playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Black Widow (Disney+) ตัวแม่แห่งอเวนเจอรส์ที่มาช้าไปแล้ว (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์ปิดฉากตัวละครแบล็ควิโดว์ได้ตามมาตรฐานมาร์เวล โชว์ให้เห็นอีกมุมที่ลึกลับแต่นำเสนอออกมาได้แบบตื้นเขิน ฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ซ้ำซากแม้จะดูดีมากแค่ไหนก็ตาม แทนที่ด้วยตัวละครที่น่าสนใจและมีอนาคตที่กว้างไกลในจักรวาล MCU โปรดักชั่นจัดเต็มแต่ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ แม้เนื้อเรื่องในแบบสายลับจะค่อนข้างคาดเดาง่าย แต่ได้การแสดงที่ทรงพลังมาคอยโอบอุ้มให้ติดตามได้ไปจนจบ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มไม่มีกัํก โปรดักชั่นจัดเต็ม
  • ตัวละครแบล็ควิโดว์และคนอื่น ๆ มีมิติที่น่าสนใจและมีเสน่ห์
  • การแสดงที่ทรงพลังของทีมนักแสดงหลักทุกคน
  • เนื้อเรื่องมีความเป็นหนังสายลับชวนให้ติดตาม
  • มีจุดหักมุมแบบที่คาดเดาเกือบไม่ได้
  • มีครบทุกรสทั้งดราม่าและตลก

Cons

  • พล็อตสูตรสำเร็จ ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้ว
  • ตัวละครใช้ได้ไม่สมบทบาทที่ปูมาตลอดเรื่อง
  • เนื้อเรื่องถูกนำเสนอออกมาได้แบบตื้นเขินไม่น่าสนใจเหมือนตัวละคร
  • อารมณ์ของเรื่องไม่สม่ำเสมอ ติดตลกเกินไปจนกลบความจริงจัง

Black Widow (แบล็ค วิโดว์ สายลับหญิงพิฆาตโลก) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรสัญชาติอเมริกัน เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากตัวละครของมาร์เวลคอมิกส์ในชื่อเดียวกัน ผลิตโดยมาร์เวลสตูดิโอ เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 24 ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ภาพยนตร์เรื่องแรกของ เฟส 4 นำแสดงโดย สการ์เลตต์ โจแฮนส์สันฟลอเรนซ์ พิว (Midsommar) และ เดวิด ฮาร์เบอร์ (Stranger Things) ภาพยนตร์เดี่ยวของ นาตาชา โรมานอฟ สายลับสาวที่ได้สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยจักรวาลใน อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นหลังจาก กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก ในช่วงเวลาที่โรมานอฟที่ตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ต้องหลบหนีการไล่ล่าของรัฐบาลและถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับอดีตของเธอเอง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายไปแล้วในอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายนและได้คำวิจารณ์ในแง่บวก แต่ไทยโดนมรสุมมากมาย กว่าจะได้ฉายก็กลายเป็นฉายพร้อมกันสองช่องทางถูกลิขสิทธิ์ ทั้งดิสนีย์พลัส และในจอโรงภาพยนตร์

 Black Widow (2021) on IMDb

ตัวอย่าง BLACK WIDOW (แบล็ค วิโดว์)

รีวิว Black Widow (แบล็ค วิโดว์)

ในช่วงเวลาปี 2016 ที่นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ควิโดว์ ได้หลบหนีจากการตามล่าของรัฐบาล ภายหลังสงครามระหว่างฮีโร่ มาอยู่ในประเทศที่ห่างไกลทางนอร์เวย์ ก่อนที่เธอจะค้นพบว่า โปรเจกต์แบล็ควิโดว์ที่เคยหลอกหลอนเธอในอดีตที่เธอคิดว่าเธอทำลายมันไปหมดแล้ว ยังดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสะสางทุกอย่าง ในขณะเดียวกันเยเลน่า หญิงสาวปริศนาที่ทำงานให้กับองค์กรได้เผลอค้นพบความลับของแก๊สปริศนาที่เรียกคืนสติของเธอและนำพาเธอไปตามหาแบล็ควิโดว์ที่เหลือรอด เพื่อยับยั้งแผนการทุกอย่าง สองหญิงผู้เป็นสายลับและพี่น้องต่างสายเลือดจึงจับมือเดินทางข้ามประเทศเพื่อออกตามหาความจริงที่แสนเจ็บปวดและค้นหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้พวกเธอกลายเป็นสายลับนักฆ่าที่ทุกคนเกรงกลัว โดยมีพันธมิตรร่วมเดินทางไปอย่าง อเล็กเซย์ หนุ่มใหญ่ผู้เปรียบเสมือนพ่อของพวกเธอ และเมลิน่า หญิงมากฝีมือที่เป็นเหมือนแม่ของพวกเขาที่จะมาร่วมกันเผชิญหน้ากับภัยร้ายที่หวังจะคุกคามโลกทั้งใบในขณะที่ทีมอเวนเจอร์สแตกคอ!

