playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The End of the F***ing World Season 1-2

The End of The F***ing World Netflix

สรุป

เป็นอีก 1 ซีรีส์แนววัยรุ่นที่เนื้อหาแปลก แต่เข้าใจได้ง่าย มีทั้งตลกร้ายและแอบจิกกัดเสียดสีเกี่ยวกับประเด็นครอบครัวและซีซั่นสองจัดเต็มไปด้วยความตลกร้ายให้เราลุ้นเอาใจช่วยว่า ชะตากรรมของทั้งสองจะเป็นอย่างไรไปจนจบเรื่องแบบฟีลกู๊ด

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ความแปลกใหม่ของซีรีส์วัยรุ่น
  • ตลกร้าย จิกกัดเสียดสีเกี่ยวกับประเด็นครอบครัว และอื่นๆ ได้ดี
  • แต่ละตัวละครหลักในเรื่องมีเสน่ห์ ทำให้คอยลุ้นเอาใจช่วยตลอด

Cons

  • อาจจะดูยากสำหรับบางคน ทั้งบทพูดที่รุนแรงและฉากเลือด
  • หลายๆ อย่างดูบังเอิญเกินไป ถ้าใครไม่ชอบคือไม่ชอบไปเลย
  • แต่ละตอนสั้นไปหน่อย เพราะความสนุกเลยอยากดูนานกว่านี้

The End of the F***ing World โลกมันห่วยช่วยไม่ได้ เป็น Original Series ของ NETFLIX ที่ดัดแปลงมาจากมินิคอมมิคในชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวของเด็กชายผู้มีปัญหาทางจิตด้วยปมในวัยเด็ก James ที่ต้องการเลือกเหยื่อใครก็ได้สักคนเพื่อทดลองฆ่า แล้วดันบังเอิญไปพบกับ Alyssa เด็กสาวผู้มีนิสัยห้าวเป้ง ไม่แคร์คนอื่น และมีความต้องการทางเพศสูง เมื่อทั้งสองคนนี้มาอยู่ด้วยกันและพากันหนีออกจากบ้าน ความวุ่นวายอลหม่านจากจุดเล็กๆ ลามไปจนเป็นปัญหาใหญ่ที่ทางตำรวจต้องเข้ามาจัดการ

 

ความสนุกของเรื่องนี้คือ ความแปลก ตลกร้าย และความจัดจ้านของตัวละครทั้งสอง อลิซซา ตัวละครที่เรียกได้ว่าแสบทั้งคำพูดคำจา และการแสดงออกต่างๆ นาๆ ที่ต้องการหาใครสักคนที่พาเธอหนีไปจากชีวิตอันแสนห่วยภายในครอบครัวของเธอ ต้องมาเจอกับ เจมส์ผู้ที่อยากหาเหยื่อมาฆ่าเพราะมีปัญหาทางจิตทำให้เป็นตัวละครที่จะค่อนข้างนิ่ง จนไร้อารมณ์ ซึ่งมันดูเหมือนว่าซีรีส์เรื่องนี้จะนำเอาแนวฆาตกรโรคจิตมาผสมกับแนวรักวัยรุ่น แต่เปล่าเลย มันคือตลกร้ายที่แอบจิกกัด เสียดสีเกี่ยวกับสังคมครอบครัวได้แสบสันเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

The End of the F***ing World Alyssa and James
ตัวละครหลักทั้งสองที่คาแรคเตอร์จัดมาก คนหนึ่งโรคจิต อีกคนก็อารมณ์ร้าย

ตัวละครเจมส์ และอลิซซา เป็นเหมือนตัวแทนของเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหา และแทนที่เราจะได้เห็นความโรคจิตของเจมส์ กลับกลายเป็นว่ายิ่งดูไป จากคนไร้อารมณ์เพราะปมบางอย่างในวัยเด็ก เริ่มมีชีวิตชีวาเพราะอลิซซา ตัวละครอลิซซาเองก็มีปมเกี่ยวกับครอบครัวเลยต้องการแสดงออกอย่างห่ามๆ เช่นบ้าเซ็กส์ หรืออารมณ์ร้อน แต่เธอเพียงแค่ต้องการใครสักคนคอยเข้าใจ ทำให้เราคอยลุ้นเอาใจช่วยทั้งสองคนนี้ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และคุณจะถูกตบหน้าด้วยตอนจบของซีซั่น

การดำเนินเรื่องจะค่อนข้างกระชับ แต่ก็ไม่ได้รวบรัดจนเกินไป ทำให้เราเข้าใจประเด็นและอารมณ์ของตัวละครต่างๆ ที่จะสื่อ ได้ง่าย และคอยลุ้นเอาใจช่วย แถมแต่ละตอนเองยาวเพียง 20 กว่านาที ทำให้สามารถดูรวดเดียวจบได้โดยใช้เวลาไม่นาน โดยเรื่องราวต่างๆ มันเริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วบานปลายจนใหญ่เกินแก้

