playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

เหลียงเฉาเหว่ย เข้าสู่จักรวาลหนังมาร์เวล “โทษที ผมเป็นแมนดาริน”

“เหลียงเฉาเหว่ย” ดารายอดนิยมชาวฮ่องกงและของเอเชีย ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี จากการแสดงมากมายหลายบทบาท และอยู่ในวงการบันเทิงมาเกือบ 40 ปี ตอนนี้ชื่อของเขากำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วเอเชียและทั่วโลกอีกครั้งเมื่อเขากำลังจะเข้าสู่จักรวาลภาพยนตร์ของ “มาร์เวล”

โดย เหลียงเฉาเหว่ย จะเข้ามารับบทบาทเป็น “แมนดาริน” ตัวร้ายในภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลเฟส 4 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น จากเรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ซึ่งการประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นในงาน San Diego Comic Con 2019 ซึ่งเป็นการเปิดโฉมหน้านักแสดงในภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เฟส 4 ของ จักรวารมาร์เวล หรือที่แฟน ๆ เรียกกันว่า MCU

ที่สำคัญคือ นี่จะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดัดแปลงจากคอมิคอเมริกินเรื่องแรกของโลก ที่ใช้ตัวละครหลักเป็นชาวเอเชีย และเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จากเอเชียด้วย

 mandarin แมนดาริน
เหลียงเฉาเหว่ย หรือ Tony Leung

รู้จักกับ เหลียงเฉาเหว่ย

เหลียงเฉาเหว่ย หรือ โทนี่เหลียง (Tony Leung) ซุปเปอร์สตาร์เอเชีย เขาได้ผ่านการแสดงและรับบทบาทพระเอกในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จำนวนมาก

ส่วนมากแล้วบทบาทที่คนไทยคุ้นเคยกัน มาจากละครโทรทัศน์ที่สร้างจากนิยายกำลังภายในชื่อดังอย่างเช่น ดาบมังกรหยก อุ้ยเสี่ยวป้อ เซียวฮื้อยี้ รวมถึงผลงานละครจีนย้อนยุคฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่อง เช่น ขุนศึกตระกูลหยาง ศึกลำน้ำเลือด ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานสร้างของบริษัท TVB ในยุค 80-90 ก่อนที่จะหมดสัญญากับทางค่ายในต้นยุค 90 แล้วหันไปแสดงภาพยนตร์เป็นหลัก

ในส่วนของภาพยนตร์ เขามีผลงานครั้งแรกในเรื่อง The Lunatics เมื่อปี 1986 แต่สำหรับผลงานสร้างชื่อเสียงโดดเด่นช่วงแรกในเอเชีย ได้แก่เรื่อง Bullet in the Head (กอดคอกันไว้อย่าให้ใครเจาะกะโหลก) ในปี 1990 กับ A Chinese Ghost Story 3 (โปเยโปโลเย ภาค 3) ในปี 1991 รวมถึง Ashes of Time (มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ) และ The Chucking Express (ผู้หญิงผมทอง หัวใจฟัดโลก) ในปี 1994 ซึ่งผลงานเรื่องหลังนี้ ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นก็ยังมีผลงานอีกมากมายตามมานับไม่ถ้วน โดยร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง จอห์นวู ใน สามก๊ก (Red Cliff) ภาค 1 และภาค 2

เหลียงเฉาเหว่ยยังได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงคู่บุญผู้กำกับ “หว่องกาไว” เจ้าพ่อแห่งความติสต์ เหงา ซึ้ง ซึ่งมีผลงานกำกับชื่อดังมากมาย เช่น Ashes of Time, The Chucking Express, Happy Together, In the Mood for Love และ หนังยิปมันฉบับติสต์แตกที่ต้องใช้เวลาสร้างถึง 10 ปีอย่าง The Grandmaster

ในอดีต เหลียงเฉาเหว่ยยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 5 พยัคฆ์ TVB ที่ประกอบด้วยซุปเปอร์สตาร์ชายมาแรงในยุคนั้น ได้แก่ หลิวเต๋อหัว หวงเย่อหัว เหมียวเฉียวเหว่ย ทังเจิ้นเยี่ย

2 คม 2 คม “โทษที ผมเป็นตำรวจ”