เรียกได้ว่าถ้าใครดูหนังมาร์เวลมามากมายก็คงไม่รู้สึกแปลกใหม่กับการเล่าเรื่องของหนังในจักรวาลนี้มากเท่าไหร่ แม้จะยอมรับว่าช่วงแรกที่หนังเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างดาร์กมาก จนคาดหวังแล้วว่า มันต้องเข้มข้น แต่พอเริ่มเรื่องต่อมา กลายเป็นหนังสไตล์ฮีโร่มาร์เวลที่มีการเล่าระหว่างปริศนา ฉากแอ็คชั่น มุกตลก ซึ่งพล็อตค่อนข้างจะตกยุคไปหน่อยแล้ว เมื่อเทียบกับยุคสมัยที่ซีรีส์มาร์เวลได้ฉายก่อนหน้านี้มาแล้วสี่เรื่อง ทำให้เราอาจจะไม่ค่อยได้ความสดใหม่ของเรื่องราว นอกไปจากการชูตัวละครนาตาชาที่เป็นตัวหลักในการนำเสนอโลกนักฆ่าในเรื่องและจุดหักมุมนิดหน่อยที่ทำออกมาได้เซอร์ไพรส์แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะใครหลายคนน่าจะจับไต๋ได้ง่าย ๆ แต่นอกจากนี้ความดีงามของมันคงเป็นฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ตามมาตรฐานและยังมอบสปอร์ตไลท์ให้ทุกตัวละครหลักได้วาดลีลาโลดแล่นในการต่อสู้ ไหนจะยังมอบบทบาทให้ผู้หญิงในเรื่องได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี นอกจากนี้ยังมีฉากดราม่าครอบครัวที่รวมนักแสดงมากฝีมือมาไว้ในฉากเดียวกันที่ทำได้ค่อนข้างน้ำตาซึม ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่อยู่ แต่หลังจากนั้นก็ตู้มต้าม สู้กับตัวร้ายที่บทเหมือนจะเท่ แต่ก็ถูกนำเสนอได้แบบฉาบฉวย และค่อนข้างธรรมดาไม่ค่อยจะเจ๋งสมบทบาทเท่าไหร่ เหมือนหนังอยากให้จบไวก็หาเรื่องให้มันจบแบบนั้น และบทสรุปของเรื่องที่สามารถจบเรื่องราวของตัวละครหลักได้อย่างเกือบสวยงาม ก่อนจะโดนตบหน้าด้วยฉากเอนเครดิตประสามาร์เวลที่ทำให้เรารู้แล้วว่า จากนี้ไปจักรวาลภาพยนตร์จะไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่บอกหรอกว่าคืออะไร ไปดูเอาเอง แต่บอกเลยว่า ถ้าใครดู The Falcon and the Winter Soldier มาก่อนแล้ว จะเข้าใจมากกว่าเดิมแน่นอน อีกทั้งมันยังสานต่อไปยังมินิซีรีส์เรื่อง Hawkeye ที่จะฉายในวันที่ 24 ธันวาด้วย ก็อย่าลืมมารอติดตามรีวิวเรื่องนี้ของผมด้วยนะ

