playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sweet Tooth ซีรีส์ที่ตัวละครหลักเป็นเด็ก แต่เรื่องราวนั้นไม่เด็กเลย (ไม่สปอยล์)

สรุป

ซีรีส์แนวแฟนตาซีดราม่าวันสิ้นโลกที่เอาเข้าจริงแล้วเหมือนเป็นไซไฟดราม่า ด้วยความที่ตีมเรื่องจะเป็นแนวความดำมืดในจิตใจมนุษย์ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อการเอาตัวรอด ด้วยเรื่องราวที่ค่อนข้างเข้มข้นผนวกด้วยการแสดงคุณภาพของทีมนักแสดง และงานสร้างที่สมจริงและสวยงาม แม้ว่าการเล่าเรื่องแบบหลายมุมมองสลับไปมาจะให้อารมณ์ที่สะดุดบ้าง แต่เมื่อดูจบก็จะเข้าใจว่าทำไมการเล่าเรื่องแบบนี้ถึงจำเป็นต่อเรื่องราวในเรื่อง พร้อมทั้งยังจบแบบทิ้งปมให้ค้างคาคนดูหงุดหงิดเล่น

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
4 (3 votes)

Pros

  • การแสดงของนักแสดงที่ดึงดูด โดยเฉพาะน้องที่เล่นเป็นกัส ที่เอาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
  • เรื่องราวที่เข้มข้นและลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ มีชั้นเชิง ทิ้งปมไว้ท้ายตอนให้อยากติดตามต่อ
  • มีหลายรสชาติให้อารมณ์แบบหนังสามเรื่องที่ทั้งตลก ดราม่า และทริลเลอร์ในเรื่องเดียวกัน
  • ปมของตัวละครทุกตัวมีความน่าสนใจ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก มีแต่ว่าทำไปเพราะอะไรมากกว่า
  • งานสร้างทั้งซีจี การถ่ายทำ และดนตรีที่ดีและลงตัวมาก ๆ

Cons

  • ซีรีส์โฟกัสตัวละครหลายตัว ทำให้อารมณ์อาจสะดุดไปบ้าง
  • ทิ้งปมจบซีรีส์แบบมีซีซั่น 2 ให้ค้างคาใจ
  • เนื้อเรื่องค่อนข้างเดาง่าย คอนเซปต์หรือรูปแบบเรื่องไม่แปลกไปกว่าซีรีส์วันสิ้นโลกเรื่องอื่นๆ

Sweet Tooth ซีรีส์อเมริกันแนวระทึกขวัญ ดราม่า แฟนตาซี ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกันของ Jeff Lemire ในสำนักพิมพ์ DC/Vertigo Comics ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือการ์ตูนแนวอื่นนอกจากซุปเปอร์ฮีโร่และจะมีโทนที่ดาร์กและมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า ดีซี คอมมิค โดยหนังสือการ์ตูนตอนนี้มีกว่า 40 เล่ม รวมภาคล่าสุด 6 เล่มอย่าง The Return ก็สามารถเป็นตัวการันตีที่ดีว่าทำไม โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หรือที่เรารู้จักเขาในบทไอออนแมน โทนี่ สตาร์กจากจักรวาลมาร์เวลถึงเข้ามานั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการสร้างให้ของซีรีส์จากหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะด้วยคำวิจารณ์ที่เป็นไปในทางแง่บวกล้นหลาม และเนื้อเรื่องที่แสนลุ้นระทึกจนได้รับสมญานามว่าจากนักวิจารณ์ว่าเป็น ‘แมดแม็กซ์’ ผสม ‘กวางน้อย…แบมบี้’ ส่วนสตูดิโอผู้สร้างก็คือ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เทเลวิชั่น และ Team Downey  สตูดิโอที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นเจ้าของนั่นเอง จริง ๆ แล้วซีรีส์นี้จะต้องฉายในสตรีมมิ่ง Hulu แต่มีการเปลี่ยนแปลงให้มาฉายในเน็ตฟลิกซ์ในที่สุด (ไม่ใช่งานสร้างจากเน็ตฟลิกซ์โดยตรง)

