playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว To The Lake ลี้ภัยเมืองทมิฬ เอาตัวรอดจากไวรัสฉบับโหดสัสรัสเซีย

สรุป

ซีรีส์แนวเอาตัวรอดจากรัสเซียที่ทำออกมาได้ดูดี สนุก และน่าติดตามไปกับการเอาตัวรอดของชายวัยกลางคนที่ต้องดูแลครอบครัวทั้งสอง ในบ้านป่าเมืองเถื่อนที่แม้ทหารก็ไว้ใจไม่ได้ รวมไปถึงเพื่อนที่พร้อมจะหักหลัง ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตาม ด้านดราม่าทำได้ดี แต่การดำเนินเรื่องที่ควรจะเล่าให้ใหญ่กลับโฟกัสแค่จุดเล็กๆ รวมไปถึงบางช่วงที่ไม่อธิบายเกี่ยวกับตัวไวรัสมาก เลยอาจจะยังทำให้ไม่อินเท่าที่ควร แต่โดยรวมคือดี ชอบแนวนี้ก็แนะนำให้ลอง ซีรีส์จากรัสเซียไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ธีมเรื่องน่าสนใจ
  • นำเสนอการเอาตัวรอดออกมาได้ดีในแบบรัสเซีย
  • โปรดักชั่นจัดเต็ม ฉากหิมะสวยงามทั้งเรื่อง

Cons

  • ลงรายละเอียดไม่ดีพอ
  • ช่วงแรกค่อนข้างเอื่อย

To The Lake ลี้ภัยเมืองทมิฬ ซีรีส์ Netflix จากรัสเซียที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ กับการเอาตัวรอดในดินแดนอันหนาวเหน็บบริเวณมอสโก ที่ได้กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ผู้คนคลั่ง อาละวาด หาทางเอาตัวรอด จากไวรัสสายพันธ์ใหม่ที่จะคร่าชีวิตผู้คนที่ติดมัน

 To the Lake (2019) on IMDb

ตัวอย่าง To The Lake ลี้ภัยเมืองทมิฬ

รีวิว To The Lake ลี้ภัยเมืองทมิฬ

ในปัจจุบันโลกเราเองก็มีสถานการณ์ที่ต้องทำให้ผู้คนอาศัยอยู่แต่ในบ้าน ต้องกักตัว และต้องป้องกันการติดเชื้อจากโรคโควิด-19 และซีรีส์เรื่องนี้ ก็ได้สะท้อนเหตุการณ์ว่า ถ้าหากไวรัสที่มันร้ายแรงกว่าโควิด และผู้คนเริ่มบ้า เข่นฆ่ากันเองขึ้น จะเป็นอย่างไร

โรคติดต่อเริ่มระบาดไปทั่วทั้งมอสโก ทำให้เซอเก ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีรักใหม่กับสาวจิตแพทย์ ได้ตัดสินใจข้ามพรมแดนเขตกักกันเพื่อไปช่วยลูกชายกับภรรยาคนก่อนของเขาออกมาจากเขตกักกัน

แต่เมื่อไวรัสแพร่ระบาด กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ดูเหมือนจะเป็นมิตร เข้ามาตรวจตราตามบ้านเรือน กลับกลายเป็นว่าเข้ามาปล้น ฆ่า ข่มขืนชาวบ้าน ทำให้แม้แต่ที่บ้านของเซอเกก็ไม่ปลอดภัย พวกเซอเกและเพื่อนบ้าน จึงต้องหลบหนีจากการตามล่า และอยู่ให้ห่างจากตัวเมืองเข้าไว้ จึงได้ตัดสินใจกำหนดจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ ที่ทะเลสาบ

ที่ทะเลสาบแห่งนั้น มีเรือสมัยสงครามโลกจอดแน่นิ่งไว้ และพ่อของเซอเกก็ได้ดัดแปลงเอามาทำบ้านที่พร้อมอาศัยอยู่ แถมมันยังห่างไกลผู้คนและน่าจะเป็นที่ๆ ปลอดภัย แต่การเดินทางของพวกเขาไม่ได้ราบรื่น เพราะเมืองทั้งเมืองต่างตกอยู่ในความหวาดผวา ผู้คนต้องหาทางเอาตัวรอด ทหารก็ต้องการกักกันโรค การเดินทางครั้งนี้จะลงเอยเช่นไรต้องไปลุ้นกันในเรื่องต่อ

นี่เป็นซีรีส์ที่น่าจะนำเสนอความดิบและโหดของดินแดนหมีขาวที่ดีเรื่องหนึ่ง รวมไปถึงมันสะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันในเวอร์ชั่นที่เลวร้ายกว่าได้อย่างดี กับสถานการณ์ไวรัสระบาด ในเรื่องคนที่ติดไวรัสร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ดวงตาเป็นสีขาวมองไม่เห็น และสามารถแพร่เชื้อต่อได้ ถ้าหากถูกตรวจพบก็จะถูกฉีดสีขาวที่ล้างไม่ออกลงบนตัว เพื่อนำตัวไปกักกัน (หรืออาจจะฆ่าทิ้ง)

ผู้คนที่ดูเหมือนจะน่าไว้ใจอย่างพวกทหาร ก็กลายเป็นโจรที่ปล้น และช่วงชิงเอาเปรียบผู้คนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ยากลำบากนี้ ให้มันลำบากขึ้นไปอีก รวมไปถึงความเห็นแก่ตัวของคนที่มันแสดงออกมาให้เห็นทุกตอน

