playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว SAS: Red Notice ยุโรปร้อนรถไฟมรณะ แอ็กชั่นสูตรสำเร็จที่อร่อยได้อยู่ (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์แอ็คชั่นจากประเทศอังกฤษที่พล็อตอาจสูตรสำเร็จ แต่ก็ยังสนุกและลุ้นไปกับมันได้ ดีที่การแสดงของทีมนักแสดงชั้นนำ และประเด็นปมเรื่องที่น่าสนใจ ดนตรีประกอบสุดระทึก ตัวละครทมีเสน่ห์ไม่แบนราบ แม้ว่าซีจีจะเผา แต่ไม่อาจทำลายความสนุกที่มีในเรื่องได้

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แอ็คชั่นสนุก บู๊ระทึกตลอดทั้งเรื่อง
  • ทีมนักแสดงชั้นนำและการแสดงที่ใช้ได้
  • เพลงประกอบที่เร้าอารมณ์ในแต่ละฉาก
  • ประเด็นของเรื่องทั้งการเมืองและปมของตัวละคร
  • ตัวละครไม่แบน มีเสน่ห์น่าสนใจทุกตัว
  • เสียงพากย์ไทยคุณภาพระดับหนังฉายโลก

Cons

  • พล็อตมันสูตรสำเร็จแบบหนังอเมริกันมาก ๆ
  • ตัวละครบางตัวก็บทหายไปดื้อ ๆ
  • จบเหมือนจะมีภาคต่อแต่ก็ไม่รู้ว่ามีมั้ย เพราะขาดทุนยับตอนฉายโรง
  • ซีจีเผาอย่างเห็นได้ชัด

SAS: Red Notice (SAS: หงส์ดำผงาด) ภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์ระทึกขวัญสัญชาติอังกฤษ กำกับโดย มักนุส มาร์เตนส์ ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “Red Notice” ของแอนดี้ แมคแนบ นักเขียนนิยายขายดีและอดีตนายทหารของอังกฤษผู้ที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างของหนังด้วย โดยมีแซม ฮิวแกน จากซีรี่ส์ “Outlander” รับบทนำเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ IM5 ที่นั่งรถไฟใต้ดินความเร็วสูงไปกับหญิงคนรัก (แฮนนาห์ จอห์น-คาเมน) เพื่อมุ่งหน้าสู่การขอแต่งงาน ณ ปารีส แต่ปรากฏว่ารถไฟขบวนนั้นได้ถูกผู้ก่อการร้ายยึด และเขาต้องหาทางทำทุกอย่างเพื่อช่วยตัวประกันทั้งหมด โดยหนังเข้าฉายเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนจะได้ลงสตรีมมิ่งในเน็ตฟลิกซ์ในเดือนสิงหาคม พร้อมทีมพากย์คุณภาพระดับภาพยนตร์ฉายโรงเลยทีเดียว แม้คะแนนวิจารณ์จะเป็นที่กังขา แต่เราจะไม่มีวันรู้ถ้าไม่มีวันดูด้วยตัวเอง เพราะงั้นมาดูรีวิวกันเลยดีกว่า

 SAS: Red Notice (2021) on IMDb

ตัวอย่าง SAS: Red Notice

รีวิว

ตลอดชีวิตการเป็นทหารทำงานรับใช้ประเทศชาติผ่านการฆ่าคนไปมากมายไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับทอม บัคกิ้งแฮม หนุ่มหล่อจากชนชั้นสูงที่ทำงานในหน่วย SAS เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการมือฉมังที่หลังจากเหตุการณ์สังหารหนึ่งได้ทำให้เขาถูกพักงานจากหน่วยชั่วคราว เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาที่มีอยู่พาแฟนสาวอย่าง โซฟี เดินทางข้ามประเทศจากอังกฤษสู่ทริปขอแต่งงานฝรั่งเศสด้วยรถไฟฟ้าสายความเร็ว กระทั่งเกิดคดีฆาตกรรมภายในรถไฟที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแถบยุโรปที่นำโดย เกรซ ผู้นำหญิงแห่งทหารรับจ้างอเมริกัน ระหว่างที่เขาหาทางปะติดปะต่อ เขากลับผมว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลายเป็นการบุกจี้รถไฟเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ทอมต้องแข่งขันกับเวลาเพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่เหลือให้ได้ ก่อนที่ระเบิดที่ติดตั้งไว้จะระเบิดฆ่าเขา แฟนสาว และผู้โดยสารไปจนหมด มิหนำซ้ำทางการก็เหมือนจะเป็นใจให้การก่อเหตุเกิดขึ้น เขาจึงต้องร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมทหารในหน่วย SAS อย่างเดคลานเพื่อยับยั้งแผนการร้ายให้ได้