 Sweet Tooth (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Sweet Tooth 

รีวิว Sweet Tooth

สำหรับเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้หยิบนำวิกฤตหลังวันสิ้นโลกมาเล่าใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยที่เทคโนโลยีกำลังเจริญไปข้างหน้า แต่กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนได้กวาดล้างความเป็นมนุษย์ของผู้รอดชีวิต ในขณะเดียวกันก็ให้กำเนิดเด็กพิเศษที่มีส่วนผสมของสัตว์ที่ถูกเรียกว่า “ไฮบริด” ซึ่งตัวละครหลักนั้นคือ กัส เด็กชายหน้าตาน่ารักที่เติบโตมาในป่าลึกพร้อมเขากวาง หลังจากสูญเสียพ่อ เขาตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไปยังที่ปลอดภัยที่เหลืออยู่ ร่วมกับพันธมิตรที่ไม่น่าไว้ใจอย่าง “พี่เบิ้ม” และในการเดินทางครั้งนี้มันจะค่อย ๆ ผลักดันให้เด็กชายผู้มีเขากวางได้ค้นพบความจริงที่ซ่อนอยู่หลังโรคระบาด พร้อม ๆ กับเรื่องราวมุมมองของตัวละครหลักอื่น ๆ ที่ต้องประสบพบเจอในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งหญิงสาวที่รักธรรมชาติและไฮบริดจนพร้อมจะปกป้องผู้ล่าที่แสนโหดร้าย เด็กสาวที่ค่อย ๆ เติบโตจากความเจ็บปวดและกลายเป็นผู้นำที่โหดเหี้ยม สองสามีภรรยาที่ต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกและความสัมพันธ์ในสังคมที่แปลกประหลาดและน่าสยดสยอง และเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงเข้าหากันอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังทิ้งปมให้กำหมัดแน่น เพราะมันไม่ได้จบแค่แปดตอน แต่ตามประสาซีรีส์แบบนี้ก็จะมีการทิ้งปมให้ค้างคาแต่แอบมีความหวัง คือไม่ได้จบใจร้ายเกินไปเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่ยังปิดฉากเรื่องราวของกัสและเปิดเรื่องราวใหม่ที่น่าสนใจได้ในอนาคต

ถือเป็นความฉลาดของทางผู้สร้างที่ใช้วิกฤติช่วงการระบาดของโควิด 19 ฉายซีรีส์ในช่วงเดือนนี้ เพราะมันทำให้เราอินไปกับซีรีส์มากขึ้น ด้วยตีมเรื่องของวิกฤติโรคระบาดที่เกิดจากอะไรก็ไม่รู้ และมันทำให้เกิดความโกลาหล ความสับสนไปทั่วโลก มนุษย์เริ่มสูญเสียตัวตนและห้ำหั่นกันเพื่อเอาชีวิตรอด และด้วยเรื่องราวที่ดูเป็นสเกลใหญ่นี่เอง ทำให้ซีรีส์มีการเล่าเรื่องแบบหลายมุมมอง เหมือนที่ได้กล่าวไปในเรื่องราว ว่ามันไม่ได้โฟกัสแค่เด็กผู้ชายที่แปลกประหลาด แต่มันยังกระจายบทไปให้เห็นสภาพแวดล้อมที่อยู่นอกเหนือของตัวละครเอกอย่างกัส ทั้งในเมือง ในหุบเขา ในหมู่บ้านที่ล้วนได้รับผลกระทบจากโรคระบาดและมันค่อย ๆ ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันก็เป็นดาบสองคม เพราะเมื่อต้องเล่าเรื่องหลายมุมมองของตัวละคร มันจะทำให้อารมณ์สะดุด สมมติตัวละครกำลังทำอะไรสักอย่าง ซีรีส์ที่มีผู้คอยบรรยายเรื่องราวก็จะพาเราไปที่อีกตัวละครนึง ซึ่งทำให้เรารู้สึกค้างคาว่าตัวละครจะเป็นยังไงต่อไป แล้วตัวละครใหม่จะทำอะไรบ้าง ซึ่งมันก็เป็นข้อดีได้อีกด้วย เพราะจะทำให้เราไม่เบื่อง่าย เหมือนกับเรากำลังเล่นเกมแล้วสลับเป็นอีกตัวละครหนึ่ง แถมยังทิ้งปมให้เรารู้สึกลงแดง ใคร่ที่จะรู้ว่าเรื่องราวต่อไปว่าจะเป็นยังไง