ตัวละครในเรื่องกระจายบทในระดับพอใช้ เแม้จะเป็นหนังของตัวละครนาตาชา และตัวละครเธอจะโดดเด่น โชว์ความดราม่าและมุมที่แสนเจ็บปวดของสายลับหญิงที่ต้องเผชิญหน้ากับมรสุมชีวิตและจมปลักอยู่กับความผิดในอดีต รวมไปถึงมุกตลกแบบเนียน ๆ ที่แอบพาอารมณ์หนังสะดุด แต่ที่โดดเด่นแบบไม่น่าเชื่อคงจะเป็นเยเลน่า ตัวละครหลักร่วมที่ไม่ได้ออกมาโชว์แต่ยังขโมยซีนในทุกฉากที่ตัวเองมีอยู่จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงชอบตัวละครนี้ และอนาคตของเธอก็ค่อนข้างยาวไกลอีกด้วย อเล็กเซย์ ชายวัยกลางคนร่างใหญ่หัวใจบึ้กที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ กัปตันอเมริกาของรัสเซียนามว่า เรด การ์เดี้ยนผู้ฝันใฝ่จะได้ต่อสู้กับกัปตันอเมริกา จนกระทั่งอดีตของนาตาชาได้ตามมาหลอกหลอนเขาและดึงให้เขากลับมาเป็นผู้นำครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบต่อความเจ็บปวดของความแตกสลายที่เกิดขึ้นในอดีต เมลิน่า หญิงผู้มีความเป็นแม่และเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ตัวแปรสำคัญของเรื่องที่เข้ามากระตุ้นให้ตัวละครนาตาชาได้ค้นพบความจริง และมอบความอบอุ่นให้กับเธอและเยเลน่า

ความสัมพันธ์ของทั้งสี่ตัวละครหลักที่เหมือนครอบครัวและเคมีที่ลงตัวเป็นส่วนที่ดีและสำคัญเลยของเรื่อง แม้ส่วนตัวจะแอบคิดว่าบทเมลิน่าค่อนข้างจะน้อยไปหน่อย ในขณะที่แทสมาสเตอร์ คนในชุดปริศนาที่สามารถคัดลอกท่วงท่าการต่อสู้ของศัตรู ได้ถูกปรับแปลงบทและบุคลิกใหม่ให้เข้ากับภาพยนตร์ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดายที่บทของเขานั้นไม่ได้เอื้อให้ได้ทำอะไรมาก นอกจากฉากต่อสู้แค่นั้น เมื่อเทียบกับในฉบับคอมมิคที่ตัวละครนี้คือตัวละครร้ายหลัก แต่ตัวร้ายหลักกลับไปอยู่ที่นายพล  เดรย์คอฟ หัวหน้าผู้คุมห้องแดง เจ้าของอดีตที่บีบคั้นให้นาตาชาถูกหลอกหลอน เขาแสดงได้ค่อนข้างผิดวิสัยตัวละครมาร์เวล คือดูสง่าแต่ไม่มีอะไรน่าเกรงขามด้วยซ้ำ แถมยังมีมิติเดียวแบนราบ ทำให้ขาดความน่าสนใจ นอกนั้นก็ตัวละครซัพพอร์ทเสริมความแข็งแรงของพล็อตไม่ได้มีบทสำคัญอะไรเท่าไหร่

ประเด็นสำคัญของเรื่องคงเป็น เราต้องรู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ควรจะหลีกหนีจากปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็มีแต่จะย้ำเตือนถึงความผิดในอดีตและทำให้เราไม่สามารถมูฟออนหรือเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ เช่นเดียวกับสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่สามารถพูดคุยกันแบบจริงจังเพื่อหาทางแก้ปัญหาไปด้วยกันท่ามกลางจิตใจที่เคยแตกสลายและไม่ได้รับการอภัยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคนในสายเลือดหรือไม่ ครอบครัวก็คือครอบครัว ไม่มีวันจะแตกหักกันได้เพียงแค่เรื่องใหญ่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง การวางแผนไว้อย่างเป็นระเบียบจะช่วยให้ผลลัพธ์นั้นดีเสมอ และการทำอะไรนอกกรอบบางครั้งก็เป็นประโยชน์กับเรา หรือแม้แต่การที่เราต้องกล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมาแบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังไง แต่มันคือการแสดงออกเพื่อให้เรานั้นได้ระบายความรู้สึกที่แท้จริงและเปิดโอกาสให้คนรอบตัวได้โอบรับเราและทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น และสุดท้าย คนที่เป็นฮีโร่มากที่สุด คือคนที่ไม่มีใครเห็นค่ามากที่สุด แต่คน ๆ นั้นจะมีความหมายมากที่สุดในยามที่เขาไม่อยู่แล้ว