ในเรื่องจะติดตามชีวิตของ เซอเก ที่กำลังมีปัญหา เมื่อเขาต้องดูแลทั้งคนรักใหม่อย่างแอนนาที่มีลูกติดเป็นออทิสติก และคนรักเก่ากับลูกชายของเขาในเหตุการณ์ไวรัสแพร่ระบาดนี้ พวกไปถึงต้องเดินทางกับเพื่อนของเขา ลีโอเนีย เป็นผู้ชายนิสัยประเภทที่ปากเสีย เห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด และพ่อของเซอเกก็ร่วมทางไปด้วย ทำให้ในการเดินทาง ปัญหามันมักจะมาจากความเห็นแก่ตัวของคน และความเห็นที่แตกต่างกัน

อย่างแอนนา ภรรยาใหม่จะเป็นตัวแทนของคนที่มีความคิดที่แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ต้องมีมนุษยธรรม แต่อิรินา ภรรยาเก่า จะเป็นคนประเภทที่ ฉันกับลูกฉันต้องรอด เราจะได้เห็นความขัดแย้งตรงนี้ได้บ่อยๆ นอกจากการกัดกันแบบภรรยาเก่าและใหม่ตีกัน

ในการเดินทางก็จะพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันมากมาย ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาเฉาพะหน้าตลอด ทำให้เรารู้สึกได้ลุ้นไปกับตัวละคร รวมไปถึงกับการเจอผู้คนหลากหลายแบบที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาจะมาดีหรือมาร้าย ก็เป็นเสน่ห์ของซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดที่ทำออกมาได้ดี และมีการหักมุมด้วยในบางตอน

สิ่งที่ต้องชมก็คือโปรดักชั่นที่ดูทุ่มทุนสร้าง ในบางฉากเช่นฉากไล่ล่า การจลาจล ฉากกองกำลังต่างๆ หรือทุ่งน้ำแข็งหิมะ ดูแล้วหนาวไปกับตัวละครเลย

แต่สิ่งที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยังทำได้ไม่ดีพอก็คือ การที่สเกลเรื่องมันใหญ่ การติดเชื้อไวรัสอันตราย แพร่ระบาด มันยังไม่นำเสนอส่วนนี้ให้เราเห็นได้ดีพอ รวมไปถึงการอธิบายเกี่ยวกับอาการของไวรัสชนิดนี้แบบละเอียดๆ เราแทบไม่รู้อะไรมันเลยนอกจากคนติดเชื้อตาจะกลายเป็นสีขาวแล้วไอเป็นเลือด ไม่รู้ว่ามันแพร่เชื้อได้ทางไหนบ้าง

มันเลยทำให้บางส่วนของซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการไวรัส มันดูพอเหมาะพอเจาะ บังเอิญ แล้วทำได้ง่ายๆ ในแบบ ซะอย่างนั้น เลยรู้สึกแปลกๆ และเสียดายที่ไม่เล่าส่วนนี้ให้ละเอียดเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่มันเป็นแก่นหลักของเรื่อง

To The Lake Bridgeต่อมาคือการเดินทางของตัวเอก ดูเหมือนเรื่องราวมันจะใหญ่โต แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่มันดำเนินเรื่องในแถบชนบทของรัสเซีย เราจะเห็นแต่เส้นทางรถยาวๆ ป่าโล่งๆ ขาวโพลนไปทั้งหมด เจอบ้าน เจอกระท่อมกลางป่า ตัดขาดกับโลกภายนอก มันเลยทำให้เราไม่รู้สถานกาณ์ในซีรีส์ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไปถึงไหน ร้ายแรงแค่ไหน เราเห็นแต่ทหารออกมากักกันโรคด้วยวิธีจัดการแบบเด็ดขาดเท่านั้นในเรื่อง โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเรื่องควรที่จะเล่ารายละเอียดโดยรวมให้มากกว่านี้จะทำให้คนอินไปกับเรื่องได้ดีขึ้น

ในพาร์ทสุดท้ายของซีรีส์ ก็จะเป็นดราม่าเกี่ยวกับแต่ละตัวละครที่จะสอดแทรกมาทั้งเรื่อง ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจในแต่ละตัวละคร แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้อิน มีอารมณ์ร่วม ชวนลุ้นได้ขนาดนั้น รวมไปถึงการจบที่กำลังจะมันส์ แต่จบแบบไปรอซีซั่นสอง เป็นอะไรที่ค้างคามากๆ เพราะทุกอย่างกำลังจะลงตัว กำลังสนุกเลย

แต่ก็ถือว่าโดยรวมทำได้ดี แม้ช่วงแรกจะดำเนินเรื่องค่อนข้างเนิบนาบ ปูบทตัวละครเอกแต่ละตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่พอเข้าถึงจุดสำคัญ เรื่องมันก็ไหลไปเรื่อยๆ ชวนให้เราติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ กว่าจะรู้ตัวก็ต้องรอซีซั่นต่อไปเสียแล้ว นี่จึงเป็นซีรีส์เอาแนวเอาตัวรอดจากไวรัสระบาด ที่ไม่ใช่ซอมบี้ที่คนชอบแนวนี้ ควรหามาลองชม

รับชม To The Lake ลี้ภัยเมืองทมิฬ ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านบทความรีวิวหนัง ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!