playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Finch Apple TV+ หนังทอมแฮงค์ เรื่องของคน หุ่นยนต์ สุนัข ในโลกอนาคตที่ล่มสลาย

สรุป

หนัง ทอม แฮงค์ ที่ทำออกมาสนุกในระดับกลาง แต่ก็น่าประทับใจ สำหรับเซตติ้งไซไฟโลกอนาคตที่ล่มสลาย เน้นที่การเดินทางร่วมกันสั้นๆของ มนุษย์ หุ่นยนต์ และสุนัข

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • การแสดงของ ทอม แฮงค์ ไม่เคยผิดหวัง
  • โปรดักชั่นดีมาก โดยเฉพาะตัวหุ่นยนต์เจฟฟ์
  • แคสติ้งน้องสุนัขมาดีมาก
  • เหมือนดูหนัง Cast Away เวอร์ชั่นโลกล่มสลาย ด้วยฟีลแบบหนังดิสนีย์+พิกซาร์

Cons

  • ความเป็นแอ็กชั่น ไซไฟ ทริลเลอร์ มีน้อยเกินไป
  • เซตติ้งโลกมาดีแต่ใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่
  • ช่วงท้ายเรื่องเดินเนือยมาก

Finch Apple TV+ รีวิว หนังไซไฟ โลกอนาคตที่ล่มสลาย ได้นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่รางวัลออสการ์อย่าง ทอม แฮงค์ มารับบทแสดงนำ ในเรื่องราวการเดินทางของ มนุษย์ หุ่นยนต์ และสุนัข

หนังมีความยาว 1 ชม. 55 นาที รับชมได้เลยใน Apple TV+

ตัวอย่าง Finch Apple TV+ Trailer

Finch เรื่องย่อ

เรื่องราวในโลกอนาคตที่ล่มสลาย เพราะชั้นโอโซนถูกทำลาย ทำให้รังสียูวีสาดส่องทะลุเข้ามาเต็มที่ แล้วส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ พืช ทั้งหมด รวมถึงสภาพภูมิอาการแปรปรวนด้วย โดยเรื่องจะบอกเล่ามุมมองของ ฟินซ์ (นำแสดงโดย ทอม แฮงค์) ที่ใช้ชีวิตอยู่กับสุนัขแสนรู้ กู้ดเยียร์ ได้ออกไปค้นพบซากหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ตัวหนึ่งจึงนำกลับมาซ่อมแซม เมื่อมันตื่นขึ้นมาจึงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ แล้วใช้ชื่อว่า “เจฟฟ์” จากนั้นมันก็กลายเป็นคู่หูร่วมทางไปพร้อมกับ ฟินซ์และกู้ดเยียร์ เพื่อออกเดินทางไปในโลกที่ล่มสลาย โดยมีเป้าหมายคือ สะพานโกลเดนเกต ซึ่งก็ไม่ร่าว่าจะยังหลงเหลือสภาพเดิมหรือไม่

แต่ที่จริงแล้วการเดินทางครั้งนี้เป็นการนับถอยหลังในชีวิตของฟินซ์ เพราะเขารู้ตัวว่ากำลังจะตายจากอาการป่วยเพราะสภาพอากาศที่เลวร้าย ดังนั้นจึงต้องปลุกหุ่นยนต์เจฟฟ์ขึ้นมาแล้วใช้เวลาที่เหลือสั้นๆเพื่อถ่ายทอดบทเรียนให้กับมันได้เรียนรู้แล้วหวังให้มันเข้ากันได้กับ กู้ดเยียร์ สุนัขแสนรู้ของเขา เพื่อให้มันได้อยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลสุนัขของเขาต่อไปหลังจากเขาตายไปแล้วนั่นเอง นี่จึงเป็นการเดินทางในเวลาไม่กี่วันระหว่าง มนุษย์ หุ่นยนต์ และสุนัข ที่ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันในโลกอนาคตที่ล่มสลายไปแล้ว

Finch Apple TV+ รีวิวFinch รีวิว

ขึ้นชื่อว่าหนัง ทอม แฮงค์ การันตีมานานกว่า 40 ปีแล้วว่า แทบไม่มีคำว่าหนังห่วย เพราะหนังเกือบทั้งหมดของเขาเป็นหนังคุณภาพดี ระดับชิงรางวัล บางเรื่องก็เป็นแนวบล็อกบัสเตอร์ หนังฟอร์มยักษ์ หรืออย่างแย่ก็เป็นหนังที่ไม่ค่อยสนุกมาก แต่แทบจะไม่มีหนังห่วยเลยสำหรับ ทอม แฮงค์

สำหรับเรื่องนี้อยู่ในกลุ่มหนังระดับกลางของ ทอม แฮงค์ คือแม้จะไม่ได้สนุกมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ มีความน่าประทับใจในระดับหนึ่ง แถมยังมีความกล้าทดลองทำอะไรแปลกๆเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะโปรดักชั่นในส่วนของตัวหุ่นยนต์เจฟฟ์ ที่นำเสนออกมาได้ดีมาก ดูเชื่อว่าเป็นหุ่นยนต์จริงๆ ชนิดที่ว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปี เราอาจจะมีหุ่นยนต์สมองเอไอที่สามารถทำได้ในระดับนี้เลยก็เป็นได้