ตัวละครกัส เป็นตัวละครหลักของเรื่อง กว่า 70 เปอร์เซนต์ของเรื่องราวนั้นจะถูกบอกเล่าถึงเด็กชายที่ค่อย ๆ เติบโตจากสังคมที่ถูกปิดกั้น กลายเป็นเด็กหนุ่มที่ต้องเจอกับปัญหาที่ตัวเองไม่เคยเจอ จนอาจจะตัดสินใจ หรือทำอะไรผิดไปบ้าง เพราะเขายังเป็นแค่เด็กเท่านั้น ซึ่งเราก็พอให้อภัยได้ เพราะแรงจูงใจมันสมเหตุสมผลตามความเด็ก เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่เคยเจอสังคมจริง ๆ เขาอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับจินตนาการจนเกิดเป็นภาพความแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ เป็นความโลกสวยที่เด็กสิบขวบจะสร้างขึ้นมา แต่ความจริงมันโหดร้ายเสมอ และเมื่อเขาเป็น “ไฮบริด” สิ่งมีชีวิตที่เป็นกุญแจไขอนาคตของมนุษยชาติ เขาจึงต้องเจอกับปัญหามากมาย เช่นเดียวกับตัวละครอย่าง “ทอมมี” ที่เป็นคู่หูต่างวัยผู้ที่มีปมและความหลังมากมายที่ผลักดันให้เขากลายเป็นคนไม่ดี และอยู่กับความมืดจนกระทั่งเขาได้พบกัสและมันทำให้เขาอยากที่จะปกป้องเด็กผู้ชายมหัศจรรย์คนนี้ให้ได้ เอมี่ หญิงสาวผู้ไม่เคยได้ออกจากกรอบแห่งความศิวิไลซ์ ใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อ กระทั่งเมื่อโรคระบาดทำลายสังคม เธอจึงได้ออกมาเป็นอิสระและได้ใช้ชีวิตทั้งหมดเพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์ หรือแม้แต่ แบร์ เด็กผู้หญิงที่พยายามซ่อนความอ่อนแอไว้ ภายใต้ความเข้มแข็งและเป็นเพื่อนที่ดีของกัส คู่สามีภรรยา ซิงค์กับรานีที่พยายามดิ้นรนที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ที่เริ่มเหลือน้อยเต็มที่ และต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ที่กระทบกับพวกเขา

เรื่องราวทั้งหมดถูกบอกเล่าออกมาให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจและความต้องการของแต่ละคน มันไม่มีใครผิดหรือใครที่ถูกที่สุด ทุกคนในเรื่องมีเป้าหมายที่ต่างกัน คือปกป้องคนสำคัญ และการเล่าเรื่องแบบนี้แหละที่ให้หลายรสชาติกับซีรีส์ จริงอยู่ที่ซีรีส์นี้บอกเล่าเหตุการณ์วันสิ้นโลก แต่ความสำคัญของแต่ละพาร์ทคือ ตัวละครแต่ละตัวมีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ตัวละครของ “กัส” จะเป็นไปในแนวทางของโร้ดทริปผสมแอ็คชั่นเดินทางข้ามทวีปเพื่อไปยังจุดหมายกับ “ทอมมี่” สลับกับเจอมิตรและศัตรู เอมี่ จะเป็นแนววันสิ้นโลกกึ่ง ๆ ดราม่าที่จะค่อนข้างเน้น แต่ไม่ได้น่าเบื่อ ส่วนของซิงค์กับรานีจะให้อารมณ์แบบซีรีส์ระทึกขวัญที่เนื้อหาจะค่อนข้างดาร์กมาก ๆ ดาร์กสไตล์ตอนหนึ่งของ BLACK MIRROR  ในทีนี้หมายถึง การที่ตัวละครที่ดูไม่ได้น่ากลัวอยู่ในสังคมที่สงบสุขสามารถเข่นฆ่ากันเองได้อย่างหน้าตาเฉยโดยไม่ลังเลเมื่อมีความจำเป็น สังคมที่สงบสุขแต่มันก็เน่าเฟะไปด้วยความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ทำให้เราได้เห็นเหตุการณ์หลังวันสิ้นโลกได้หลายแบบทั้ง สดใส มืดหม่น หรือสุดแปลก และมันก็สามารถทำได้ดีและสุดทาง เพราะพอมันมาผนวกรวมกัน เราก็จะเข้าใจว่าทำไมซีรีส์มันถึงเล่าเรื่องหลายมุมให้เราเห็นทุกตัวละคร และมันก็ทำให้เราลุ้นและสนุกไปกับมัน

