playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Valhalla Murders ฆาตกรรมวัลฮัลลา

สรุป

ธีมเรื่องฆาตกรรมต่อเนื่อง ในบ้านเมืองที่อัตราอาชญากรรมน้อย เกี่ยวพันไปยังอดีตอันดำมือของสถานเลี้ยงเด็กที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนระดับใหญ่ๆ น่าสนใจมาก แต่กลับกลายเป็นว่าการนำเสนอหลายๆ อย่างในตัวซีรีส์กลับน่าเบื่อ ทั้งๆ ที่มีวัตถุดิบดีๆ ต่อยอดได้หลายอย่าง แต่โดยรวมก็ทำออกมาได้โอเค ไม่ได้ดี หรือแย่มาก

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ธีมเรื่องน่าสนใจ
  • กำกับภาพสวย แสงสี
  • ปมในเรื่องเกี่ยวกับอดีตเป็นพาร์ทที่น่าสนใจที่สุดในเรื่อง

Cons

  • การเล่าเรื่อง ดำเนินเรื่องช้าเกินจำเป็น
  • ปมในเรื่องของสองตัวละครหลัก ใส่เข้ามาแบบงั้นๆ ปล่อยผ่านไปจนจบ ทั้งๆ ที่ต่อยอดได้
  • ใส่ซีนจังหวะหนังผี Jumpscare เข้ามาทำไมในหนังสืบสวน

The Valhalla Murders ฆาตกรรมวัลฮัลลา ผลงาน Original Netflix จากประเทศไอซ์แลนด์ ว่าด้วยเรื่องราวของสืบหาจับกุมฆาตกรต่อเนื่องครั้งแรกในประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ วัลฮัลลา สถานรับเลี้ยงเด็กที่มีอดีตอันดำมืด

ตัวอย่าง The Valhalla Murders

รีวิว The Valhalla Murders ฆาตกรรมวัลฮัลลา

ซีรีส์สัญชาติ Iceland ที่เราอาจจะดูไม่คุ้นหูคุ้นตากันเท่าไหร่ แต่ดูตัวอย่างแล้วก็น่าสนใจไม่น้อย แถมยังเป็นธีมเรื่องเกี่ยวกับสืบสวนสอบสวน ฆาตกรต่อเนื่องในประเทศที่อัตราการก่ออาชญากรรมน้อย มันทำให้ยิ่งน่าสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าการนำเสนอหลายๆ อย่างในตัวซีรีส์กลับน่าเบื่อ ทั้งๆ ที่มีวัตถุดิบดีๆ ต่อยอดได้หลายอย่าง

เรื่องราวการสืบสวน นำทีมโดย อาร์นาร์ นายตำรวจสืบสวนจากเมืองออสโลว์ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเขาได้กลับมายังบ้านเกิดที่ไอซ์แลนด์เพื่อสืบหาฆาตกรในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โดยเหยื่อแต่ละรายจะถูกแทงด้วยมีปลายแหลมหลายแผลจนตาย และมีการทำสัญลักษณ์ไว้ด้วยการกรีดตา อาร์นาร์ได้จับคู่กับตำรวจหญิงท้องถิ่นอย่าง คาตา เพื่อสืบหาความจริงในคดีครั้งนี้

ในซีรีส์จะค่อยๆ เล่าถึง จุดเชื่อมโยงของฆาตกรรมว่า ทำไมพวกคนเหล่านี้ถึงได้ตาย และมีความเชื่อมโยงอย่างไรกัน เพราะเหยื่อแต่ละคนก็เป็นคนแก่ แต่เมื่อสืบไปก็พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันนั่นก็คือ พวกเขามีส่วนร่วมในการทำงานในสถานรับเลี้ยงเด็กที่ชื่อว่า วัลฮัลลา ซึ่งที่นั่นในอดีต ได้กลายเป็นนรกบนดินของเด็กหลายๆ คน

ทางตำรวจทีมสืบสวนทั้ง อาร์นาร์ และคาร์ตา ต่างก็ง่วนอยู่กับการตามสืบเพื่อตามหาคนร้ายตัวจริง แต่ก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ในครอบครัวของตัวเองด้วย โดยคาตา ลูกชายของเธออาจจะมีความเกี่ยวพันกับคดีข่มขืน ส่วนอาร์นาร์ต้องจัดการกับอดีตเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองด้วย

ในพาร์ทการสืบสวน มันค่อนข้างที่จะค่อยเป็น ค่อยไปอย่างมาก ถึงมากที่สุด การดำเนินเรื่องไม่ใช่การคุยกันเพื่อหาเหตุผล เชือดเฉือน สืบค้นข้อมูลอะไรอย่างที่ซีรีส์สืบสวนควรจะเป็น เพราะมันเป็นการคุยเพื่อเอาข้อมูลโดยปนกับการคุยเล่น เช่นว่า เดี๋ยวผมจะไปตรงนี้ เดี๋ยวเย็นนี้จะกินอันนั้น บลาๆ ทำให้บทพูดค่อนข้างน่าเบื่อและชวนง่วงจนทำให้เราเกือบที่จะไม่สามารถโฟกัสกับเนื้อเรื่องหลักมันได้ แต่ยังดีที่มันไม่ได้มีบ่อยจนน่ารำคาญ เรียกได้ว่ามีบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้เพิ่มความที่จะทำให้เราเข้าใจตัวละคร หรืออินไปกับมันได้มากขึ้น

สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสนใจ และเลือกที่จะติดตามดูมันต่อจะเป็นในส่วนของอดีตในสถานรับเลี้ยงเด็กวัลฮัลลาที่เราอยากรู้ว่า มันเกิดอะไรกันขึ้นที่นั่นกันแน่ ทำไมถึงมีคนแค้นถึงกับขนาดที่ว่าต้องไล่ฆ่าคนหลายๆ คนแบบนั้น ซึ่งเนื้อเรื่องตรงส่วนนี้สนุกใช้ได้เลยล่ะ

ในพาร์ทของดราม่าส่วนตัวของตัวละครหลักสองตัวนั้นเราก็แอบลุ้นอยู่ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ เรื่องของลูกชายคาตาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการข่มขืน แต่แม่ของเขาก็เป็นนายตำรวจหญิงชุดสืบสวน แต่ในส่วนของอาร์นาร์ ในเรื่องแทบจะไม่เฉลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ของครอบครัวเขาในอดีตเลย น่าแปลกมากที่ในเรื่องเลือกจะกั๊กเอาไว้ จนจบเรื่องโดยผ่านมันไปแบบงงๆ และในส่วนเรื่องลูกชายคาตาก็ใส่เข้ามาให้ลุ้นแล้วจบที่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแบบงงๆ เหมือนกัน

ในส่วนของฆาตกร ยังไม่สามารถทำให้เรารู้สึกว่ามันน่ากลัว หรือน่าติดตามเท่าไหร่ ก็เหมือนคนฆ่าคนที่ฆ่าไปเรื่อยๆ โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่การลงมือคือ ธรรมดามาก แทงให้ตาย จบ และในเรื่องก็ไม่ได้เฉลยตัวฆาตกรจนถึงตอนสุดท้ายว่าใครคือฆาตกรตัวจริง อันนี้คือเป็นปกติของหนังสืบสวนแนวนี้อยู่แล้ว ซึ่งบอกตามตรงว่ามันไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีหรือชวนให้เราสงสัยและน่าติดตามขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นในแนวเดียวกันนี้ การลงมือและเหตุจูงใจของฆาตกรมันแหวกแนวและน่าสนใจกว่า จนสุดท้ายถึงตอนที่เฉลย แม้จะมีฉากตื่นเต้นและกดดันบ้างก็ยังไม่สามารถทำให้ประทับใจได้เท่าที่ควร

ในการนำเสนอเรื่องราวการสืบสวน มีหักมุมที่ไม่สามารถทำให้เราฉุกคิด หรือว้าวไปกับมันเท่าไหร่ มันเรื่อยๆ เรียบๆ กราฟความสนุกมันนิ่งๆ จนบางตอนอาจจะชวนง่วงเลยด้วยซ้ำ ในการใช้มุมกล้องแช่ไว้ในฉากๆ หนึ่ง ดูนักแสดง แสดงสีหน้า นั่งนิ่งๆ เงียบๆ พูดช้าๆ กลายเป็นยานอนหลับชั้นดี และเป็นแบบนี้หลายฉากมาก ในส่วนฉากไล่ล่าหรือตามหาฆาตกร ก็ดันใส่มุกที่เป็นแบบหนังผีเข้ามา เช่นเข้าไปในอาคารร้าง เจ้าหน้าที่ส่องไฟไปเงียบๆ ไม่เจออะไร แต่หันไปอีกทีก็มีเสียงดนตรีดังๆ ผ่าม เป็นจังหวะตกใจ พร้อมกับการเจออะไรบางอย่าง และฉากที่ตำรวจเข้าไปหาตัวคนร้ายในที่ๆ หนึ่ง มันจะมีเงาเดินผ่านแว้บๆ พร้อมเสียงดังๆ ทำให้ตกใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า จะทำแบบนี้ในหนังสืบสวนทำไม มันไม่ใช่หนังผี

สุดท้ายเรื่องราวมันก็บานปลาย กลายเป็นว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอาจจะเป็นระดับบิ๊กๆ ที่แตะต้องไม่ได้ เหมือนเป็นการเสียดสีสังคมในบ้านเมืองของเขา ที่มันคล้ายๆ บ้านเราอยู่เหมือนกัน ทำให้บางส่วนก็รู้สึกคล้อยตามได้ แต่ก็ยังไม่อินจริงๆ และเรื่องราวก็จบลงโดยที่ไม่มีปมอะไรค้างคานอกเสียจากดราม่าครอบครัวของสองตัวละครหลัก ที่ปูไว้แล้วปล่อยไปแบบซะงั้น

ฆาตกรรมวัลฮัลลา ถือว่าเป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่ธีมเรื่องน่าสนใจ แต่การเล่นกับเรื่องฆาตกรต่อเนื่องน่าจะทำให้มีชั้นเชิงและน่าสนใจกว่านี้ ซึ่งทั้งเรื่องก็ไม่ได้เฉลยให้เห็นอุปนิสัย หรือการลงมือของฆาตกรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันโหด มันน่ากลัว ทั้งๆ ที่มีวัตถุดิบในเรื่องดีๆ หลายอย่าง เช่นปมในอดีตของสถานรับเลี้ยงวัลฮัลลา การตายของผู้คนในนั้น และการกระทำที่ให้อภัยไม่ได้ มันเล่าออกมาได้ไม่ดีและชวนหลับหลายตอน แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ในระดับที่โอเค อยู่ในระดับกลางๆ ไม่หวือหวา แต่ดูได้เรื่อยๆ แม้จะชวนง่วงไปบ้างก็ตาม

รับชม The Valhalla Murders ได้ทาง Netflix แล้ว วันนี้

อ่านบทความรีวิวหนัง ซีรีส์อื่นๆ ได้ที่นี่

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!