playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Intrusion (Netflix) บ้านสองชั้นและความเชื่อใจแสนอันตราย (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์ระทึกขวัญทุนต่ำสูตรสำเร็จที่ทำออกมาได้ดีเกินมาตรฐานของเน็ตฟลิกซ์ ทั้งการเล่าเรื่องที่ชวนน่าสงสัย เรื่องราวพอใช้แบบที่หนังระทึกขวัญควรจะเป็น การแสดงที่เข้มข้นและลุ้นระทึก องค์ประกอบของดนตรีและการถ่ายทำภาพที่สวยและเล่นมุมกล้องแปลก พร้อมประเด็นที่พร้อมจะบีบให้ผู้ชมลุ้น แม้ว่าหนังจะพยายามใส่ฉากตื่นเต้นบิ๊วจนกลายเป็นโฉ่งฉ่างมากกว่ามีชั้นเชิงก็ตาม

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เนื้อเรื่องชวนให้สงสัยและติดตาม มีจุดหักมุมเล็ก ๆ น้อย ๆ
  • ตัวละครมีความน่าเอาใจช่วยและมีเสน่ห์ดึงให้เราเข้าไปในหนัง
  • การแสดงที่ทรงพลังและเข้มข้นของนักแสดงนำ
  • การถ่ายทำที่ภาพสวยมาก แถมมีเล่นกับมุมกล้องแปลก
  • ประเด็นที่สำคัญและค่อย ๆ เชื่อมโยงกันในช่วงท้ายอย่างสมเหตุสมผล
  • ดนตรีประกอบที่บิ๊วอารมณ์
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • พล็อตสูตรสำเร็จ เดาคนร้ายกับบทสรุปออกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมง
  • ดนตรีประกอบโฉ่งฉ่างจนไร้ชั้นเชิง บางฉากก็พยายามระทึกเกินความเป็นจริง
  • พล็อตรองกับตัวละครที่ใส่เข้ามาไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญสักเท่าไหร่ หนังแอบอืด

Intrusion (ผู้บุกรุก) ภาพยนตร์ระทึกขวัญอเมริกันเชิงจิตวิทยา เรื่องราวของสามีภรรยาที่รักกันหวานชื่นและย้ายมาอยู่ในบ้านสองชั้นสุดหรูใจกลางทะเลทราย แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกปริศนาในค่ำคืนที่จบลงด้วยความระทึกขวัญกำกับโดย อดัม ซาลกี้ โดยได้ ฟรีดา พินโต (นักแสดงเจ้าของบทนำใน Slumdog Millionaire สลัมด็อก มิลเลียนแนร์ คำตอบสุดท้าย…อยู่ที่หัวใจ) โลแกน มาร์แชลล์-กรีน (นักแสดงชายเจ้าของบทชายล่าฆ่าไม่ยั้งใน Upgrade) มารับบทศูนย์กลางของเรื่องอย่างบทสามีภรรยาจากบทภาพยนตร์ของ คริส สปาร์ลิง ที่ฝากผลงานชวนหายใจไม่ออกอย่าง Buried คนเป็นฝังทั้งเป็น ฉายแล้วในเน็ตฟลิกซ์ มีเสียงพากย์ไทยและซับไทย

 Intrusion (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Intrusion (ผู้บุกรุก)