ในส่วนทีมนักแสดงต้องบอกเลยว่า ดาวดวงใหม่ได้ถือกำเนิดแล้วน้อง คริสเตียน คอนเวอรี นักแสดงเด็กหน้าใหม่ที่รับบทเป็น “กัส” คือศูนย์กลางของเรื่องแล้วน้องแบกเรื่องได้จนจบ แต่ละฉากที่น้องออกมาคือความน่ารัก ไร้เดียงสา แต่พอมีซีนอารมณ์น้องก็ทำได้ดีมาก ๆ ความรู้สึกของเด็กมหัศจรรย์ที่อยู่ในวันสิ้นโลกถูกถ่ายทอดออกมาอย่างใสซื่อและบริสุทธิ์และแสนเจ็บปวด ส่วน นอนโซ่ อะโนซี่ ผู้รับบท” “ทอมมี่” คู่หูของกัส ก็แสดงได้ดีถึงความเบื่อโลก ความไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซนต์ การพยายามจะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้กับเด็กคนหนึ่งที่มีความมั่นใจและจะปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ อาดีล แอคห์ตาร์ ผู้ค่อย ๆ เป็นตัวแทนของหมอซิงค์ผู้ที่เชื่อมั่นว่าสามารถรักษาคนได้ จนกระทั่งเงื่อนไขบางอย่างผลักดันเขาไปอย่างบ้าคลั่ง Dania Ramirez รับบทเป็นเอมี่ ตัวละครใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในหนังสือการ์ตูน เธอเป็นตัวละครหญิงที่ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วเธอนั้นสุดยอดของความเท่และความฉลาด ไม่พอการแสดงของเธอก็ยังทรงพลังมาก ๆ น้อง Stefania LaVie Owen ในบทแบร์ สาวผมหยิกที่มีปมปัญหาทางใจทำให้ต้องกลายเป็นผู้นำให้กับวัยรุ่น จนกระทั่งกัสได้พาเธอหลุดออกมา เธอแสดงให้เห็นความอ่อนแอภายใต้ความแข็งแกร่งและในฉากที่เธอพูดระบายความรู้สึกออกมากับคนที่ฟังคือความตราตรึงและน่าสงสารและเข้าใจตัวละครของเธอ นอกจากนี้นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็ดีมากเช่นกัน พวกเขาสามารถมีซีนเป็นของตัวเองแม้จะเล็กน้อยก็ตาม

