playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว vampire vs the bronx (Netflix) หนังเด็กคนดำสู้แวมไพร์ ปนเสียดสีทุนนิยม

สรุป

หนังเด็กที่ทำออกมาแฝงการสะท้อนสังคมในชุมชนบร็องซ์ที่มีชาวผิวสีและผู้อพยพอาศัยอยู่จำนวนมาก พยายามบอกให้ทุกคนที่อาศัยอย่าลืมถิ่นฐานของตนเอง แล้วมาร่วมมือกันเพื่อทำให้ชุมชนน่าอยู่ยิ่งขึ้น หนังไม่ได้สนุกมาก แต่เด็กน่าจะชอบ ดูได้เพลินๆ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เป็นหนังเด็ก ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
  • เดินเรื่องเร็วดี
  • นักแสดงเด็กเล่นดีมาก น่าเอาใจช่วย

Cons

  • เป็นหนังสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่
  • ฉากแอ็กชั่นน้อยกว่าที่คิด
  • คนขาวและทุนนิยมคือผู้ร้ายแบบไม่มีมิติอะไรมากมาย

Vampires vs the Bronx Netflix รีวิว หนังเด็กผิวสีในย่านบร็องซ์รวมพลังกันต่อสู้กับแวมไพร์ ตัวหนังยังสะท้อนสังคมทุนนิยม และเรียกร้องให้ผู้คนตัวเล็กๆร่วมมือกันเพื่อทำให้ชุมชนของตนเองดีขึ้น

 Vampires vs. the Bronx (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Vampires vs the Bronx Trailer

Vampires vs the Bronx Netflix รีวิวVampire vs the Bronx เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มขึ้นในย่าน บร็องซ์ ซึ่งเป็นถิ่นคนดำที่มีชื่อเสียงในมหานิวยอร์ก ขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นแหล่งเสื่อมโทรม เต็มไปด้วยการปล้นชิง การค้ายา และอื่นๆ แต่ก็เป็นถิ่นฐานของบรรดาคนผิวสีและผู้อพยพในนิวยอร์กที่บรรดาผู้ที่เกิดและเติบโตมาต่างก็รักในถิ่นกำเนิดของพวกเขา

แต่จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีนายทุนผิวขาว เข้ามาซื้อกิจการร้านค้าของพวกคนผิวสีในถิ่นบร็องซ์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะเอามาสร้างโปรเจกอาคารใหญ่ โดยที่สามเด็กหนุ่มเพื่อนรักอย่าง มิเกล หลุยส์ บ็อบบี้ ต่างก็ค้นพบความลับว่า ที่จริงแล้วมันเป็นฝีมือของพวกแวมไพร์ที่ต้องการเข้ามาสร้างรังให้กับพวกตนเอง พวกเขาจึงต้องหาหลักฐานมาเพื่อปลุกระดมผู้คนในบร้องซ์ให้ลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่พวกแวมไพร์ออกไปให้ได้

Vampires vs the Bronx รีวิว

เรื่องนี้เป็น “หนังเด็ก” ที่รวมองค์ประกอบหลายอย่างที่ผู้สร้างคงคิดว่าน่าจะสนุกมายำรวมกัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มตัวเอกที่เป็นเด็กหนุ่มเพื่อนซี้ ซึ่งแต่ละคนมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน รวมถึงการช่วยกันวางแผนหาทางสืบหาและเปิดโปงตัวร้ายอย่างแวมไพร์ เพื่อให้บรรดาพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนบ้าน และคนในชุมชนได้รู้ความจริง

Vampires vs the Bronx Netflix รีวิวตัวหนังยังแฝงประเด็นจิกกัดสภาพสังคมในย่านบร็องซ์เอาไว้ตลอดเรื่อง โดยหนึ่งในประเด็นที่หนังชูขึ้นมาชัดเจนมากคือการนำเสนอว่า “บร็องซ์เป็นย่านที่ต่อให้มีคนหายตัวไป ก็ไม่มีใครสนใจ”