รีวิว

คู่รัก เฮนรี่และมีร่าดันอุตริมาอาศัยอยู่ในลอฟต์ (บ้านสองชั้นขนาดใหญ่) ที่ถูกออกแบบเป็นอย่างดีและอยู่ในทะเลทรายบนทำเลที่ห่างไกลจากสังคม เฮนรี่นั้นเป็นสถาปนิกหนุ่มที่สร้างบ้านหลังนี้ และมีร่าทำงานอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ทุกอย่างนั้นเป็นไปได้สวยตามแบบชีวิตรักอันแสนสุข แต่แล้วก็มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเมื่อมีร่องรอยการบุกรุกของบ้านทั้งคู่ ตำรวจลงความเห็นอย่างน่าสงสัย จนกระทั่งคืนหนึ่งมีโจรสามคนเข้าบุกบ้านทั้งคู่ และจับตัวมีร่าไว้ ก่อนที่จะจบลงด้วยความตายของโจรเหล่านั้นจากการป้องกันตัวของทั้งคู่ มีร่าเริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ทั้งความกลัวและความไม่ไว้ใจ เป็นเพราะความกังวลมากไปหรือมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เธอจึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว และนั่นทำให้เธอได้รับรู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นอาจไม่ได้อย่างที่คิด และคนร้ายอาจจะไม่ได้มีแค่โจรสามคนที่บุกบ้าน แต่อาจจะเป็นทั้งเมืองที่มีแต่ความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่และอาจจะค่อย ๆ บ่อนทำลายชีวิตและความฝันอันแสนสุขของเฮนรี่และมีร่าให้ย่อยยับ

หนังเดินเรื่องด้วยการเผยให้เห็นชีวิตของคู่สามีภรรยาที่ดูไม่มีอะไรผิดปกติ มีชีวิตที่สุขสันต์และหวานจนเกือบเลี่ยน ตรงนี้ออกจะน่าเบื่อเล็กน้อย แต่เข้าใจว่าต้องปูเรื่องไปสู่ความระทึกต่อมาเมื่อมีการบุกรุกบ้านซึ่งทำออกมาระทึกใช้ได้แต่ก็จบเหตุการณ์อย่างรวดเร็วราวกับหนังใช้การบุกบ้านตัวเองเป็นแค่จุดขัดแย้งไปสู่เรื่องจริง ๆ และเริ่มเข้าสู่การวางความไม่ไว้ใจในตัวละครต่าง ๆ ผ่านตัวละครเอกหญิงและชายของเรื่องที่เหมือนจะพยายามใช้ชีวิตปกติแต่แล้วมันก็สไตล์หนังแนวนี้คือมันไม่ปกติและแน่นอน หนังทำให้คุณรู้ได้ทันทีเลยว่าใครที่น่าสงสัย แต่ก็ถูกทดแทนมาด้วยพล็อตย่อยที่เสริมเข้ามาที่ทำให้เราต้องคิดตามและลุ้นอีกว่า ตกลงอะไรยังไงกันแน่ ซึ่งพล็อตรองของมันก็ยังทำให้เราหลุดคิดไปว่าคนร้ายอาจจะไม่ใช่คนนี้ แล้วก็ตู้มช่วงท้ายกลายเป็นหนังแนวปิดฉากด้วยการใส่ผู้อยู่เบื้องหลัง มูลเหตุจูงใจที่น่ารังเกียจ และการต่อสู้เอาชีวิตรอดที่ทำออกมาได้ลุ้นมาก แม้ว่าพล็อตจะสูตรสำเร็จไปบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าจังหวะจะโคนนั้นใช้ได้ผลตลอดทั้งเรื่อง แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่ พล็อตช่วงกลางค่อยข้างเอื่อยและไม่จำเป็น ผมเชื่อว่าทุกคนจะเดาคนร้ายออกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกอย่างแน่นอน