สำหรับในส่วนของการนำเสนอ พล็อตมันง่ายมาก คือแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก ซีรีส์มันก็หยอดคำตอบมาให้แล้ว แต่ที่มีชั้นเชิงสุด ๆ เลยคือการค่อย ๆ กะเทาะปมของตัวละครที่พันผูกกันพร้อม ๆ กับเปิดเผยเรื่องราวต้นเหตุทั้งหมดที่อาจจะไม่ชัดเจน ตัวละครเหล่านี้คือตัวแทนของที่พยายามจะหาหนทางที่จะมีชีวิตรอดในวันสิ้นโลก และต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เมื่อภัยอันตรายเข้ามาหามากมาย มีการเล่าสลับไปมาให้เห็นว่าการกระทำของตัวละครหนึ่ง ส่งผลยังไงกับอีกตัวละครหนึ่ง มันอาจจะไม่ได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ก็ช่วยประสานเรื่องราวให้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่รู้สึกว่ามันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ในเรื่องของความแฟนตาซีที่ซีรีส์จั่วหัวมา ผมว่ามันมีความเป็นไซไฟดราม่าระทึกขวัญมากกว่า ส่วนใหญ่มันแฟนตาซีเพราะมีเด็กที่มีลักษณะเหมือนสัตว์แค่นั้น มันไม่ได้มีเรื่องราวมหัศจรรย์พันลึกแบบมีเวทมนตร์หรือพลังวิเศษ มีแต่วิทยาศาสตร์และความดิบเถื่อนและโหดร้ายของมนุษย์ที่ถ่ายทอดสะท้อนออกมาผ่านตัวละครเยาวชนที่ต้องเติบโตกว่าวัยที่ควรจะเป็น ส่วนงานภาพและสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ด้วยความที่มันตั้งใจจะลงใน Hulu คุณภาพมันจะดีกว่ามาตรฐานเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป งานกราฟฟิกซีจีนั้นสวยและสมจริงมาก ๆ คือไม่ลอยฟุ้งและคุณภาพของงานเหล่านี้เป็นระดับหนังฉายโรงได้เลยจริง ๆ เพลงประกอบสไตล์ตะวันตกที่ใส่เข้ามาก็ให้อารมณ์อินไปกับซีรีส์ในฉากนั้น ๆ ด้วย

สรุป Sweet Tooth

Sweet Tooth ถือเป็นซีรีส์ดีที่มาถูกเวลาและถูกจังหวะ แถมมีคุณภาพมากมหาศาล จริงอยู่ที่พล็อตอาจจะดูซ้ำ ๆ วันสิ้นโลก มีการเอาชีวิตรอด แค่ไม่มีพวกสัตว์ประหลาด มีแต่มนุษย์ที่ชั่วร้ายและไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซนต์ แต่ไม่ได้จัดจ้านถึงขั้นแมดแม็กซ์แบบที่เขาว่ากันเท่าไหร่ การเล่าเรื่องของซีรีส์นั้นมีชั้นเชิงและดูสนุกและลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งด้วยความที่มันมีดราม่าก็อาจจะทำให้ใครหลายคนกลัวว่ามันจะมีการยืดมั้ย ก็ต้องขอบอกเลยว่าไม่มี แม้จะเล่าเรื่องเร็ว แต่ก็ไม่ได้ทิ้งช่องโหว่อะไรให้ค้างคา ถ้าใครชอบซีรีส์แนวระทึกขวัญที่ครบรสชาติและมีคุณภาพเต็มขั้น คุณก็ไม่ควรที่จะพลาดซีรีส์ที่ชื่อดูเด็ก แต่งานไม่เด็กเรื่องนี้ได้เลย ซีรีส์มีแปดตอน ตอนละ 50 นาที ถ้าคุณเบื่อไม่มีอะไรทำ จะเปิดดูในวันหยุดก็ไม่เสียหาย เพราะผมบอกได้เลยว่านี่จะเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วอิ่ม แต่อยากขอเพิ่มมาก ผมหวังว่ามันจะมีซีซั่น 2 ถ้ากระแสตอบรับดี อย่าคิดว่ามันเป็นงานเด็ก ๆ เพราะมันมีประเด็นสังคมและการเติบโตที่เข้มข้นโดยไม่ต้องมีเลือดสาดอะไรเลย อย่าพลาดเด็ดขาด ยิ่งได้โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์มาและกระแสคำวิจารณ์ตอนนี้ที่กำลังดีอย่างล้นหลาม ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เปิดดูได้เลยตอนนี้

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!