playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Stronghold ภารกิจทลายเครือข่ายยาเสพติดเหมือน SICARIO เวอร์ชั่นฝรั่งเศส (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์แอ็คชั่นอาชญากรรมสุดระทึก ด้วยการแสดงสุดเข้มข้น และประเด็นที่หมิ่นเหม่ศีลธรรม และมุมกล้อง การถ่ายทำที่ดึงดูดให้คนดูเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์สุดบีบคั้นในการทลายเครือข่ายยาเสพติดในระดับ SICARIO ของฝรั่งเศส แม้จะมีเนือยอยู่ในการปูเรื่องและฉากที่แอบไม่จำเป็นในช่วงแรก ก็ถือเป็นภาพยนตร์ที่ดีอีกเรื่องของฝรั่งเศสจากเน็ตฟลิกซ์เลย

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • การเล่าเรื่องที่แน่นไม่มีพล็อตโฮล
  • การแสดงที่เข้มข้นของนักแสดง
  • ตัวละครมีบทบาทความสำคัญและน่าสนใจอย่างเท่าเทียม
  • ฉากแอ็คชั่นที่มีไม่มากแต่สมจริงและลุ้นระทึก
  • เล่นกับศีลธรรมและความถูกต้องของวงการตำรวจ
  • ความดราม่าในช่วงท้ายเรื่องที่ทำออกมาได้ดีมาก และขมวดปมบทสรุปอย่างงดงาม
  • มุมกล้องที่ทำงานอย่างอยู่หมัดทั้งฉากธรรมดาและฉากภารกิจ

Cons

  • ช่วงแรกเนือยมาก บางฉากไม่จำเป็น ต้องใช้สมาธิในการดู ไม่งั้นมีหลับ
  • แอ็คชั่นมีไม่เท่าไหร่ อย่าคาดหวังฉากเท่ ๆ จากตัวละคร
  • ตัวละครบางตัวมีความสำคัญแต่บทบาทน้อยอย่างน่าเสียดาย

The Stronghold ตำรวจเหล็กมาร์แซย์ (ชื่อฝรั่งเศส : BAC NORD) ภาพยนตร์อาชญากรรมดราม่าระทึกขวัญสัญชาติฝรั่งเศส ภาพยนตร์ที่ได้รับการคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์คานน์ครั้งที่ 74 และได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากนักวิจารณ์เมื่อปี 2020 และเน็ตฟลิกซ์ได้ซื้อมาฉายในที่สุด กับการตีแผ่เรื่องราวของตำรวจฝรั่งเศสที่ไม่ได้สร้างจากเรื่องจริงแต่ผสมผสานระหว่างจินตนาการและความสมจริง กับเรื่องราวการตีแผ่ชีวิตของนายตำรวจ 3 คนในกรุงมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส ที่ชีวิตมีแต่ความล้มเหลวและเริ่มหมดไฟในการทำหน้าที่เป็นตำรวจที่ดี กระทั่งพวกเขาได้รับภารกิจครั้งสำคัญจากผู้บังคับบัญชาในการทลายเครือข่ายยาเสพติดที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล ฉายแล้วในเน็ตฟลิกซ์ ซับไทยและซาวด์แทร็คเท่านั้น

 The Stronghold (2020) on IMDb

ตัวอย่าง The Stronghold ตำรวจเหล็กมาร์แซย์

รีวิว The Stronghold

ในกรุงมาแซย์ ประเทศฝรั่งเศส ชื่อของ เกรก แอนทอน และ แยส ดูจะไม่เป็นที่รู้จักและที่ชื่นชมในหมู่ของตำรวจและประชาชนสักเท่าไหร่ พวกเขาคือตำรวจสามนายที่พยายามแทบเป็นแทบตายเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาเป็นตำรวจที่มีฝีมือและแข็งแกร่ง แม้ว่าในแต่ละคดีที่พวกเขาทำจะไม่ประสบความสำเร็จจนถูกเหยียดหยามด้วยกันเอง ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันทำให้ตำรวจสามนายที่ดูท่าจะไม่ลงรอยต้องจับมือกันทำงานท่ามกลางปัญหา กระทั่งจุดเปลี่ยนของพวกเขามาถึง เมื่อการตามล่าคนขายยาได้นำพาพวกเขาเข้าไปพัวพันกับ เอเมล หญิงเมายาปริศนาในละแวกชุมชนทางตอนเหนือของกรุงมาแซย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ตำรวจทั่วไปไม่กล้าย่างก้าวเข้าไป และเธอเป็นแหล่งข่าวเดียวของแอนทอนที่จะทำให้ทั้งสามเข้าถึงภารกิจครั้งสำคัญที่ไม่เคยมีตำรวจที่ไหนในฝรั่งเศสเคยทำมาก่อน แต่นั่นกลับนำไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ต่อชีวิต ครอบครัว ความสัมพันธ์และเกียรติยศของทั่งสามคน เมื่อผลลัพธ์ไม่ได้เป็นตามที่คาดการณ์ มีเพียงแค่การตัดสินใจอย่างเจ็บปวดเท่านั้นที่จะให้คำตอบของทุกอย่างได้

