playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Disciple Netflix ศิษย์เอก หนังอินเดีย ที่ว่าด้วยโลกของคีตศิลป์โบราณในยุคปัจจุบัน

สรุป

หนังอินเดียระดับรางวัลแนวดนตรีและดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ ตีแผ่สังคมที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก คนดูจะได้ฟังเพลงอินเดียโบราณที่ไพเราะและมีเสน่ห์ไปตลอดเรื่อง หนังยังจิกกัดสังคมอินเดียไปในตัวด้วย

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การร้องเพลงและดนตรีอินเดียโบราณในเรื่องมีเอกลักษณ์และไพเราะมาก ฟังเพลิน
  • การตัดต่อหนังมีสไตล์ จิกกัดสังคมคนอินเดีย
  • ช่วงท้ายเรื่องมีจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง
  • เดินเรื่องฉีกขนบของหนังแนวดนตรีทั่วไป

Cons

  • การปูบทตัวละครศิษย์อาจารย์ในช่วงแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
  • ดูแล้วไม่อินความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ในช่วงแรกเลยว่าทำไมเขาถึงเคารพและดูแลอาจารย์มากขนาดนี้
  • หนังมีศัพท์เฉพาะเยอะมากในช่วงเปิดเรื่อง หลายคนอาจท้อไปก่อนระหว่างดู

The Disciple Netflix รีวิว ศิษย์เอก หนังอินเดีย ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ชารัท ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในดนตรีอินเดียโบราณ และเป็นลูกศิษย์ของนักดนตรีอาวุโสมากความสามารถแต่ไร้ชื่อเสียง

ตัวชารัทอยากจะประสบความสำเร็จในวงการของศิลปะคีตศิลป์โบราณ ในขณะที่ตัวเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกการแข่งขันในวงการดนตรี ที่ยากจะถึงเป้าหมายได้ง่ายๆ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ภาษามราฐีของอินเดีย กำกับโดย Chaitanya Tamhane และมี อัลฟองโซ่ กัวรอน ผู้กำกับดังชาวเม็กซิโก ที่เคยสร้างผลงานชื่อดังมาแล้วอย่าง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban, Children of Men และ Roma ที่ทำให้เขาได้รางวัลออสการ์ในสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว สามารถรับชมได้แล้วใน Netflix

 The Disciple (2020) on IMDb

ตัวอย่าง The Disciple Netflix Trailer

The Disciple Netflix รีวิว ศิษย์เอก หนังอินเดียศิษย์เอก เรื่องย่อ

เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ ชารัท เนรุลการ์ ชายหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องขยาล หรือเพลงโบราณของอินเดีย เขาเป็นศิษย์เอกของ อาจารย์ปู่ กูรูจิ ปรมาจารย์ด้านดนตรีดั้งเดิมเก่าแก่นี้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในการร้องเพลงโบราณได้ไพเราะมากแต่กลับไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและต้องใช้ชีวิตอย่างยากจน แม้กระทั่งค่ายารักษาอาการป่วยก็ยังต้องพึ่งชารัทที่เป็นศิษย์คอยช่วยเหลือให้

นอกจากนี้บิดาของชารัทก็เป็นอดีตนักดนตรีที่ชื่นชอบในดนตรีและการร้องเพลงโบราณของอินเดียอย่างมาก เขายังเป็นผู้ที่มีส่วนในการผลักดันให้ชารัทชื่นชอบด้านดนตรีตั้งแต่เด็ก ตัวชารัทเองก็มีความทะเยอทะยาน อยากจะประสบความสำเร็จในด้านนี้ให้จงได้ แม้ว่าเขาจะเข้าแข่งขั้นประกวดร้องเพลงหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวมากกว่า เขาก็ยังคงมุ่งสู่เส้นทางนี้ รวมถึงการฟังเทปคำสอนของ “อาจารย์แม่” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ของวงการนี้แต่กลับไม่มีชื่อเสียงแพร่หลายและไม่มีกระทั่งรูปถ่ายหรือบทสัมภาษณ์ นอกจากเทปบันทึกคำสั่งสอนถึงเหล่าลูกศิษย์ที่กลายมาเป็นคัมภีร์สำคัญให้ชารัทยึดถือ เช่นเดียวกับอาจารย์ปู่กูรูที่เขายังคงให้ความเคารพอยู่เสมอ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ชารัท เริ่มอายุมากขึ้น เขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าหากก่อนอายุ 40 ปีแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จในด้านดนตรีดั้งเดิมนี้  เขาจะไม่แต่งงาน ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องแยกทางกับเสน่หา หญิงคนรักและศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่บริบทสังคมของอินเดียเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ชารัทพยายามใช้เครื่องมือต่างๆ ทั้งโซเชียลมีเดีย ยูทูป เพื่อเผยแพร่เพลงของเขาออกสู่สังคมโลกยุคใหม่