ส่วนนักแสดงคงต้องยกให้ สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของแบล็ควิโดว์ให้มีหัวจิตและหัวใจ น่าติดตาม เท่ โดดเด่น และยังมีมุมที่ให้สำรวจครอบครัว และส่งท้ายการแสดงครั้งสุดท้ายในบทบาทของเธอได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งส่งไม้ต่อให้ ฟลอเรนซ์ พิว นักแสดงหญิงเจ้าบทบาทที่ผ่านบทไหนมาก็ไม่เป็นปัญหา เธอคือตัวละครหลักที่เด่นพอ ๆ กับ นาตาชา มีมุมความเป็นเด็ก ไร้เดียงสา เสียใจและใจสลายซึ่งฉากที่เธอร้องไห้สะกดคนดูได้ดีมากขโมยซีนทุกคนไปเหมือนฉากตลกที่เธอชอบพูดจาแซะไปมาเป็นเสน่ห์ให้เรารักตัวละครนี้ เดวิด ฮาร์เบอร์ จากบทพ่อนายอำเภอ สู้บทลุงอ้วนตุ๊ต๊ะในชุดหนังที่สามารถแยกบุคลิกระหว่างตลกกับจริงจังได้อย่างถูกจังหวะ และช่วยทำให้เรื่องราวนั้นมีความคอเมดี้ แต่ก็ไม่ถอดทิ้งซีนดราม่าที่ทำออกมาได้ฟอร์มดีไม่มีตก ในขณะที่ เรเชล ไวสซ์ ที่บทน่าจะน้อยที่สุดในเรื่องก็ทำหน้าที่ของเธอได้ดี ตีความตัวละครออกมาได้ลึกและชวนน่าสงสัย แต่ในขณะเดียวกันฉากสารภาพความจริงกับตัวละครก็เป็นอะไรที่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีเธอในเรื่อง ซึ่งเคมีของนักแสดงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังมีความเติมเต็มทดแทนบทที่ค่อนข้างสูตรสำเร็จ ในส่วนของการถ่ายทำกับเพลงประกอบมันก็ตามมาตรฐานมาร์เวลไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้รู้สึกเท่าไหร่ นอกจากฉากต้นเรื่องที่ทำออกมาได้ดี แต่จากนั้นทั้งเรื่องก็กลายเป็นเฉย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งฉากแอ็คชั่นและพล็อต ไปซะได้ น่าเสียดายจริง ๆ

สรุป

Black Widow คงจะเป็นภาพยนตร์มาร์เวลที่ดีตามมาตรฐานและมอบบทบาทสุดท้ายของตัวละครแบล็ควิโดว์ได้ดีที่สุดเท่าที่หนังจะนำเสนอแล้ว เพียงแต่มันมาช้ากว่าเวลาที่ควรไปหน่อย มันจึงไม่มีอะไรตื่นตาหรือแปลกใจอะไรไปกว่า การได้เห็นอดีตของตัวละครนี้ ได้เห็นครอบครัว ได้เห็นความเจ็บปวด ได้เห็นความรัก และได้เห็นความกล้าที่ผู้หญิงคนนึงพึงมี อารมณ์ของเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่สม่ำเสมอ ซึ่งนักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี และยังทิ้งเชื้อไปยังเรื่องราวอื่น ๆ ได้ในอนาคต หากคุณเป็นคนที่ชอบตัวละครนี้ คุณก็ไม่ควรพลาด ถ้าคุณอยากหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ก็ยังให้คุณได้ แม้มุกจะซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็คือหนังมาร์เวล ถ้าตามมาตลอดกว่า 10 ปีก็ควรดูเรื่องนี้เพราะมันก็เป็นกลไกสำคัญในจักรวาลที่ห้ามข้าม และไม่เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูหนังในจักรวาลมาร์เวลมามากพอ คุณอาจจะไม่อินเรื่องนี้เลยก็ได้ เอาเป็นว่าอยู่ในขั้นพอใช้ตามมาตรฐานแต่ต่ำกว่าลงมาหน่อย แต่ก็ยังเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การรับชมสำหรับคนที่เฝ้ารอหนังมาร์เวลมานาน

ชมได้แล้ววันนี้ใน ดิสนีย์พลัส

  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
  • อยากอ่านรีวิวซีรีส์จักรวาล MCU เพื่อความต่อเนื่องของผม สามารถกดอ่านในข้อความชื่อเรื่องข้างล่างนี่เลย

WANDAVISION, FALCON AND THE WINTER SODIER, LOKI, WHAT IF…?

 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!