ช่วงแรกเกือบหลับแล้ว ด้วยการปูเรื่องที่ตัดสลับไปมาระหว่างตัวร้ายกับฉากแอ็คชั่นกับชีวิตประจำของตัวเอกก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง จนเครื่องเริ่มมาติดแบบฉุดไม่อยู่ ด้วยความที่ตัวละครเอกเป็นทหารหน่วยปราบปรามเขาจึงได้โชว์ไหวพริบและฝีมือในการต่อสู้กับคนร้ายอย่างชาญฉลาดไม่มีฉากไหนที่รู้สึกขัดใจเลย  ด้วยเรื่องของการเฉือนคมระหว่างนายทหารที่เหมือนหลุดมาจากดายฮาร์ดที่ทั้งสู้ ทั้งวิ่ง ต่อยตีไม่มีพักกับผู้ก่อการร้ายที่มีเจตจำนงอันมุ่งมั่นและไม่มีอ่อนข้อให้เลย แต่ด้วยที่หนังใส่เหตุผลตั้งแต่เริ่มเรื่อง จึงไม่รู้สึกว่ามันเวอร์เกินจริง แม้อารมณ์ของความลุ้นอาจจะไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นเพราะด้วยพล็อตสูตรสำเร็จ แต่ก็สามารถทำให้เราติดตามได้ประสาหนังแอ็คชั่นโดนจี้แบบสมัยยุค 90 ใช่ ผมพูดถึงดายฮาร์ด แต่เพิ่มเข้ามาด้วยเรื่องการเมืองที่หักมุมที่คุณจะเหมือนเดาออกว่า คนนี้ร้ายแน่ แต่หนังก็ตัดทางคุณด้วยจังหวะที่คุณคาดไม่ถึงแน่ ๆ หนังไม่ยอมอ้อยอิ่ง ยิงเป็นยิง ฆ่าเป็นฆ่า ด้วยฉากแอ็คชั่นระยะประชิดสุดตื่นเต้น มีการฆ่าที่โหดระดับเรต 18+ ซึ่งก็ค่อนข้างโหด และการเล่าเรื่องที่เหมาะสมกับการเป็นหนังที่เขียนจากหนังสือที่เขียนจากคนที่เคยเป็นทหารอีกที ด้วยฉากไล่ล่าและการตัดสินใจในเวลาอันสั้น ความยาวกว่า 2 ชั่วโมงที่เต็มอิ่ม ถ้าคุณผ่านครึ่งชั่วโมงมาได้ คุณจะเพลิดเพลินกับมันเอามาก ๆ จนจบเรื่องเลยทีเดียว

แม้หน้าหนังจะเป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ แต่ก็แฝงไปด้วยประเด็นปมของตัวละครที่น่าสนใจมากมายในสไตล์ของหนังยุโรป ตัวละครไม่แบนและมีมิติให้รู้สึกอินตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเอกอย่างทอม ในฐานะทหารที่ฆ่าศัตรูอย่างไม่ปราณีซึ่งไม่ค่อยมีหนังเรื่องไหนจะตั้งคำถามนอกจากให้ตัวละครฆ่าไปเรื่อย ๆ มีหลายช่วงที่สะท้อนมุมมองของกันและกันโดยใช้สัญลักษณ์หงส์ดำ แทนทั้งคู่ที่มีเหตุผลว่าทำไปทำไม ทำให้มันเป็นการต่อสู้ในเชิงจิตวิทยาด้วย โซเฟียที่เป็นแฟนสาวคนธรรมดาที่โดนดึงให้ตกกับลูกหลงจากการกระทำของตัวเอกในอดีต แต่ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะทำตัวน่ารำคาญแบบหนังแอ็คชั่นทั่วไป ฉลาด ใจเย็น คอยซัพพอร์ทตัวเอก แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลการกระทำของตัวเอกก็ตาม เดคลาน ที่คอยเป็นเพื่อนคู่คิดกับทอม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีมุมที่ทอมไม่เคยได้รับรู้ เคลย์เมน หัวหน้าฝ่ายรัฐบาลที่มีวาระซ่อนเร้นคอยมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ทำให้การต่อสู้ของพระเอกนั้นยากลำบากขึ้น เรียกได้ว่าแม้แต่ทีมเดียวกัน ยังไว้ใจกันแทบไม่ได้เลย อารมณ์ความตึงเครียดในภารกิจเลยจะสูงมาก ตรงที่คนนึงอยากทำอย่างนึง แต่อีกคนไม่อยากทำ เป็นความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ถูกขยายนอกเหนือจากตัวละครเอก