แต่แล้วเขากลับพบว่ามีนักดนตรีและนักร้องเพลงโบราณบางคนที่สามารถผงาดขึ้นมาในโลกยุคใหม่นี้ได้ ในขณะที่ผลงานของเขากลับล้มเหลว และไม่สามารถเป็นที่รู้จักได้เหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีพรสวรรค์ ในขณะที่ชารัทยังคงวนเวียนอยู่กับเทปคำสอนของอาจารย์แม่และการดูแลของอาจารย์ปู่ ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจยอมรับความจริงถึงความสามารถด้านดนตรีของตนเอง

The Disciple Netflix รีวิว ศิษย์เอก หนังอินเดียThe Disciple รีวิว

เรื่องราวทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับสังคมในวงการคีตศิลป์หรือดนตรีคลาสสิกโบราณของอินเดีย ซึ่งเป็นศาสตร์ด้านดนตรีที่สืบทอดกันมานานในท้องถิ่น มักเป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับบทสวดสักการะต่อพระเจ้าในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งต้องยอมรับว่า นี่คือสังคมเฉพาะทางอย่างมากและเป็นโลกที่ผู้ชมชาวไทยคงจินตนาการแทบไม่ออก

แต่ถ้าจะเปรียบเปรยให้เห็นภาพ เรื่องนี้มีความคล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง โหมโรง ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ระดับตำนานของไทยเกี่ยวกับดนตรีไทยเดิม เพียงแต่เรื่องศิษย์เอกนี้จะนำเสนอในอีกมุมหนึ่งของสังคมดนตรีโบราณที่ก็ไม่ได้มีแต่ด้านที่ชวนหลงใหลหรือด้านสวยงามเสมอไป แต่มันมีด้านมืดและด้านที่น่าสมเพชปนอยู่ด้วย

ภาพยนตร์จะเริ่มบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของชารัท ตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่ม และวัยกลางคน โดยช่วงครึ่งแรกจะโฟกัสไปที่ชีวิตในช่วงที่เข้าเป็นศิษย์เอกของอาจารย์ปู่ ซึ่งเป็นช่วงที่ชารัทมีไฟทะเยอทะยานอยากประสบความสำเร็จในดนตรีดั้งเดิม ตัวหนังจะเล่าสลับภาพในครึ่งแรกระหว่างช่วงที่ชารัทยังเด็กแล้วถูกปลูกฝังความรักในดนตรีดั้งเดิมจากพ่อของเขาเอง เพื่อให้คนดูได้รู้ที่มาที่ว่าทำไมเขาจึงกลายเป็นผู้คลั่งไคล้ในดนตรีนี้ แม้ว่าเมื่อเขาเติบโตแล้วเข้าร่วมประกวดรายการต่างๆ กลับไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตามที

ส่วนสำคัญข้อหนึ่งที่เรียกว่าเป็น “จุดแข็ง” ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการที่มันตีแผ่และนำเสนอภาพของคนในวงการดนตรีโบราณดั้งเดิมของอินเดีย ซึ่งเป็นโลกลี้ลับที่หลายคนคงจินตนาการไม่ออก และช่วงแรกของเรื่องยังเต็มไปด้วยคำศัพท์เฉพาะทางมากมายเกี่ยวกับดนตรีนี้