ประโยคคลาสิกจากภาพยนตร์ฮ่องกงฟอร์มยักษ์ “The Infernal Affairs” หรือในชื่อไทยคือ “2 คน 2 คม” ถือว่าเป็นผลงานฟอร์มยักษ์จากฮ่องกงเรื่องสุดท้ายที่สามารถรวมเอานักแสดงซุปเปอร์สตาร์มากฝีมือแทบทั้งวงการมาประชันบทบาทกัน รวมกับโปรดักชั่นที่เรียกได้ว่าอลังการงานสร้าง ทั้งการตัดต่อ บทภาพยนตร์ เพลงประกอบ รวมถึงการแสดงขั้นเทพทั้งจากนักแสดงนำของเรื่องที่ต้องมารับบทเชือดเฉือนกันอย่าง หลิวเต๋อหัว และ เหลียงเฉาเหว่ย ซึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมารวมเป็นชุดไตรภาค

สำหรับบทของเหลียงเฉาเหว่ยในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ เหยิน ทายาทของกลุ่มมาเฟียฮ่องกงที่ไม่ต้องการสืบทอดกิจการครอบครัว แต่ไปสมัครเข้าโรงเรียนตำรวจ แล้วถูกให้ออกจากโรงเรียนก่อนจะจบ เพราะได้รับภารกิจลับคือไปเข้ากลุ่มมาเฟียเพื่อเป็นสายสืบให้ทางตำรวจ ซึ่งไม่มีใครในกรมเลยที่รู้ความลับนี้นอกจากสารวัตรที่ส่งเหยินเข้าไปเท่านั้น ในขณะที่ฝั่งมาเฟียเองก็ส่ง หมิง ที่แสดงโดย หลิวเต๋อหัว ให้เข้าไปเป็นสายในกรมตำรวจ ทั้งสองฝั่งทำผลงานไต่เต้าจนมีตำแหน่งระดับสูงในองค์กรที่ตนเองเข้าไปเป็นสาย ก่อนที่จะต้องมาประจันหน้ากัน

ส่วนไดอาล็อคสุดคลาสสิก ที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในมีมดังมานานกว่า 15 ปี คือ บทสนทนาในตอนท้ายที่ เหยิน (เหลียงเฉาเหว่ย) สามารถตลบหลังกวาดล้างพวกมาเฟียได้แล้ว แต่เขามาจับได้ว่าที่จริงแล้ว หมิง (หลิวเต๋อหัว) ซึ่งเป็นนายตำรวจที่รู้ความลับของเขา ที่จริงแล้วก็เป็นสายของมาเฟียที่เหลืออยู่ จึงขึ้นไปเผชิญหน้ากันบนดาดฟ้า เมื่อหมิงต้องการที่จะบอกว่า เขาต้องการกลับตัว แต่คำตอบของเหยินก็คือ

[bs-quote quote=”โทษที ผมเป็นตำรวจ” style=”default” align=”left” author_name=”เหยินในบทสายลับตำรวจ ” author_job=”เหลียงเฉาเหว่ย ” author_avatar=”https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2019/07/Screen-Shot-2562-07-25-at-18.34.52.jpg”][/bs-quote]

 

เป็นการปฏิเสธที่จะเห็นใจอีกฝ่าย เพราะหน้าที่ของเขา ในฐานะตำรวจ คือการจับคนชั่ว

ผลงานเรื่องนี้ ยังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลเกียรติยศใหญ่สุดของโลกภาพยนตร์ในตะวันตกอย่างรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม แม้ว่าจะพลาดไป ต่อมาทางฮอลลีวูดจึงได้ขอซื้อลิขสิทธิ์ไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Departed ได้ผู้กำกับมาติน สกอเซชีส์ และลีโอนาโด ดิคาปริโอ และได้รางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ไปครอง

ตลกร้ายของเรื่องนี้ก็คือ ภาพยนตร์ต้นฉบับอย่าง The Infernal Affairs กลับไม่ได้รางวัลออสการ์ ในขณะที่ฉบับรีเมกของฮอลลีวูดกลับได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเสียงวิจารณ์พอสมควร ทั้งจากฮ่องกงและจากฝั่งตะวันตกเอง ถึงขนาดที่ในชั้นเรียนภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยบางแห่งมีการทำคลิปเปรียบเทียบซีนสำคัญของหนังสองฉบับนี้ด้วย