ตัวละครในเรื่องนั้นจะมีหลัก ๆ คือ ตัวละคร มีร่า สาวอินเดียนที่มีปัญหาสุขภาพและต้องเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้าที่ทำให้ทุก ๆ ย่างก้าวต้องมีสามีตามดูแลจนไม่กล้าทำอะไรมาก จนกระทั่งเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้เปลี่ยนแปลงให้เธอเริ่มลุกขึ้นมาทำอะไรด้วยตัวเอง ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะน่ารำคาญ เอาแต่ร้องโวยวายให้คนช่วย แต่เอาเข้าจริงคือใจสู้ ฉลาด และช่างสังเกตมาก มีหลายฉากที่แสดงให้เห็นว่าเธอก็คือคนปกติแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแบบให้ชวนรำคาญเพราะตัวละครมันมีปมอยู่ แต่ปมมันไม่ได้ทำร้ายตัวละครตัวนี้ ในขณะที่เฮนรี่บทชายที่รักเมียมากทำทุกอย่างเพื่อเมีย เล่นมุกตลกแป้ก ๆ เป็นพ่อบ้านทำอาหารคอยปกป้องภรรยา แต่แล้วก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคนที่ดูมีอะไรในใจแถมยังซ่อนความลับอะไรไว้หลายอย่างด้วย แต่ก็เป็นตัวละครที่น่าจะให้คิดในเชิงจิตวิทยาแล้วว่าทำไมมันถึงน่าสนใจ ในขณะตัวละครอื่น ๆ ก็โผล่มาแล้วก็ผ่านไปไม่มีอะไรโดดเด่น แค่มาให้เห็นว่าเมืองนี้น่าสงสัยแค่ไหน แต่เอาเข้าจริง เพราะหนังทุนต่ำ ตัวละครจึงไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมาก นอกจากสองสามีภรรยากับตัวละครลับอีกตัวหนึ่งที่หนังไม่ได้เผยในตัวอย่าง ที่ตัวละครนี้แหละเพิ่มความตึงเครียด ระทึก และน่าตื่นเต้นให้กับเรื่องราวในช่วงท้ายได้ดีอีก

ประเด็นของเรื่องนี้ เรามักจะคิดว่าเรารู้จักคนใกล้ตัวดีแล้ว แต่ไม่มีทางที่เราจะรู้ว่าในใจของคน ๆ นั้นคิดอะไร และมันอาจจะทำร้ายความเชื่อใจของเราและเป็นอันตรายต่อความรู้สึกของเรา แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเรา มันเป็นความผิดของเขาที่เป็นแบบนั้น ที่ทำให้เรารู้สึกและไม่รู้สึก หรือแม้แต่ผู้ชายมักจะชอบคิดว่าตัวเองต้องเป็นผู้นำ ต้องคอยดูแลผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้ว เราต่างก็เป็นผู้นำที่ต้องดูแลซึ่งกันและกัน จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นมากหรือน้อยกว่านั่นคงไม่ใช่ความเท่าเทียม แต่มันคือความเป็นพิษที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์เมื่อไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง และที่หนังระทึกขวัญบอกไว้เสมอ จงใช้สติและพลังแก้ไขปัญหาไม่ต้องไปกลัวว่าผลจะเป็นอย่างไร การตัดสินใจในระยะเวลาสั้นนั้นมันยากที่จะหาทางเลือกที่ดีกว่า แต่ยังไงทำเลยก็ดีกว่า แล้วค่อยมารับผลของมันทีหลัง ดีกว่าไม่ทำแล้วจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ช่วงท้ายยังทรงพลังตรงที่ถ้าอยู่ที่ไหนแล้วไม่สบายใจ ไม่ใช่บ้าน ก็ควรไปจากที่นั่น อย่าทนหลอกตัวเองว่าทุกอย่างที่มี ที่แสนสวยงามนั้นมันคือความสุข ความสุขเกิดจากจิตใจของเรา ไม่ใช่สิ่งที่ใครปรุงแต่งแบบที่คิดว่าเราต้องการ