หนังเปิดเรื่องด้วยฉากสำคัญที่นำหน้าเนื้อหาในหนังไปก่อนชวนให้เราคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะตัดเข้าสู่เหตุการณ์ก่อนหน้าและพาเราไปซึมซับกับชีวิตของตัวละครทั้งสามที่ผูกโยงร่วมกันผ่านการงาน ครอบครัว ความกลัว และเกียรติยศ ซึ่งหนังจะใช้เวลาเล่าเรื่องดราม่าตรงนี้ค่อนข้างยาว อาจจะชวนให้ง่วงเล็ก ๆ แม้จะมีการวางฉากไล่ล่าและการตามจับคนร้ายแต่กว่าจะเข้าภารกิจจริง หนังก็ให้ความสำคัญกับพล็อตเรื่องเสริมประหนึ่งเกมแนว RPG ที่ตัวละครต้องทำเควสเสริมก่อนเข้าเควสหลักอะไรแบบนั้นเลย หนังให้ความสำคัญกับตัวละครต่าง ๆ นอกเหนือจากสามคนหลัก จากนั้นช่วงกลางก็จะกลายเป็นหนังอารมณ์สงครามกลางเมืองมีฉากการไล่ล่าและยิงกันแบบสมจริง  ชวนให้ลุ้นว่าภารกิจครั้งนี้จะเป็นยังไง และสิ่งที่ตัวละครทำอย่างคาดเดาไม่ได้ ก็นำไปสู่ช่วงครึ่งหลังที่แปรสภาพตัวเองเป็นหนังดราม่าบีบคั้นทางการตัดสินใจถึงศีลธรรมและความเห็นแก่ตัว ซึ่งตรงนี้ทำออกมาได้ไม่แพ้กับช่วงแอ็คชั่นเลย ทุกผลของการกระทำที่เคยเล่าไว้ในตอนต้น มันย้อนกลับมาเล่าอย่างทรงพลังและน่าเจ็บปวด จนเรียกได้ว่า นี่เป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิและความพร้อมในการดูระดับนึง เพราะช่วงแรกอาจจะทำให้คุณเฉย ๆ แต่ช่วงกลางจนท้ายมันจะทำให้คุณรู้สึกอินกับมันเอามาก ๆ ชวนให้นึกถึงหนังทลายเครือข่ายยาเสพติดเมกซิโกของเดอนี วีลเนิฟว์ ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด (Sicario)

ตัวละครหลักแม้จะมีไม่มากเท่าไหร่แต่ก็โดดเด่นและมีปมเป็นของตัวเองที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น เกรก ตำรวจเก๋าที่คาดหวังว่าตัวเองจะได้มีเกียรติยศยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากถูกเหยียดหยามมาตลอดกว่าสิบปี แยส ตำรวจหนุ่มผู้มีชีวิตและครอบครัวสุขสันต์กับ นอร่า ภรรยาผู้เป็นคนคอยรับสายเหตุด่วนของกรมตำรวจที่กำลังจะมีลูกน้อยไว้ชื่นชมหากแต่ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แอนตอน ชายหนุ่มขี้เล่น ใจร้อน และคล่องแคล่ว ผู้มีเสน่ห์แพรวพราวจนสาวต้องหลงใหล ทั้งสามเมื่อมาอยู่ร่วมกันมันเลยกลายเป็นอารมณ์ตำรวจเพื่อนที่สนิทกันแต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปซะทุกเรื่อง และต้องทำภารกิจในสภาวะที่บีบคั้นและพร้อมจะดิ่งเหวไปพร้อม ๆ กัน แถมยังสามารถเฉลี่ยให้มีความโดดเด่นโดยไม่กลบตัวละครใดตัวละครหนึ่งไป เอเบล หญิงสาวเมายาที่ต้องการกัญชาไปไว้ในครัวเรือน ผู้ที่ทั้งหวาดระแวงและมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับแอนตอน คอยเป็นคนส่งข่าวโดยแลกกับเงื่อนไขบางอย่างที่เป็นจุดชนวนสำคัญ น่าเสียดายที่บทนี้ดูน่าสนใจมากระหว่างที่ดูว่าเธอจะมีอะไรมากกว่านี้มั้ย แต่ก็ไม่มี เข้าใจว่าบทของเธอไม่สามารถเข้ามามีส่วนสำคัญได้ นอกจากคนเคยออกคำสั่งตัวละครและทำให้เธอเป็นเหมือนคนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เธอออกมาไม่ถึงสิบนาทีรวมตั้งแต่ช่วงต้น กลาง ท้ายเรื่อง น่าเสียดายมาก อยากเห็นเธอมากกว่านี้ แต่หนังก็ได้จบบทของเธอโดยไม่มีอะไรให้สานต่อ

