playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

ไม่อยากให้วอลรัสตกหน้าผาต้องทำยังไง มาดูวิธีลดโลกร้อนช่วยถ้าสงสารน้อง

เร็วๆ นี้ถ้าใครดูสารคดีทาง Netflix รายการ Our Planet ก็ต้องได้เห็นฉาก “วอลรัสตกหน้าผา” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจอย่างมาก หลายๆ คนในอินเทอร์เน็ตถึงกับเศร้าใจออกมาโวยวายว่าทำไมคนถ่ายไม่ไปช่วยเลยทีเดียวเชียว แต่จริงๆ แล้วรู้หรือไม่ว่าพวกเราสามารถช่วยวอลรัสได้จริง ด้วยการลดโลกร้อน

วอลรัสตกหน้าผา ฉากแบบเบื้องหลังการถ่ายทำ เตือนคนรักสัตว์ เศร้าจริงๆ นะ

เหตุผลที่วอลรัสพากันปีนหน้าผาก็เพราะว่าแผ่นน้ำแข็งที่น้องๆ อาศัยอยู่ประจำนั้นละลายหายไป วอลรัสจำเป็นต้องปีนหน้าผาไปอยู่ข้างบนแทน ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะปัญหาโลกร้อน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่แค่วอลรัสตกหน้าผาเท่านั้น สัตว์ชนิดอื่นๆ ก็ต่างเดือดร้อนจากโลกร้อนด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์เอง เมื่อสิ้นปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์จาก U.N. ถึงกับประกาศว่าเรากำลังอยู่ ณ “Point of No Return” หรือปากเหว เรามีเวลาแก้ไขปัญหานี้อีกแค่ 10 กว่าปีเท่านั้น ถ้าเกินหลังจากนี้โลกจะเสียหายจนกู่ไม่กลับ ร้อนขึ้นถาวร และถึงขั้นตายหมู่กันทั้งโลก

ทีนี้ คนธรรมดาทั่วไปอย่างเรามาดูกันคร่าวๆ ซิว่า เราจะสามารถช่วยลดโลกร้อนยังไงได้บ้าง เรียงจากเบสิกไปถึงขั้นลำบากชีวิต

ลดโลกร้อน ช่วยชีวิตสัตว์ขั้วโลก
ลดโลกร้อน ช่วยชีวิตสัตว์ขั้วโลก

1. ลดการใช้ถุงพลาสติก ข้อนี้ง่ายๆ พื้นๆ หาอ่านเรื่องลดโลกร้อนที่ไหนก็มีข้อนี้ แต่มันเกี่ยวกันยังไงกันแน่

เริ่มตั้งแต่การผลิต อุตสาหกรรมไหนๆ ก็ต้องปล่อยก๊าซคอร์บอนไดออกไซต์จากโรงงานกันทั้งนั้น ยิ่งใช้มาก ยิ่งผลิตก๊าซคาร์บอนมาก ถุงพลาสติก 30 ล้านใบ ต้องใช้น้ำมันถึง 12 ล้านบาร์เรล ในการผลิต

ต่อมาคือหลังการใช้ พลาสติกเป็นวัสดุที่ย่อยได้ยากมากๆ ใช้เวลาสูงถึง 450 ปี ถ้าทิ้ง ไม่ว่าจะทิ้งเป็นที่เป็นทางหรือไม่ ตัววัสดุก็สามารถเปื่อยหรือขาดออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วไปติดไปฝังอยู่ในดินหรือในน้ำได้ เกิดเป็นปัญหาขยะปัญหามลภาวะอีก สร้างกลิ่นเหม็น ไปเบียดเบียนสัตว์น้ำสัตว์ทะเล ถึงขั้นเข้าไปติดอยู่ตามร่างกายหรือกินเข้าไปโดยไม่รู้เรื่อง คร่าชีวิตสัตว์ไปหลายพันหลายหมื่นชีวิตแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยสารพิษไดออกซิน ซึ่งเป็นสารเบี่ยงเบนเพศ ออกมาปนเปื้อนสัตว์ในธรรมชาติและแหล่งอาหารได้ด้วย