มีบางฉากในซีรีส์ที่ค่อนข้างจะรุนแรง ทั้งเลือด ทั้งบทพูด ถ้าหากใครที่ชอบเรื่องราวอะไรที่แปลกๆ Weird ตลกร้ายล่ะก็ ขอแนะนำให้ดูเลยครับ เพราะซีซั่นสองเพิ่งออนแอร์ไปสดๆ ร้อนๆ

ตัวอย่าง The End of the F***ing World โลกมันห่วยช่วยไม่ได้ Season 2

 

หลังจากที่ได้ประกาศเปิดตัวซีซั่นที่สองผู้เขียนบท และเจ้าของออริจินัลคอมมิค Charlie Covell ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับซีซั่นนี้ไว้ว่า “หลังจากตอนจบชวนช็อคของซีซั่นที่แล้ว มีบางสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่สิ่งที่คาดคิด อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด” ซึ่งหลังจากที่ได้ดู มันก็เป็นตามที่ผู้เขียนว่าไว้จริงๆ

The End of the F World
Alyssa ที่หนีไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายหลังจากผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายจากภาคแรก

เนื่องจากว่าซีซั่นแรกฉายไปเมื่อ 2017 แล้วฉายอีกทีปี 2019 สองปีพอดี ทำให้เหตุการณ์ในซีรีส์จะ Skip มาเป็นสองปีให้หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก และภาคนี้จะเน้นหนักไปทางด้านการดำเนินเรื่องแบบ BAD JOKE แนวไล่ล่ามากขึ้น เพราะได้เพิ่มตัวละครใหม่อย่าง Bonnie ที่ต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับ Alyssa ซึ่งเธอได้หนีไปใช้ชีวิตอันเรียบง่าย และเงียบสงบอยู่ที่บ้านนอกหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายกับ James

The End of the F Bonnie Alyssa
ดูเหมือนว่าอลิซซาเองถูกหมายหัวอยู่?

เหตุการณ์ในซีรีส์ผ่านไปสองปี ตัวละครในเรื่องก็โตขึ้น บุคลิคบางอย่างเปลี่ยนไป เนื่องจากปมในอดีตที่พวกเขาก่อขึ้นที่มันยังติดค้างอยู่ในใจ ถ้าหากใครที่ชอบเรื่องราวความรักวัยรุ่น และความห่ามๆ ของทั้งสอง บอกเลยว่าซีซั่นนี้อาจจะไม่ถูกใจคุณเท่าไหร่ แต่คุณก็จะได้เห็นว่าพัฒนาการของคนเราเมื่อผ่านช่วงวัยรุ่น เข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่ ผ่านตัวละครหลักในเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง

ในซีซั่นแรกที่จบแบบ Cliffhanger หรือค้างเติ่ง พอมาในภาคนี้กลับกลายเป็นว่าทุกคนยังอยู่ดี ทั้งเจมส์และอลิซซา และทุกคนต่างโตขึ้น มีหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นอยากจะให้ไปรับชมในเรื่อง

Bonnie ตัวละครใหม่ที่จะมาเป็นคีย์หลักของภาคสอง เธอต้องการอะไรกันแน่?

ใน The End of the F***ing World Season 2 การมาของตัวละครใหม่อย่างบอนนี่เอง ก็เพิ่มสีสันให้กับเรื่องอย่างมากเลยทีเดียว และยังคงความจิกกัดเกี่ยวกับครอบครัวไว้นิดๆ แบบภาคแรก ซึ่งตอนแรกของซีซั่นสองจะเล่าเรื่องราวของเธอเต็มๆ เลยว่า เป็นใคร มาจากไหน ทำไมซีซั่นแรกถึงไม่โผล่มา แล้วภาคนี้เธอต้องการอะไรกันแน่

บอนนี่เป็นตัวละครหลักในภาคนี้ ถูกดัดแปลงมาจากตัวละครหลักในคอมมิคที่เป็นคู่รักของศาสตราจารย์ที่ถูกพระเอกของเราเชือดนั่นเอง ซึ่งในคอมมิคนั้นเธอยังเป็นตำรวจอีกด้วย แต่ในซีรีส์ก็ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทนิดหน่อย แต่เธอก็ยังต้องการชีวิตของทั้งเจมส์และอลิซซา ที่ดันไปฆ่าคู่รักของเธอ

ถ้าใครที่ชอบซีรีส์ตลกร้ายอย่าง FARGO หรือหนังของเควนตินล่ะก็ แม้จะไม่จัดจ้านเท่า แต่ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโมเม้นต์ที่น่าอึดอัด หรือตัวละครแปลกๆ เหตุการณ์ที่ดูบังเอิ๊ญ บังเอิญเกินไป ซีซั่นนี้จัดเต็ม

The End of the F**ing World Comic

แต่สุดท้ายแล้วผมรู้สึกว่าจากคอมมิค เมื่อมันมาดัดแปลงเป็นซีรีส์แล้วมันค่อนข้างที่จะ playsafe กับตัวบทอยู่พอสมควร ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับได้และทำให้ความวุ่นวายในเรื่องดูแฮปปี้ขึ้น ถ้าหากใครชอบแนวนี้อย่าพลาดที่จะชม

The End Of The F***ing World โลกมันห่วยช่วยไม่ได้ Season 2 รับชมได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!