทฮิปปี้โรคจิต ใน ก Once Upon a Time In Hollywood และ บท MAMA ในเกม DEATH STRANDING) เธอแสดงให้เห็นแล้วว่าเธอคือ อเล็กซ์ ศูนย์กลางอันทรงพลัง แข็งแกร่ง และเป็นธรรมชาติ การแสดงของเธอสะกดให้ผมไม่อาจละสายตาได้ เพราะเธอแสดงออกมาได้โคตรดีทั้งฉากธรรมดาที่เธอสามารถทำให้ตัวละครหลักไม่ว่าจะทำอะไร ก็ดูมีความคิดอะไรในหัวมากมาย แต่ก็ยังสามารถแสดงออกตรงกันข้ามเมื่อต้องรับบทเป็นแม่ที่แสนจะรักลูกและน่าประทับใจ หรือฉากอารมณ์ที่เธอใส่เต็มมากแบบไม่เกรงใจหน้ากล้อง เล่นเอาอินกับชีวิตธรรมดาแต่แสนร้ายกาจของเธอ นี่แหละคือเพชรคนต่อไปของวงการฮอลลีวู้ด ในขณะที่นิค โรบินสันที่ สลัดคราบของหนุ่มหล่อสายอบอุ่น กลายเป็นชายเมายาที่น่ารังเกียจแต่ก็น่าสงสาร ทั้งเจ้าอารมณ์และเข้าขั้นเลว และฉากที่ตีอารมณ์ออกมาได้แตกมาก แอนดี้ แมคดูเวลล์ ที่มารับบทพอลล่า แม่ของอเล็กซ์ที่ป่วยเป็นไบโพลาร์ และทำตัวล่องลอยเล่นใหญ่ตลอดเวลาจนเราแอบรำคาญปนเอ็นดูเล็ก ๆ เธอมาเป็นเหมือนตัวตลกในช่วงแรก แต่เราก็รู้สึกเห็นใจในช่วงหลัง อนิกา โนนี่ โรส ในบทสาวสังคมผู้ร่ำรวยและดูเย่อหยิ่งที่อเล็กซ์ต้องเข้าไปพัวพัน แม้การแสดงจะไม่ได้ทรงพลังแต่ก็คอยเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เรื่องราวนั้นน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนเรื่องมุมกล้องกับภาพไม่ต้องพูดถึงมันดีมาก การถ่ายทำที่เป็นธรรมชาติสมจริงเหมือนหนังอินดี้ดี ๆ หนึ่งเรื่องในหนึ่งตอน ทั้งผ่านสายตาตัวละครและผ่านบุคคลที่ 3 เหมือนเราตามติดชีวิตคนธรรมดาที่ไปเจอเรื่องต่าง ๆ และเราเป็นเพื่อนของเขาไปตลอดสิบตอน ได้เห็นการแสดงและฉากสภาพแวดล้อมที่ชัดเจนรอบตัวละครเป็นภาพนามธรรมแทนความรู้สึกหรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น  แต่ก็ยังผสมผสานใส่กราฟฟิกกิมมิคแต่ละตอนเข้ามาให้เรื่องดูมีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นพร็อบต่าง ๆ หรือตัวเลขที่ขึ้นทุกครั้งเวลาตัวละครทำอะไรก็ตาม เพลงประกอบก็ใช้ได้อย่างถูกจังหวะมีเพลงเพราะ ๆ มากมาย แต่บางฉากก็จะใช้ความเงียบกับอารมณ์ล้วน ๆ ชวนให้เราเข้าไปในจิตใจของตัวละครนั้น ทั้งความสุขและความทุกข์มันกลมกลืนและไหลเรียงอยู่ในภาพที่แสดงออกมาเหล่านี้ทั้งสิ้น

สรุป

ซีรีส์เรื่องนี้เกินความคาดหมายของผมไปหลายอย่างมาก มันเป็นซีรีส์ที่สะท้อนชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในอเมริกันที่ไม่มีอะไรนอกจาก ตื่นมาทำงาน เลี้ยงลูก นอนหลับ เผชิญหน้าดิ้นรนกับปัญหาในระบบชนชั้น ความไม่เท่าเทียมในสังคม ความรัก ความฝัน ปัญหาครอบครัว และความสัมพันธ์อันเจ็บปวดในชีวิตคู่ที่ยึดโยงต่อกัน แต่กลับเต็มไปด้วยแง่มุมสังคมมากมายที่สะท้อนผ่านตัวละครในเรื่องที่มีเสน่ห์ การแสดงที่ทรงพลังและเหนือชั้น เพลงประกอบที่เข้ากับทุกฉากในซีรีส์ การถ่ายทำคุณภาพ และเรื่องราวที่จะจับให้คุณไม่อยากลุกออกจากจอ ที่จะหาเป็นข้อติอย่างเดียวคือเนื้อหามันไม่ได้แปลกใหม่ค่อนข้างธรรมดาเพราะสร้างจากเรื่องจริง แต่มันสามารถเล่าเรื่องได้อย่างสนุกสนานและไม่น่าเบื่อเลยจริง คำเตือน สำหรับคนอายุต่ำกว่า 18 ที่คิดจะรับชม ในเรื่องมีฉากเหล้า ยา เซ็กส์ และคำพูดที่หยาบคายจนถึงรุนแรง ควรมีคนคอยให้คำแนะนำ ผมเรียกได้เต็มปากเลยว่าเป็น ซีรีส์แห่งปีที่ผมชอบที่สุดแล้ว ไม่รู้จะหักคะแนนอะไรเพิ่มอีก ผมแนะนำเลยว่าให้ลองเปิดดูสักตอนสองตอน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ผมก็ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้ไปเด็ดขาด เพราะฉะนั้นถ้ามีเน็ตฟลิกซ์อยู่ในตอนนี้ ควรหาชมโดยเร็วก่อนที่คุณจะพลาดซีรีส์ดี ๆ ในเน็ตฟลิกซ์นาน ๆ ทีในหนึ่งปีจะมีสักครั้ง และผมบอกเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับซีรีส์เรื่องนี้แน่นอน อย่าลืมเผื่อเวลาไว้ด้วยนะครับห 10 ชั่วโมง

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

สำหรับใครที่สนใจลิมิเต็ดซีรีส์เกี่ยวกับชนชั้นอาชีพแม่บ้านแบบเรื่องนี้ แนะนำอีกเรื่องในเน็ตฟลิกซ์ FATMA (Netflix) โศกนาฎกรรมจากแม่บ้านกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่จำเป็นต้องฆ่า รับรองว่าประทับใจไม่แพ้กันครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!