แม้กระทั่งตอนอยู่ปกติ นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะค้นพบกันว่า เพียงแค่โดนแสงแดดส่องเท่านั้น พลาสติกก็สามารถคายก๊าซมีเทนและก๊าซเอทิลีนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกได้แล้ว ถ้าคิดจะเผายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะฉะนั้น ถ้าลดการใช้พลาสติกได้ก็ควรลดเสีย หรือเลิกไปเลยก็ดี ใช้ถุงผ้าแทน แค่ใช้หลอดให้น้อยลงก็ยังดี

ปัญหาขยะและพลาสติก | รูปจาก AP
ปัญหาขยะและพลาสติก | รูปจาก AP

2. ประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น อีกข้อง่ายๆ พื้นๆ ที่ทำได้ง่ายมากๆ

สาเหตุที่การใช้พลังงานทำให้โลกร้อนก็เหมือนกับอุตสาหกรรมทั่วไป นั่นคือ การผลิต โรงงานไฟฟ้าก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนกัน จริงอยู่ว่าโลกเรามีพลังงานทดแทน แต่ยังไงก็ต้องมีการปล่อยก๊าซมีเทนอยู่ดี แม้กระทั่งโรงงานไฟฟ้าพลังงานน้ำ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าจริงๆ แล้วเขื่อนไม่ใช่พลังงานสะอาดอย่างที่คิด พืชและสัตว์น้ำที่เน่าตายอยู่ในเขื่อนสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ออกมาได้ ยิ่งอยู่ในเขตร้อนก็ยิ่งปล่อยมาก ในบางแห่งพูดได้ว่าปล่อยออกมามากกว่าโรงงานไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลด้วยซ้ำ

นอกจากนี้โลกยิ่งร้อนภูมิประเทศก็ยิ่งแห้งแล้ง ยิ่งแห้งแล้งเขื่อนก็ยิ่งผลิตพลังงานได้น้อยลง ทำให้สุดท้ายต้องหันไปใช้โรงงานไฟฟ้าแบบเก่าๆ กลายเป็นการขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปอีก ดังนั้น ถ้าประหยัดไฟประหยัดน้ำได้ก็ควรทำ แล้วอย่าลืมหันไปใช้หลอด LED ด้วย ประหยัดไฟกว่าสว่างกว่านะ

การตัดสินใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเป็นพลังงานที่สะอาดมากกว่า และเริ่มมีราคาเอื้อมถึงได้ง่ายมากขึ้น แถมยังสร้างรายได้ได้ด้วย

โรงงานไฟฟ้าปล่อยก๊าซ
โรงงานไฟฟ้าปล่อยก๊าซ

3. ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ข้อนี้คาบเกี่ยวกับข้อที่ 2 เพราะอย่าลืมว่ายิ่งใช้ไฟฟ้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเผาไหม้เชื้อเพลิงมากขึ้นเท่านั้น

ถึงแม้การประหยัดไฟจะเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่การประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า และยากกว่า เพราะปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้นร้ายแรงกว่ามากและเกิดขึ้นโดยตรง เพียงแค่พยายามใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น เดินทางน้อยลง ช็อปแถวบ้าน หมั่นเช็คสภาพรถยนต์ตัวเอง (เพราะรถเก่ารถเสียปล่อยควันเยอะมาก) ใช้เตาไฟฟ้าแทนเตาแก๊ส เท่านี้ก็ช่วยได้แล้ว

ถ้าใครไหว ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฮบริดหรือไฟฟ้าไม่ใช่ตัวเลือกไกลตัวอีกต่อไป ในประเทศไทยปีนี้หาซื้อได้ตั้งแต่ราคาไม่ถึงล้านไปจนถึงเกือบสิบล้านบาท เป็นตัวเลือกที่ช่วยได้มากเพราะรถยนต์ประเภทนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าหลายเท่า แถมแบตเตอรี่ EV ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและนำไปใช้ต่อด้านอื่นได้หลังหมดอายุการใช้งานกับรถยนต์ และบางทีการหันมาใช้เท้าเดินหรือปั่นจักรยานก็เป็นอีกวิธีที่เข้าท่า โดยเฉพาะยามเดินทางไปไหนใกล้ๆ นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วยังประหยัดค่าเดินทางประหยัดเวลาบนท้องถนนอีกด้วย

