playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Love & Anarchy รักวินาศสันตะโร การงาน เสน่หา และความตื่นเต้นของชายหญิง (ไม่สปอยล์)

สรุป

อย่าให้เรื่องรัก แบล็กเมล์ หลอก เรื่องเปี่ยมไปด้วยความน่ารัก ความเหน็ดเหนื่อยของการทำงาน และการค้นหาตัวเอง ไปพร้อม ๆ กับความสัมพันธ์ และจิกกัดสังคมอย่างแสบสันต์ น่าเสียดายที่จบแบบเหมือนทิ้งท้ายจะมีซีซั่นสอง ปมบางอย่างเลยยังไม่แก้ แถมอารมณ์ยังไปในทางเรื่อย ๆ มากกว่าจะเน้นโฉ่งฉ่าง

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • นักแสดงหล่อสวยเคมีเข้ากันมาก แถมยังเล่นดีด้วย
  • เนื้อเรื่องมีความสมจริงและจับต้องได้ เลิฟซีนถึงใจมาก
  • ประเด็นการข้ามผ่านปัญหาและค้นหาตัวเอง
  • ประเด็นสังคมมากมาย
  • แม้จะเป็นเรื่องความรักหรือเรื่องตลก แต่ก็มีรสชาติอื่น ๆ ให้ไม่จืดไป
  • จิกกัดงานวงการสำนักพิมพ์

Cons

  • เนื้อเรื่องอาจจืด ๆ ไปบ้าง มุกตลกที่ถ้าคนไม่เข้าใจอาจจะไม่ชอบ เพราะมันแทบจับต้องไม่ได้มากนัก เมื่อเทียบกับซีรีส์ดัง ๆ
  • ช่วงท้าย ๆ มีส่วนที่น่ารำคาญและออกทะเลอยู่บ้าง อาจจะต้องทนหน่อย

Love & Anarchy หรือ รักวินาศสันตะโร ซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ จากประเทศสวีเดน โดยถือเป็นซีรีส์ออริจินัลเน็ตฟลิกซ์เรื่องที่สองที่สร้างขึ้นโดย FLX สตูดิโอโทรทัศน์ของสวีเดนที่ออกมาเขย่าวงการสตรีมมิ่งโดย ลิซ่า แลงเซ็ท ซึ่งเราคงไม่รู้จักผลงานมากนัก เพราะประเทศสวีเดน เราแทบจะไม่ได้แตะงานอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเน็ตฟลิกซ์ และผมยอมรับเลยว่าถ้าไม่เห็นชื่อเรื่อง ผมคงมองข้ามไปแน่นอน เพราะปกติผมก็ดูแต่ซีรีส์ อเมริกัน สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลี บางประเทศก็มีบ้าง แต่สวีเดนนี่เป็นครั้งแรกเลย ไหนจะพล็อตที่ดู ๆ แล้วเหมือนพลอตหนังอเมริกันทั่วไป หนุ่มสาวต่างวัยพบรักกัน แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น อะไรที่มากกว่าการเป็นซีรีส์รักโรแมนติกคอมเมดี้ตามที่มันจั่วหัวอย่างเดียว

 Love & Anarchy (2020) on IMDb

 

“โซฟี สาวใหญ่วัยทำงานอายุเข้าใกล้เลขสี่ที่มีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย ทว่าเธอกลับโหยหาความสุขและความตื่นเต้นที่สามีจอมบงการอย่าง โยแฮน ให้ไม่ได้ ผ่านการช่วยตัวเอง แต่เรื่องมันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเธอไม่ได้เข้าไปทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับสำนักพิมพ์หนังสือแห่งหนึ่ง และถูกรบกวนโดย แม็กซ์ ชายหนุ่มวัยรุ่นพนักงานไอทีชั่วคราวของบริษัทที่เข้ามาปั่นประสาทเธอตั้งแต่แรกพบ ยังไม่รวมกับเพื่อนร่วมงานที่คอยสนับสนุนเธอ และหาเรื่องเธอ แต่ทว่า เมื่อแม็กซ์รู้ว่าเธอช่วยตัวเองและถ่ายรูปเอาไว้ เกมแห่งความตื่นเต้นและความเสน่หา การค้นหาตัวเองของโซฟีจึงเริ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับเรื่องวินาศสันตะโรที่ค่อย ๆ เข้าเปลี่ยนแปลงชีวิตเธออย่างไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ระเบิดออก จนกลายเป็นความสัมพันธ์รักต้องห้ามที่อาจจะไม่สามารถควบคุมหรือยับยั้งไว้ได้ นอกจากให้เสียงหัวใจนำทางพวกเขาไป”

นี่ไม่ใช่เรื่องรักใส ๆ แบบที่ใครเขาคิดกันนะ!