ประเด็นของเรื่อง มันคือการเมืองระหว่างประเทศเลยทีเดียว โดยเฉพาะชนวนที่เกิดจากเรื่องของการทำธุรกิจและการคอรัปชั่นภายในรัฐบาลที่ส่งผลกระทบต่อคนหมู่มาก และแน่นอนว่ารัฐบาลพยายามอย่างมากที่จะปิดบังและทำให้ผู้ก่อการร้ายเป็นเพียงแค่ตัวร้าย ทั้งที่ความชั่วร้ายที่แท้จริงคือพวกเขาที่ก่อขึ้นมาและทำเป็นไม่สนใจ แน่นอนว่าหนังอาจให้ภาพของการก่อการร้ายเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างกัน ทั้งในเรื่องเงิน เรื่องอำนาจ เรื่องของทรัพยากร ซึ่งเชื่อมโยงเป็นระยะ ๆ ซึ่งช่วงแรกเราอาจจะไม่เข้าใจเหมือนตัวเอก แต่เมื่อได้ดูไปเรื่อย ๆ เราก็จะรู้สึกคิดตามแล้วว่าสิ่งที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายทำที่มีเป้าหมาย มันเหมาะสมหรือเปล่า แล้วทำไมรัฐบาลถึงต้องหักหลังประชาชนเพื่อผลประโยชน์อันน้อยนิด หรือแม้แต่คนในหน่วยปราบปรามที่ดันกลายเป็นหนอนบ่อนไส้และผลกระทบที่มีต่อประเทศต่าง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งทำให้มันเป็นมากกว่าหนังแอ็คชั่น ยิงตายเป็นตายเลือดสาดเพียงแค่นั้น แต่ยังมีอะไรให้เราได้คิดเกี่ยวกับการกระทำของตัวละครในเรื่องด้วย ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์หรือผลที่ตามมาจากการกระทำนั้น ๆ

การแสดงของ แซม ฮิวจ์แมนที่สวมบทเป็นทอม นั้นยอดเยี่ยม เขาไม่ได้เป็นแค่ทหารไร้จิตใจ แต่ยังเป็นคนธรรมดาที่พยายามหาคำตอบกับชีวิตตัวเอง เขามีมุมที่น่ารัก น่าเห็นใจ โรแมนติก แต่พอปฏิบัติงานเขาก็ไม่เคยลังเลอย่างสมจริง ทั้งยิง ทั้งการต่อสู้ในระยะประชิด ด้วยความหล่อเท่แบบไม่เวอร์แบบพระเอกหนังสไตล์อเมริกันน่าจะทำให้ใครหลายคนเชื่อได้ ที่คู่มาอีกคนก็คือ รูบี้ โรส ในบท เกรซ หญิงสาวผู้นำที่ทำทุกอย่างเพื่อจุดประสงค์ ตัวละครนี้น่าสนใจเพราะด้วยเป้าหมายและแรงจูงใจที่สูง ไม่ใช่แค่ตัวร้าย แต่ยังมีมุมที่น่าเห็นใจแต่ก็ไม่น่าให้อภัย ทั้งยังสามารถปั่นหัวตัวเอกได้มากมาย ฉากแอ็คชั่นเธอทำได้ดีมาก

ฮันนาห์ จอห์น-คาเมน ในบทหมอสาวแฟนหนุ่มของทอม อาจจะไม่มีอะไรโชว์จนกระทั่งซีนอารมณ์ช่วงท้าย ซึ่งเซอร์ไพรส์มากไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย เธอแสดงออกมาได้น่าเอาใจช่วย และชวนให้ตั้งคำถามว่าเธอจะเชื่อใจทอมได้มากแค่ไหน ทอม ฮอปเปอร์ ในบทเดคลานที่ต้องสวมบทเป็นทหารนำพาทีมอย่างเคร่งเครียด แต่ก็มีมุมตลกด้วย และแอนดี้ เซอร์กีสที่มาในบทตัวกวนแทบไม่ต่างจากการแสดงทุกครั้งแต่ก็ทำให้หนังมีความน่าสนใจขึ้นด้วยการแสดงของเขานี่แหละ ดนตรีประกอบก็ระทึกเร้าใจแบบที่หนังแนวนี้ควรจะเป็นทำให้เราลุ้นตาม แต่ที่น่าเสียดายคือซีจีที่เหมือนจะไม่ได้ทุนสูงอะไร เห็นได้ชัดว่าเผาเอามาก ๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความสนุกของหนังนั้นลดลงได้เลย

สรุป 

เป็นหนังแอ็คชั่นนอกกระแสที่คนไทยไม่น่ารู้จักและคะแนนวิจารณ์ต่างประเทศไม่ดี เพราะด้วยสูตรสำเร็จและพล็อตที่อาจจะดูง่าย แต่ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจและความลุ้นระทึกพอดิบพอดี ดนตรีที่เร้าอารมณ์ และนักแสดงชั้นนำมากมายที่คุณต้องเคยเห็นผ่าน ๆ ตาจากซีรีส์และหนังโรงที่แสดงออกมาได้ดีตามบทบาท ก็เป็นอะไรที่น่าหาหยิบมาดูในตอนสุดสัปดาห์อยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าอยากจะหาอะไรที่สนุกแบบไม่คิดอะไรมาก เรื่องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณในช่วงสิ้นเดือนนี้ และหากกลัวไม่เข้าใจ เน็ตฟลิกซ์ก็มีเสียงพากย์ไทยคุณภาพระดับหนังโรงที่มีนักพากย์ไทยชั้นนำมารวมตัวกันด้วย เพราะงั้นลองเปิดใจไม่สนคนวิจารณ์ดู มันก็คงเป็นความบันเทิงในระดับหนึ่งเลยล่ะครับ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!