Fomm One 599,900 บาท (Motor Show 2019)
Fomm One 599,900 บาท (Motor Show 2019)

4. สนับสนุนและอุดหนุนบริษัทกับองค์กรที่ดำเนินกิจการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ

เพราะการดำเนินธุรกิจล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานและขยะ ตั้งแต่ผลิต ขนส่ง ไปจนถึงตัวสินค้าหลังหมดอายุการใช้งาน แล้วนโยบายของแต่ละบริษัทก็ไม่เหมือนกัน บางเจ้าเป็นธุรกิจที่สร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ แต่บางธุรกิจเหล่านี้ก็ยังมีมาตรการลดปริมาณก๊าซในการทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งรวมไปถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของตัวสินค้าเองด้วย บางองค์กรถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมโดยตรง

โหวตด้วยกระเป๋าเงินของคุณ ถ้าธุรกิจสีเขียวโตขึ้นกว่าธุรกิจอื่น ธุรกิจอื่นย่อมต้องหันมามองและเลียนแบบ เป็นธรรมดาของโลกธุรกิจ การส่งเสียงทางโซเชียลมีเดียก็เป็นตัวกดดันได้ดีในยุคนี้ โดยเฉพาะกับเอกชน

เราอาจจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แอร์กับน้ำยาแอร์รุ่นใหม่ เลือกใช้สินค้าที่รีไซเคิลได้ นำกลับมาใช้ซ้ำได้ (เหมือนกับถุงผ้าในข้อแรก) หรือแม้กระทั่งไปบริจาคให้องค์กรการกุศลต่างๆ ทางสิ่งแวดล้อมก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสามารถช่วยลดโลกร้อนได้ เช่น งดรับใบปปลิวหรือจดหมายแจ้งหนี้ให้น้อยลง เพราะพวกนี้เป็นการใช้กระดาษที่สิ้นเปลืองอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ สนับสนุนการปลูกต้นไม้ หรือจะพากันไปปลูกเองเลยยิ่งดี

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ก็จัดอยู่ในข้อนี้ เพราะนอกจากจะเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดกว่าและสร้างรายได้แล้ว ยังเป็นเสียงสนับสนุนส่งถึงผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างอ้อมๆ ให้หันมาสนับสนุนพลังงานสะอาดด้วย

ธุรกิจต่างๆ กับการงดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ | รูปจาก Fortune
ธุรกิจต่างๆ กับการงดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งเยอะยิ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม | รูปจาก Fortune

5. กินให้น้อยลง!

รู้หรือไม่ อุตสาหกรรมที่สร้างก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก คือ อุตสาหกรรมอาหาร เพราะอาหารเป็นปัจจัยสำคัญของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตกินกันทุกวัน ยิ่งกินก็ยิ่งผลิต กินเยอะก็ผลิตเยอะ สร้างเป็นก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาล นักวิจัยพบว่าบางบริษัทผลิตก๊าซมากกว่าอุตสาหกรรมน้ำมันซะอีก

นอกจากนี้ชนิดอาหารที่กินก็เกี่ยว เนื้อสัตว์เป็นภัยกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเนื้อแดง เพราะนอกจากก๊าซเรือนกระจกที่มาจากด้านธุรกิจแล้ว ตัวสัตว์เคี้ยวเอื้องเองยังสามารถสร้างก๊าซมีเทนจากการกินขุนตัวเองได้ ด้วยการตดและเรอออกมา ยิ่งมีความต้องการเนื้อแดงมากก็ยิ่งต้องเลี้ยงมากขุนมาก นี่ยังไม่นับตอนที่ตายหรือโดนเชือดซึ่งจะปล่อยก๊าซที่เหลือในร่างกายออกมาอีกนะ จากการวิจัยพบว่าแกะเป็นสัตว์ที่ปล่อยก๊าซออกมามากที่สุด วัวเป็นอันดับสอง และหมูเป็นอันดับสี่

การกินผักดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าพืชจะไม่ปล่อยก๊าซ แต่ก็น้อยกว่าหลายเท่าตัวมากๆ หรือจะอุดหนุนอาหารออร์แกนิคก็ดี เพราะฟาร์มออร์แกนิคมีกรรมวิธีการเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชที่สะอาดกว่า ตั้งแต่สถานที่เลี้ยงสัตว์ไปจนถึงปุ๋ยที่ใช้ปลูกพืช หรือเอาขั้นสุด ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ทำกินเองไปเลย แต่ไม่ว่าจะยังไง ห้ามกินเหลือ ห้ามกินทิ้งขว้าง อาหารที่เน่าเสียจะทำให้เกิดก๊าซมีเทนจากการกระทำของแบคทีเรีย อีกทั้งการฝังกลบก็ไม่ใช่วิธีทำลายเศษอาหารที่ถูกต้อง เพราะมันจะไม่ย่อยอยู่ในดิน มันจะเน่าอยู่อย่างนั้น แบคทีเรียยิ่งอร่อย ยิ่งปล่อยก๊าซมีเทนซึมดินขึ้นมาได้เยอะ สกปรกสร้างเชื้อโรคสร้างกลิ่นเหม็นปนเปื้อนดินไปอีก

แต่ถ้าจะให้พอดีชีวิตที่สุด “กินให้พอดี” ก็พอ เอาให้แค่พออิ่ม ไม่ต้องอัดเยอะ ไม่ต้องบริโภคเกินตัว นอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ยังเป็นผลดีต่อร่างกายไม่อ้วนด้วยนะ

แผนภูมิการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของสัตว์แต่ละชนิด
แผนภูมิการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของสัตว์แต่ละชนิด

ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 5 ข้อ ที่มองแบบกว้างๆ เป็นวิธีช่วยลดโลกร้อน ไม่ให้น้องวอลรัสตกหน้าผา และช่วยสัตว์เผ่าพันธุ์อื่นๆ กับมนุษย์เราเองให้อยู่รอดต่อไปได้บนโลกใบนี้ในอนาคต จะเห็นได้ว่าทุกๆ อย่างเชื่อมโยงกันหมด ทั้งการอยู่ การกิน การใช้พลังงาน การทำมาหากิน กิจกรรมในชีวิตประจำวันอื่นๆ ทุกอย่างล้วนเป็นลูกโซ่สร้างก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น ที่น่ากลัวก็คือ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีเทคโนโลยีเอาก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ออกมาจากชั้นบรรยากาศโดยตรง (แต่กำลังคิดค้นกันอยู่) แต่ก๊าซเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นทุกๆ วินาที! จากเงื้อมมือของสิ่งมีชีวิตบนโลกทุกชีวิต!

เราไม่ต้องถึงขนาดหักดิบหักโหมแบนนู่นแบนนี่จนเศรษกิจพากันล่มสลาย หรือไปถึงขั้นห้ามมีลูกเพื่อลดปัญหาจำนวนประชากรที่จะเกิดมาใช้ทรัพยากรโลก แต่ถ้าเราช่วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงตัวเอง พร้อมทั้งพากันส่งเสริม (หรือลงมือเอง) ปลูกต้นไม้สร้างป่าสีเขียว ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการฟอกอากาศและช่วยกำจัดก๊าซเรือนกระจกออกจากชั้นบรรยากาศ เท่านี้โลกก็ปลอดภัยเป็นบ้านให้พวกเราต่อไปได้แล้ว

วอลรัสตกหน้าผา | ลดโลกร้อน
วอลรัสตกหน้าผา | ลดโลกร้อน

Credits: Washington Post, VOA News, Yale Climate Connections, Sustain Europe, Sustainability Times, Carbon Footprint, EURACTIV, Green Eatz

อ่านข่าวด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!