ผมขอปักเรตไว้เลยว่ามันเรต R ยิ่งกว่า 18+ อีก เพราะด้วยความที่ซีรีส์ต่างประเทศที่ไม่ใช่อเมริกาเขาจะไม่มากั๊กฉากอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ ซึ่งในเรื่องนี้เรียกว่าเห็นอวัยวะเพศชายหญิง และฉากร่วมเพศแบบโจ๋งครึ่มเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะไปมากกว่านี้ เนื้อเรื่องก็ไม่ได้กลวงแบบที่คิด แม้ในช่วงแรก ผมจะมองเห็นความแห้งแล้งของเรื่องราวที่เหมือนซีรีส์จะจงใจให้เห็นชีวิตของโซฟี นางเอกของเรื่องที่มีแบบปกติจนน่าเบื่อตามเลยทีเดียว จนกระทั่งแม็กซ์โผล่เข้ามาเรื่องก็เริ่มสนุกขึ้น แต่มันไม่ใช่ว่าจะตกหลุมรักกันแบบรวดเร็วแบบที่ซีรีส์หลายเรื่องเป็น เพราะยังมีการปูเรื่องเกมเสน่หาที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจจนทำให้ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนท้าทายอีกฝ่ายด้วยความบ้าบอ และสิ่งที่ตัวเองทำโดยไม่แคร์สายตาคนอื่นกันอย่างจัดเต็ม ก่อนที่จะดึงทั้งคู่มาผูกสัมพันธ์กันจากปัญหาที่เข้าถาโถมในเรื่อง ซึ่งก็อย่างว่าฉากเลิฟซีนจัดเต็มมาก เห็นชัดเต็มตาราวกับหนังโป๊ แต่ก็ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน แต่อินกับเคมีของตัวละครที่นักแสดงถ่ายทอดความรัก ที่แม้มันจะเป็นรักต้องห้ามที่มาจากความตื่นเต้น แต่เราก็พร้อมจะวินาศสันตะโรไปพร้อมกับตัวละคร อย่างว่าล่ะครับ รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง เพลงเก่ามาก

มันวินาศสันตะโรจริง ๆ น่ะแหล่ะ

นอกเหนือจากเรื่องราวของพระนางแล้ว เกมที่ทั้งคู่เล่นยังสะท้อนถึงความต้องการทางจิตใจของคนที่เคยหมดไฟและยอมแพ้ให้กับความธรรมดาตามที่สังคมให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง แม้ว่าผลของมันจะนำมาซึ่งความเสียหายมากขนาดไหน เรียกได้ว่าไม่ได้ถึงขั้นระเบิดตูมตามอะไร แต่สำหรับคนที่ทำงานอยู่แล้วได้เจอเหตุการณ์แบบในเรื่องเข้าไป ไม่อยากลาออกก็คงอยากขอเงินเดือนเพิ่ม เพราะมันวินาศมาก เรื่องที่ควรจะดีก็พังไม่เป็นท่าเพราะเกมของสองคนนี้ตลอด นอกจากนี้ ความวินาศสันตะโรยังสามารถแทนถึงตัวละครโซฟีอีกด้วย เพราะเธอเคยอยากเป็นนักเขียน และเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เติบโตจนกลายเป็นผืนป่าอย่างอิสระและไร้ขีดจำกัด ชื่อว่า Love & Anarchy รักวินาศสันตะโร (เน็ตฟลิกซ์แปลดีมาก แปลออกมาได้ไงเป็นประโยคนี้) แต่ความฝันนั้นก็ถูกหลงลืมเมื่อเธอได้เติบโตและแต่งงานกับโยแฮน หนุ่มผู้ทำงานในวงการถ่ายโฆษณาที่ยึดมั่นในตัวเองดูถูกเธอและมองว่า พ่อของเธอซึ่งเป็น ผู้ใหญ่หัวอนุรักษ์นิยมที่เชื่อมั่นในอนาธิปไตยและปฏิเสธรากฐานของทุนนิยมยุโรปเป็นบ้าและไม่อยากให้มายุ่งด้วย ซึ่งส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ของครอบครัวอีกด้วย โซฟีก็ค่อย ๆ รู้ว่าที่มันเป็นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ วินาศสันตะโรจึงเปรียบได้กับความวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ จากสังคม จากสายตาผู้คน และเกมเสน่หาที่มีตั้งแต่ ตวาดคนจนไปถึงใส่กัญชาลงไปในขนมให้คนกิน ก็เรียกได้ว่าสะท้อนความตื่นเต้นของชายหนุ่มและหญิงที่หวังชีวิตที่สนุกสุดเหวี่ยงอีกครั้ง ซึ่งก็ห่ามได้ใจมาก ๆ