ถ้าใครยังไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง 2 คน 2 คม ลองหามาดูกันครับ เพราะนี่คือสุดยอดหนังฮ่องกง  แนวตำรวจ-เจ้าพ่อ ที่ดีที่สุดอันดับต้นๆเท่าที่เคยสร้างกันมาในโลกเลย

คลิปเพลงประกอบ OST จากเรื่อง 2 คน 2 คม

 

นักแสดงจีนที่ไม่ต้องเป็นกังฟูเสมอไป

ในสมัยก่อน ดูเหมือนจะเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งสำหรับนักแสดงเอเชีย โดยเฉพาะจากฮ่องกง หรือ จีนแผ่นดินใหญ่ ที่จะเข้าไปโกอินเตอร์ในฮอลลีวูดได้นั้น จะต้องมีทักษะเรื่อง “กังฟู” ติดตัว หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไม่ได้เข้าไปเพราะความสามารถทางการแสดงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าไปเล่นบทบู๊ด้วยตัวเองได้

ซึ่งแนวทางนี้ อาจกล่าวได้ว่า “บรู๊ซลี” ปรมาจารย์วิชาจิตคุนโด ได้เข้าไปกรุยทางเอาไว้ จากบทบาทในละครโทรทัศน์เรื่อง The Green Hornet ตามด้วย Kung Fu และดังระเบิดขึ้นไปด้วย Enter the Dragon ซึ่งเจ้าตัวเป็นผู้กำกับเอง

ต่อมา เฉินหลง หรือ Jackie Chane ก็เข้ามาไปจุดกระแสนี้ต่อ แต่ปรับเปลี่ยนแนวทางมาเน้นคอเมดี้ และการใช้กังฟูที่อาศัยสิ่งของรอบตัว ปนกับกังฟูที่ผสมผสานความจริงจังและความตลกมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าไปรับบทนำใน Rush Hour ถือได้ว่าเป็นหนังฮอลลีวูดที่มีนักแสดงฮ่องกงเป็นตัวนำแล้วประสบความสำเร็จถล่มทลายครั้งแรก

แต่ด้วยแนวทางแบบนี้ ก็เลยทำให้ค่ายหนังฮอลลีวูด ไปติดภาพกับการที่ นักแสดงจากฮ่องกงและจีน ต้องมีกังฟูเข้าไปเล่นด้วย ซึ่งคนที่ตามเข้าไปแล้วประสบความสำเร็จในฮอลลีวูดรองจากเฉินหลงก็คือ หลี่เหลียงเจี๋ย หรือ Jet Li โดยเริ่มจากบทตัวร้ายใน Lethal Weapon 4

ช่วงนั้น ก็มีนักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์จากฮ่องกงอีกคนที่เข้าไปโกฮอลลีวูด แต่เป็นแนวทางแบบ “ฝีมือการแสดงบทดราม่าล้วน ๆ” ไม่ได้ไปพร้อมกับฝีมือกังฟู นั่นคือ โจวเหวินฟะ ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในโลกฮอลลีวูดเท่าไรนัก แม้ว่าในแง่พลังการแสดง เจ้าตัวถือว่าทำได้ดีก็ตาม

เหลียงเฉาเหว่ย ก็อยู่ในข่ายเดียวกับ โจวเหวินฟะ ถึงแม้ว่านักแสดงฮ่องกงจากยุค 80-90 จะมีการเทรนวิชากังฟูมาบ้าง เพราะเป็นเสมือนเรื่องบังคับของนักแสดงฮ่องกงยุคนั้น แต่คนที่เป็นนักกังฟูจริง ๆ ถึงระดับเดียวกับ บรู๊ซลี เฉินหลง เจ็ตลี ดอนนี่เยน แล้วยังแสดงบทนำได้ดี ก็ถือว่ามีไม่มากนัก ดังนั้นเส้นทางที่จะโกอินเตอร์ของเหลียงเฉาเหว่ย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่กลายเป็นว่า เมื่อตอนนี้จีนกลายเป็นมหาอำนาจ และเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง จีนกลายเป็นตลาดใหญ่ที่ตะวันตกต้องการเข้ามาเจาะ หลังจากค่ายหนังทั่วโลกเห็นภาพยนตร์บางเรื่องที่เข้าไปเจาะตลาดจีนแล้วโกยเงินมาได้แล้ว เส้นทางของนักแสดงจากจีนและจากฮ่องกงก็ดูเหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้น อย่างเช่นในเวลานี้ที่ หลิวอี้เฟย ได้เข้าไปรับบทนำเป็น มู่หลาน ในเรื่อง Mulan ซึ่งทาง Disney รีเมคฉบับคนแสดง ก็เป็นเรื่องที่ถูกคาดหวังกันว่าเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จและโกยเงินในตลาดจีนได้