ประเด็นของเรื่องคือ เราจะสามารถยึดมั่นระหว่างคุณธรรม หรือ การเอาตัวรอด การตัดสินใจที่บีบคั้นไม่ว่าทางไหนก็ส่งผลกระทบไม่มากก็น้อย แต่อยู่ที่ว่าเราจะเลือกแบบไหน ยังไม่พอ หนังยังมอบความทะเยอทะยานของตัวละครที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายสำคัญโดยไม่สนใจว่าจะผิดจะถูก ตัวละครต่างมีความเทาน้อยไปจนถึงเทามาก ด้วยสภาวะของเรื่องที่คนดีไม่น่าจะมีชีวิตรอด ทำให้เราต้องคอยติดตามว่าการกระทำของพวกเขามันทำให้เกิดอะไรในเรื่องราว และอาชีพวงการตำรวจอาจจะไม่ได้ดูดีหรือสวยงามแบบที่คนทั่วไปคิด มันยังมีเรื่องของการฉ้อโกงภายใน การคอรัปชั่น การยักยอกของกลางเพื่อเอาไปให้คนร้ายอีกที หรือแม้แต่กฏหมายอาจไม่ได้ใช้ได้ในทุกที่ หากมีคนมากกว่า กฏหมายก็ไม่มีค่าและมันจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมนั้นให้ไร้ศีลธรรมที่พร้อมจะเข่นฆ่ากันเพื่อให้ได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่และเกียรติยศซึ่งมันเป็นบททดสอบสำคัญที่ตัวละครในเรื่องต่างต้องพบเจอ และหนังก็ใช้มันตั้งคำถามตลอดเรื่อง ก่อนจะขมวดปมไปในที่สุด

นักแสดงทำหน้าที่ได้ดีมาก ทั้งเข้มข้น ดิบ ห่าม แบบไม่ใช่ตำรวจสายเนี้ยบ แต่เป็นสายโหดที่พ่นคำหยาบใส่กันไม่เกรงใจเพื่อน ไม่เกรงใจศัตรู แถมยังมากด้วยอารมณ์ที่หลากหลายผ่านการแสดงของทั้งสามอย่าง ฌิลส์ เลอลูช การิม เลอคลู ฟรังซัวส์ ซีวิล ในบทบาทตำรวจสามนายที่ต้องแบกรับภารกิจสำคัญไว้บนบ่า มีทั้งมุมตลก มุมห่าม ๆ ทำอะไรเสี่ยง และ มุมดราม่าที่ทำออกมาได้บีบคั้นอารมณ์ และอเดล เอ็กซาร์โคปูโลส และ เคนซา ฟอร์ตาส ในบทหญิงสองคนที่มีความสำคัญกับเรื่องรองลงมา ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับของเรื่องอย่าง เซดริก ฆิเมเนซ จาก “La French” ภาพยนตร์อาชญากรรมที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกตั้งแต่ปี 2018 มาในครั้งนี้เขาได้ใส่ความกล้าบ้าบิ่นในการเล่าเรื่องทางมุมกล้อง ในช่วงแรกหนังจะเป็นสไตล์ตำรวจตามติดตัวละคร ช่วงกลางจะกลายเป็นหนังมุมแคบกล้องติดตามตัวละครให้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น และช่วงท้ายกลายเป็นดราม่าโฟกัสที่สีหน้าและอารมณ์ของตัวละคร อาจจะไม่ใช่งานละเอียดเนี้ยบเพราะยังรู้สึกว่าบางฉากแอบแปลก ๆ แต่ก็ขึ้นชื่อแล้วว่าไม่เสียผู้กำกับสายบ้าบิ่นคนนี้

สรุป

ตำรวจเหล็กมาร์แซย์สมชื่อเรื่องเลยกับตำรวจทั้งสาม นอกจากความโดดเด่นของตัวละครที่มีความสำคัญเกือบทุกตัวละคร การเล่าเรื่องที่ต้องใช้ความตั้งใจในการติดตามแล้ว ยังสามารถวางอารมณ์ระหว่างแอ็คชั่นอาชญากรรมและโทนเรื่องดราม่าให้สอดคล้องกันโดยไม่รู้สึกว่าผิดบริบทหรือโดดจากอารมณ์อื่น ด้วยการแสดงคุณภาพของนักแสดง และฉากเแอ็คชั่นเสี่ยงตายที่เข้มข้นแม้จะไม่ได้เป็นจุดขายสำคัญ แต่การแสดงของนักแสดงทั้งหมดก็ทำให้หนังกลายเป็นมากกว่าแค่หนังอาชญากรรมธรรมดาที่ชอบเล่าเรื่องเท่ ๆ ของตำรวจที่ทำภารกิจอย่างสำเร็จโดยไม่รับผลกระทบ ให้เป็นเรื่องด้านมืดของการทำงานในกรมตำรวจและขยี้มันออกมาด้วยบทสรุปที่แสนปวดใจ ถือเป็นหนังดีจากเน็ตฟลิกซ์ที่ขอแนะนำให้ดูกันหากอยากดูหนังแนวเข้มข้น เรื่องนี้คือคำตอบที่ดีมากในช่วงวันหยุดครับ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!