อีกประเด็นหลักที่ชูขึ้นมาอย่างจงใจยิ่งกว่าประเด็นแรกก็คือ การให้แวมไพร์เป็นตัวแทนของนายทุนคนขาวที่แทรกตัวเข้ามาหวังจะฮุบกลืนธุรกิจขนาดย่อมต่างๆในบร็องซ์ แถมหนังยังให้เห็นภาพด้วยว่า เจ้าของกิจการที่เป็นคนท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็มีความเต็มใจที่จะขายให้กับนายทุนด้วย ถ้าได้เงินมากพอ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปตั้งต้นใหม่ในถิ่นอื่นแทน

ตัวหนังยังจงใจฉายให้เราเห็นภาพความเสื่อมโทรมของย่านนี้ตลอดทั้งเรื่อง คือเราจะเห็นว่า การอาศัยอยู่ที่นี่มันดูไม่มีอนาคตเอาซะเลย แม้ว่าตัวเอกของเรื่องอย่าง มิเกล จะมีความรักในถิ่นเกิดของเขามากขนาดไหน แต่คนรอบข้างและกระทั่งแม่ของเขาก็แสดงให้เห็นว่า พร้อมที่จะออกไปจากที่นี่ เพื่อหาอนาคตที่ดีกว่า ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นการสะท้อนให้เราเห็นสถานการณ์จริงของย่านเสื่อมโทรมในสหรัฐและหลายแห่งทั่วโลกที่เป็นอยู่จริงๆก็ได้

ส่วนที่น่าสนุกของหนังจะมีให้เห็นเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเล่นเรื่องที่กระชับ เพลงประกอบแบบฮิปฮอพที่สนุกสนาน การให้เด็กๆ หาวิธีปราบแวมไพร์และจุดอ่อนต่างๆ ด้วยการศึกษาเอาจากหนัง Blade ซึ่งถือว่าเป็นฮีโร่คนผิวสีในภาพยนตร์ที่คนผิวสีชื่นชอบกัน

ด้านนักแสดง บรรดาดาราเด็กทำได้ดีมาก ชวนให้เราลุ้น เอาใจช่วยตามได้ ส่วนตัวร้ายหลักของเรื่อง ก็ได้ดาราสาว Sarah Gadon มารับบท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ เพราะเธอเคยรับบทเป็นมิเรน่า ในภาพยนตร์เรื่อง Dracula Untold มาก่อน แล้วก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง

ด้านจุดด้อยของหนังก็มีอยู่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นการยัดประเด็นที่ว่าคนขาวคือผู้ร้ายสำหรับคนผิวสีที่อาจจะมากเกินไปหน่อย ด้านฉากแอ็กชั่นก็มีน้อยกว่าที่คิด อีกทั้งการเดินเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือสูตรสำเร็จทั่วไปของหนังเด็ก ที่ให้ตัวร้ายในเรื่องออกมาป่าวประกาศโต้งๆ ว่าจะทำอะไรบ้าง ไปจนถึงฉากปราบบอสของเรื่องที่ “เล่นง่าย” เอามากๆ ก็ไม่น่าแปลกที่หนังจะมีความยาวแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 กว่านาทีเท่านั้น แต่ถ้าเราจะมองว่า นี่คือหนังเด็กที่ทำมาให้ดูแบบ บันเทิงๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก และเหมาะสำหรับเด็กๆ ดูเพลินๆ ครับ

ส่วนตอนจบของเรื่อง ก็มีการส่งสารสำคัญที่เป็นประเด็นใหญ่ที่เรื่องพยายามเน้นมาตลอด นั่นคือการที่ชาวบร็องซ์จะไม่ลืมคนที่หายตัวไป เสมือนเป็นความพยายามลบภาพลักษณ์เก่าๆของย่านนี้ออกไปด้วย

ในภาพรวมแล้ว เป็นหนังเด็กที่ทำออกมาแฝงการสะท้อนสังคม โดยเฉพาะชุมชนบร็องซ์ที่มีชาวผิวสีและผู้อพยพอาศัยอยู่จำนวนมาก และเหมือนพยายามบอกให้ทุกคนที่อาศัยอย่าลืมถิ่นฐานของตนเอง แล้วมาร่วมมือกันเพื่อทำให้ชุมชนน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference

https://www.imdb.com/title/tt8976576/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!