แต่เมื่อเริ่มตั้งหลักได้ เรากลับพบว่ามันมีเสน่ห์แบบแปลกๆ อีกทั้งการตัดต่อหนังยังมีลักษณะที่จงใจยั่วล้อและจิกกัดวิถีชีวิตและคติของชาวอินเดียด้วย ซึ่งก็ต้องชื่นชมความสามารถของผู้กำกับและทีมสร้างที่เน้นให้เนื้อหามีฉากการแสดงความสามารถทางดนตรีและการขับร้องบทสวดขยาล ซึ่งเป็นการขับร้องแบบอินเดียโบราณ ทำให้เราไม่ต้องไปสับสนกับชื่อและแนวคิดที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยนักของตัวละครในเรื่องนัก

จุดแข็งสำคัญที่สุดอีกเรื่องก็คือเราจะได้ฟังการขับร้องเพลงและการเล่นดนตรีโบราณของอินเดียที่มีความไพเราะและเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนเองอย่างน่าเหลือเชื่อ การแสดงหลายเพลงในเรื่องมาแนวบทสวดที่ศิลปินถ่ายทอดอารมณ์ของตนเองออกมาได้ดีและชวนให้ต้องฟังจนจบ

ยังมีพาร์ทดราม่า ซึ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ ก็เป็นเนื้อหาสำคัญที่มีความสลับซับซ้อนและมีจุดหักมุมที่คาดไม่ถึงพอสมควร แต่ข้อด้อยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือช่วงแรกตัวหนังไม่ได้ปูพื้นมาให้คนดูได้ทราบถึงความสัมพันธ์ของอาจารย์และตัวเอกกับเพื่อนร่วมสำนักที่เป็นศิษย์มากนัก เรียกว่าผู้สร้างโยนกลุ่มตัวละครขึ้นมาเลย แล้วให้คนดูได้ซึมซับเอาเอง แต่ก็พอที่จะทำให้เราได้ทราบความสัมพันธ์ในแบบกึ่งพึ่งพากันของอาจารย์และชารัทที่เป็นศิษย์เอก

กระทั่งมาถึงช่วงท้ายเรื่อง หนังก็ตีแผ่สังคมคนในวงการดนตรีโบราณของอินเดียที่มีทั้งเรื่องหลอกลวงและเรื่องจริงให้คนดูได้สตันท์อย่างน่าสนใจ และกลายเป็นจุดหักเหสำคัญมากของตอนจบเรื่องด้วย รวมถึงการจิกกัดโลกความจริงและสังคมทุนนิยมไปกลายๆ บทสรุปช่วงท้ายเรื่องจึงทำให้หนังเรื่องนี้ไปไกลเกินกว่าการเป็นหนังเกี่ยวกับดนตรี และฉีกขนบหนังแนวนี้มาก เพราะสุดท้ายแล้วตัวเอกอย่างชารัทก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในด้านดนตรีเหมือนตัวเอกในหนังแนวดนตรีเรื่องอื่น แต่เขากลับค้นพบเส้นทางสายอื่นที่ตัวเองเหมาะสมและถนัดที่สุด แล้วยังทำให้ชีวิตของเขาได้พบบทสรุปที่ดีขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ยังติดหล่มอยู่ในฐานะนักร้องเพลงโบราณอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นหนังเกี่ยวกับดนตรีโบราณที่สร้างออกมาได้ เรียลและกึ่งเรียล พอสมควรเลยทีเดียว

สรุปแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์อินเดียแนวดนตรีและดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ที่มีความน่าสนใจในระหว่างรับชม รวมถึงดนตรีอินเดียโบราณที่คนดูจะได้รับฟังไปตลอดทั้งเรื่องด้วย สมกับเป็นภาพยนตร์อินเดียเรื่องที่สองที่ได้เข้าแข่งขันในเทศกาลภาพยนตร์ที่เวนิซ และได้รับรางวัล FIPRESCI ในปี 2020 เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงาก และแนะนำให้รับชมครับ

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://en.wikipedia.org/wiki/The_Disciple_(2020_film)

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!