Finch Apple TV+ รีวิว

ส่วนเสียงพากย์ของเจ้าหุ่นยนต์ เจฟฟ์ ได้นักแสดงหนุ่ม คาเล็ป แลนดรี้ โจนส์ มาให้เสียงพากย์ ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี มีเอกลักษณ์อย่างมากในการนำเสนอความกวนๆ และอยากรู้อยากเห็นของเจ้าหุ่นเจฟฟ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาหลังจากฟินซ์ได้นำกลับมาซ่อมแซม แล้วก็ต้องเริ่มการเรียนรู้ทุกอย่างใหม่เสมือนเด็กแรกเกิด

นักแสดงอีกหนึ่งรายที่ต้องยกนิ้วให้ก็คือ เจ้าสุนัขแสนรู้ กู้ดเยียร์ ซึ่งเป็นสุนัขประจำตัวของฟินซ์ ตรงนี้หนังนอกจากแคสติ้งเลือกสุนัขมาได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังต้องชมทีมงานในการตัดต่อ และทีมฝึกสุนัขไปในตัวด้วย เพราะเจ้าสุนัขตัวนี้เล่นออกมาได้น่ารักและแสนรู้เอามากๆ โดยเฉพาะในหลายซีนที่มันแสดงความห่วงใยต่อฟินซ์ในเวลาที่เขามีอาการไอออกมา มันจะมีปฏิกิริยาทันที

แล้วที่สำคัญคือบทหนังที่ไม่ได้เขียนบทของสุนัขตัวนี้มางั้นๆ แต่เป็นตัวละครสำคัญของเรื่องราว และเป็นหนึ่งในปมในใจของฟินซ์ด้วย ตรงนี้ต้องชื่นชมทีมเขียนบทเลย เพราะกลายเป็นว่าการที่ฟินซ์ไปซ่อมแซมเจฟฟ์ขึ้นมานั้น เป้าหมายอย่างหนึ่งของเขาก็คือต้องการให้มันอยู่เป็นเพื่อนดูแลเจ้าสุนัขตัวนี้ต่อไปหากเขาตายไปแล้ว ซึ่งในเรื่องก็มีการนำเสนอที่เรียกว่าแทบจะนับถอยหลังชีวิตของฟินซ์ไปทุกขณะ ที่สำคัญคือเรื่องก็มีการสปอยไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่ายังไงตัวเอกก็ไม่รอดแน่เพราะปัญหาอาการป่วยที่รุมเร้าทุกขณะ แต่หนังจะเน้นไปที่เรื่องราวก่อนจะไปถึงจุดนั้น ว่ามนุษย์ที่เหลือชีวิตอยู่อีกไม่กี่วัน จะสามารถถ่ายทอดและสอนบทเรียนชีวิตต่างๆให้กับหุ่นยนต์ตัวหนึ่งเพื่อจะใช้ชีวิตร่วมกับสุนัขอีกตัวหนึ่งได้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนข้อด้อยคือ หนังมีความเนือยแฝงอยู่ โดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่องประมาณ 40 นาทีสุดท้าย ที่ราวกับว่าหนังไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว ทำให้เรื่องเหมือนถูกยืดออกไป ตรงนี้ถ้าตัดต่อให้กระชับขึ้นอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

แล้วใครที่คาดหวังจะได้ดูแนวไซไฟ ทริลเลอร์ แอ็กชั่น หรือการเดินทางแบบมันส์ๆ คงต้องผิดหวัง เพราะหนังมีการนำเสนอส่วนนี้แค่สั้นๆในช่วงต้นเรื่องกับช่วงที่ต้องหนีการไล่ล่าจากมนุษย์ที่ไม่เห็นตัวเท่านั้น ภาพรวมของหนังเลยไปเน้นที่การบอกเล่าถึงการอยู่ร่วมกันระหว่าง มนุษย์ สุนัข หุ่นยนต์ มากกว่า ตรงนี้เลยน่าเสียดายสำหรับเซตติ้งของโลกที่วางมาว่าใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะโลกอนาคตในลักษณะนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงจริงๆ

สำหรับฟีลลิ่งภาพรวมของหนัง คงต้องยอมรับว่าเหมือนเรากำลังดู Cast Away ในเวอร์ชั่นโลกล่มสลายในอนาคต แล้วแม้ว่าหนังจะพูดถึงโลกที่ล่มสลายไปแล้ว รวมถึงภาพรวมของสังคมมนุษย์ที่เหมือนนับถอยหลังการจบสิ้นแน่นอน แต่การนำเสนอภาพรวมของหนังก็ไม่ได้เน้นไปที่ความหดหู่หรือดราม่าฟูมฟายเลย แต่หนังพยายามนำเสนอมุมมองในแง่บวก อารมณ์เหมือนเรากำลังดูหนังดิสนีย์ + พิกซาร์ เลยเหมือนกัน ทั้งยังมีการสอดแทรกมุกตลกเข้ามาในสถานการณ์สิ้นหวัง เรียกว่าหนังพยายามมองโลกในแง่ดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องและกับตัวละครจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายก็ตาม ตัวเอกก็พูดกับหุ่นยนเจฟฟ์ไว้เหมือนกันว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่รังสียูวี แต่ยังรวมถึงมนุษย์ด้วย และการที่โลกล่มสลาย มันก็เป็นความผิดของมนุษย์ทั้งสิ้น

สรุปแล้ว เป็นหนังทอมแฮงค์ที่ทำออกมาสนุกในระดับกลาง และมีความน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายที่เซตติ้งของเรื่องวางมาใหญ่แต่ใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นหนังดีที่ดูได้ทั้งครอบครัวครับ

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://en.wikipedia.org/wiki/Fin_ch_(film)

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!