ตลกได้ ซีเรียสก็ผ่าน

สิ่งที่น่าทึ่งของเรื่องนี้อีกเรื่องคือมุกตลก เราอาจจะไม่เข้าใจมุกแบบนี้ แต่มันก็ขำได้อยู่ดี เพราะด้วยบทสนทนาหรือด้วยสถานการณ์ในเรื่องมันชวนให้ขำ ทั้งตลกร้าย ตลกแบบงง ๆ มันจะไม่ได้ตลกขำก๊าก เรียกว่าตลกนิ่งดีกว่าน่าจะเก็ตกัน และแน่นอนว่าช่วงแรกก็จะแห้ง ๆ แต่ช่วงหลัง ๆ ก็จะมีอะไรน่ารักเยอะมาก ทั้งความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานในสำนักพิมพ์ที่ไม่มีใครร้ายสุดหรือดีสุด ทุกคนมีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น เดนิส สาววัยทำงานผู้เป็นเลสเบี้ยนและต้องคอยควบคุมการตลาด ฟรีดริช หนุ่มใหญ่หัวโบราณที่เชื่อมั่นในระบบเก่า แคโรไลน์ สาวเลขาสาวผู้สดใสและเป็นมิตรกับทุกคนทื่มักตกเป็นเป้ารังแกของคนในสำนักพิมพ์ รอนนี่ หัวหน้าที่มองโลกในแง่บวกจนมักตัดสินใจอะไรไม่ฟังพนักงาน ซึ่งเรื่องราวในสำนักพิมพ์ก็จะสะท้อนความคิดระหว่างคนที่ยึดติดกับระบบอนาล็อก กับดิจิตอล หรือแม้แต่เรื่องของสังคมปิตาธิปไตยที่พ่วงมาด้วยสตรีนิยม LGBTQ+ ครบเครื่องเรื่องเพศ นอกจากนี้ความซีเรียสยังรวมไปถึงหนทางของสำนักพิมพ์ที่ขายวิญญาณตัวเองเพื่อให้อยู่รอด เช่น สำนักพิมพ์เอาหนังสือไปขายให้บริการสตรีมมิ่งไปทำหนังแล้วให้คนอื่นไปดูแทนในรอบทดลองรอบสุดท้าย เพราะไปดูมาก่อนแล้วหลายรอบ และมั่นใจว่าหนังจะซื่อสัตย์กับหนังสือ ก่อนจะมาพบว่าหนังทำไม่ตรงหนังสือ หรือ การขายสำนักพิมพ์เพื่อให้ได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่ ซึ่งเนื้อเรื่องออกมาเรียบง่ายไม่ค่อยขับเน้นอะไร แต่เห็นแล้วก็เครียดแทน ไหนจะดราม่าเรื่องของความสัมพันธ์ของครอบครัว ความรักที่ใส่เข้ามาให้อึนกันเล่น ๆ แต่ก็ดันจบอย่างรวดเร็ว แถมยังทิ้งอะไรหลายอย่าง ความรู้สึกที่ชีวิตไม่ถูกเติมเต็มอาจจะเหมือนเราในตอนนี้ก็ได้ 