นักแสดงนำก็ต้องบอกเลยว่า ฟรีดา พินโต คือเดอะแบกของเรื่อง เธอคือตัวแทนของผู้ชมพาเราไปสำรวจชีวิตของเธอและสามี พร้อมกับสืบหาความจริงทั้งที่ตัวเองก็มีปมเป็นของตัวเอง สีหน้าท่าทางบ่งบอกออกมาทุกอย่างและเธอยังมีเสน่ห์ทั้งในมุมปกติและมุมตอนท้ายที่เธออาจจะไม่ได้สู้อะไรมาก แต่มันก็ทำให้เธอเป็นตัวละครหญิงที่น่าเอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะที่ โลแกน มาร์แชลล์-กรีน บทอาจจะดูธรรมดาไปบ้างแต่ในช่วงท้ายก็เผยของออกมาได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องของเรื่องที่ระเบิดพลังออกมา เมแกน เอลิซาเบธ เคลลี ในบทตัวละครลับที่โผล่ออกมาแค่ช่วงท้ายแต่ทำเอาลุ้นและสงสารแทบไม่ตก เธอต้องเล่นบทบาทหวาดกลัวและพยายามดิ้นรนอย่างสุดขีด และเธอก็ทำให้เราเห็นว่าไว้ใจใครไม่ได้เลยภายในเรื่อง นอกนั้นก็ธรรมดา แต่ที่ทำออกมาได้ดีดนตรีและมุมกล้องทำออกมาได้สอดคล้องกันมาก ๆ ดนตรีบิ๊วตลอดสิบนาทีที่มีฉากให้ติดตาม แต่บางทีก็รู้สึกมันถี่ไปจนเป็นฉากตกใจแบบดื้อ ๆ ไม่มีชั้นเชิง ส่วนมุมกล้องในฉากต่าง ๆ จะมีการเล่นกับกล้องมุมขวางเฉียงไปมาแล้วค่อย ๆ แพนเป็นมุมตรงแช่กล้องเล่นกับมุมของบ้าน ซึ่งตรงนี้ขยี้ความอยากรู้และระทึกของคนดูแน่ ๆ ว่าบ้านนี้มันมีอะไรไม่ธรรมดาอยู่หรือเปล่า ด้วยมุมทิ้งห่างและการถ่ายทำที่สวยในทุกฉาก ทำให้เห็นว่าหนังระทึกขวัญที่เล่นกับมุมกล้องนั้นบรรเจิดจริง ๆ โดยเฉพาะถ้ามันใช้ถูกจังหวะ ยกความดีให้มุมกล้องและการกำกับของ อดัม ซาลกี้ จริง ๆ

สรุป

Intrusion มีสไตล์ของหนังระทึกขวัญที่เล่นกับจิตวิทยาแต่ไร้ซึ่งความแปลกใหม่ของเรื่องราวหรือคอนเซปต์ที่ผ่านตามาหลายรอบ แต่ได้ความลุ้นระทึกที่ทำได้อย่างที่คาดไว้ มีความโหดและความจิตเล็ก ๆ ที่ซ่อนไว้ในหนัง ประเด็นช่วงท้าย ๆ ที่ใส่เข้ามาให้หนังมันมีความลึกซึ้งขึ้นตามชื่อ  แต่ด้วยที่มันเป็นหนังทุนต่ำที่เน้นการเล่าเรื่องและการแสดงที่ทำได้ดีสมชื่อนักแสดง ด้วยมุมกล้องที่เล่นกับฉาก และดนตรีประกอบพร้อมการแสดงที่พร้อมบิ๊วคนดูตลอดเวลา แต่ก็ยังโดนเรื่องราวที่ดูไปงั้น ๆ ไม่มีอะไรให้คิดมากมายคอยตรึงไว้ให้เราไม่ค่อยอยากจะสนใจมันทำไร อีกทั้งบทสรุปยังจบแบบดื้อ ๆ ก็ทำให้มันเป็นหนังระทึกขวัญที่ทำได้ดีเกินมาตรฐานเล็กน้อยของเน็ตฟลิกซ์ที่ชวนคนมาดูให้ตกใจไปด้วยกันได้ตามหนังแนวนี้ ก็แนะนำสำหรับคนที่อยากหาหนังตื่นเต้นระทึกใจและเรื่องราวที่เล่นกับความเชื่อใจพร้อมปั่นประสาทไปมาได้จนจบ ผมก็ขอมอบหนังเรื่องนี้ให้คุณ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!