แมนดาริน

ที่จริงแล้ว ตัวละครแมนดาริน ควรจะต้องออกมาโลดแล่นในภาพยนตร์ของมาร์เวลตั้งแต่เฟส 2 เพราะถูกกำหนดให้เป็นตัวร้ายหลักในหนัง Ironman 3 แต่ในเรื่องกลับกลายเป็นว่า ตัวละครแมนดารินเป็นตัวร้ายที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา ในตอนนั้นตัวหนังก็ได้รับเสียงวิจารณ์ไม่น้อยจากฝั่งแฟนคอมิค เพราะแมนดารินถือว่าเป็นตัวร้ายประจำตัวหนึ่งในคอมิคของ Ironman

มารอบนี้ ตัวละครแมนดาริน ก็คงจะได้โลดแล่นและแสดงพลังอย่างเต็มที่ เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Shang-Chi ซุปเปอร์ฮีโร่สายพันธุ์เอเชียของมาร์เวลจะออกมาขยายจักรวาลหนังในเฟส 4 ซึ่งตัวแมนดารินก็จะเป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง ที่มาพร้อมกับ พลังเวทมนต์ของแหวนสิบวง การเลือกเหลียงเฉยเหว่ยมาเล่นบทบาทนี้ ก็อาจจะทำให้เจ้าตัวสามารถเข้ามาแจ้งเกิดในโลกฮอลลีวูด และอาจจะได้รับบทบาทตัวนำหรือตัวหลักในฮอลลีวูดได้มากขึ้นอีกในอนาคต

เหลียงเฉาเหว่ย หลิวเจียหลิง
เหลียงเฉาเหว่ย หลิวเจียหลิง

ชีวิตรักหวานชื่น

ในปีก่อนหน้านี้ เรื่องของเหลียงเฉาเหว่ย ก็ถูกนำมากลับมาพูดถึงในแง่ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น เนื่องจากมีคดีเก่าที่ หลิวเจียหลิง นักแสดงหญิงชื่อดังระดับดาวค้างฟ้าและภรรยาของเขาที่ทั้งสองได้แต่งงานและอยู่กินกันมา 10 กว่าปี เคยถูกพวกมาเฟียฮ่องกงลักพาตัวและแบล็กเมล์มาก่อนเมื่อยุค 90 (ดาราฮ่องกงในอดีตเคยเจอกรณีนี้มาแล้ว เช่น หลิวเต๋อหัว ที่เคยมีข่าวว่าถูกแบล็กเมล์เช่นกัน หรือกรณีของ หลันเจี๋ยอิง ดาราสาวที่ชีวิตดิ่งลงจนกระทั่งเสียชีวิต)

แต่หลิวเจียหลิงก็ออกมาประกาศให้อภัยพวกมาเฟียที่เคยทำกับเธอ ซึ่งเหลียงเฉาเหว่ยก็ยังคงอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดแม้แต่ในช่วงที่มีมรสุมชีวิตอย่างหนัก และทุกวันนี้ก็ยังคงหวานชื่นกันอยู่นั่นเอง

 

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

 

อ้างอิงบทความ เหลียงเฉาเหว่ยเข้าสู่จักรวาลมาร์เวล จาก

South China Morning Post เหลียงเฉาเหว่ยแสดงเป็นแมนดาริน

มาร์เวลเผยนักแสดงแมนดารินคือเหลียงเฉาเหว่ย 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!