นักแสดง เคมี และข้อด้อยที่มีให้เห็น

นักแสดงที่โดดเด่นเลยคงไม่พ้น Ida Engvoll ในบทของโซฟี สาวใหญ่วัยทำงานที่ต้องเผชิญหน้าปัญหาที่พยายามจะหนีจากทุกอย่างจนช่วงแรกที่ทำตามพระเอกเพราะรำคาญและหวาดระแวง แต่พอได้ทำความรู้จักก็กลายเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของชายหญิง เธอคุมอยู่ทั้งซีนตลก ซีนทำตัวห่าม ๆ ซีนดราม่า และซีนสดใสเธอก็ดึงเสน่ห์ออกมาได้เต็มที่ เช่นเดียวกับ Björn Mosten ในบทแม็กซ์ หนุ่มตาน้ำข้าวรูปหล่อที่ออกมาก็ทำเรากลัวกับบุคลิกไม่ได้ว่ามาดีหรือมาร้าย โดยเฉพาะตอนแรกผมคิดว่าผมต้องเกลียดหมอนี่แน่ แต่พอเข้าตอนที่รักผมชอบตัวละครนี้ มันมีความเป็นมนุษย์ที่เปิดกว้าง แต่ก็มีความมุ่งมั่น เวลาเล่นเกมกับโซฟีก็ใจกล้าไม่หวาดหวั่น เรียกได้ว่าไม่แปลกถ้าโซฟีจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง เพราะเขาทำอะไรแบบไม่แคร์โลก และเขาก็คือคนที่ผลักดันให้โซฟีได้ค้นหาตัวเองอีกด้วย เรียกได้ว่าตัวละครนี้ไม่ใช่มาเพื่อรัก แต่มาเพื่อทำให้โซฟีได้เป็นคนใหม่ในตอนท้ายต่างหาก ในขณะเดียวกันตัวละครของเพื่อนร่วมงานก็ยังแสดงออกมาได้วายป่วงไม้แพ้พระนางเลยทีเดียว แต่ปัญหาของเรื่องคือ ด้วยความที่เรื่องมันเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรโฉ่งฉ่าง และมีงานถ่ายที่ดูเป็นซิทคอมมากกว่าซีรีส์ในบางฉาก มันก็เป็นความหนักใจสำหรับคนที่คาดหวังเรื่องตลกแบบขำก๊าก เพราะผมบอกไปแล้วว่าตลก มันขึ้นอยู่กับตัวละครและสถานการณ์ แถมบางครั้งดราม่านางเอกหลบหน้าพระเอกหลังมีอะไรกันมันก็น่าขัดใจเป็นบ้า ในขณะเดียวกัน บางช่วงก็หลุดตีมเป็นทริลเลอร์เบา ๆ ให้ตกใจกันเล่น ๆ ซึ่งมันเป็นทั้งส่วนที่ดีและออกทะเลของเรื่องได้เหมือนกัน แต่การที่ซีรีส์ไม่ได้โฟกัสแค่ตัวละครเอก แต่ให้ความสำคัญ มันจึงเป็นอะไรที่แน่น และเต็มอิ่มแม้จะเป็นมินิซีรีส์ที่บางตอนไม่ถึง 30 นาทีด้วยซ้ำ

ควรชมหรือข้าม?

อย่าข้ามนะ ถึงจะเป็นซีรีส์สวีเดน แต่มันมีดีมากกว่าซีรีส์ที่เน็ตฟลิกซ์โปรโมทอีก ด้วยความที่มันให้ความสำคัญกับเรื่องแบบพอดิบพอดี แถมสอดแทรกไปด้วยประเด็นสังคม ประเด็นการข้ามผ่านตัวเองพร้อมด้วยเรื่องราวความน่ารักและเร่าร้อนของพระนางที่แค่เขามองตากันก็รู้สึกถึงไฟสปาร์คแล้ว ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ต้องห้ามที่น่าขยะแขยงเพราะมีเรื่องของการแบล็กเมล์ผู้หญิง แต่มีแค่ตอนแรกเท่านั้น ที่เหลือเกิดจากความเต็มใจของพระนาง อาจมีบางช่วงน่าเบื่อหรือน่าหงุดหงิดอยู่บ้าง ด้วยความยาวของมินิซีรีส์ 8 ตอน ตอนละไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ไม่มีน้ำให้เห็น ตัวละครเฉลี่ยบทได้ดี ผมแนะนำว่าถ้าไม่มีอะไรดูก็ขอฝากซีรีส์เรื่องนี้ไว้เป็นลิสต์ MUST WATCH ไว้ละกัน

ซีรีส์จบได้ค้างคาและทิ้งอะไรหลายอย่างมาก แต่ไม่ใช่ซีรีส์ทุกเรื่องจะต้องมีคำตอบของทุกเรื่องสักหน่อย แต่มีเถอะ มันสนุกจริง ๆ และดีเกินคาดมาก ถ้ามีซีซั่นสอง เจอกันแน่นอนครับ

ตัวอย่าง Love & Anarchy รักวินาศสันตะโร

 

 

Love & Anarchy รักวินาศสันตะโร ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ อ่ะ ๆ เด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ไม่ควรดูนะจ๊ะ

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!