playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Tick, Tick… Boom! (Netflix) ละครเพลงชั้นดีที่สอนให้รู้ว่า เวลาไม่คอยใคร (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์ละครเพลงแห่งปีจากเน็ตฟลิกซ์ที่บอกเล่าชีวิตจริงอันแสนมหัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องราวที่น่าสนใจที่มาพร้อมด้วยการแสดงสุดทึ่งของนักแสดงนำอย่างแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ โปรดักชั่นที่ลงตัว เพลงประกอบอันทรงพลัง ประเด็นของเรื่องที่คมคายและลึกซึ้งในเรื่องของคุณค่าของเวลา

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • สร้างจากชีวิตจริงของนักทำละครเพลง โจนาธาน ลาร์สัน
  • บทของเรื่องนั้นให้ความสำคัญกับตัวละคร มีฉากเด่นเป็นของตัวเอง
  • การแสดงของแอนดรูว์ อเล็กซานเดอร์ โรบิน และวาเนสซ่าที่ทรงพลัง
  • ครบไปทุกรสชาติทั้งสุขและเศร้าเหมือนชีวิตของตัวละคร
  • ประเด็นอันคมคายเรื่องการใช้เวลาและความหมายของความฝัน
  • เพลงประกอบที่ไพเราะและมีหลากหลายแนวในเรื่องเดียว
  • มุมกล้องและโปรดักชั่นที่ดีมาก ๆ แสงสีลงตัว
  • เสียงพากย์ไทยพากย์ถึงอารมณ์กว่าที่คิด

Cons

  • บทสูตรสำเร็จของหนังดราม่า และสปอยบทสรุปตั้งแต่แรก
  • ตัวละครบางตัวบทน้อยไป เพราะเป็นมิวสิเคิลที่โฟกัสแค่ไม่กี่ตัวละคร
  • คนไม่ชอบมิวสิคัลอาจจะรู้สึกเฉย ๆ เพลงร้องแทบจะทุกช่วง มีบทพูดไม่เยอะเท่าไหร่ เน้นใช้เพลงเล่าเรื่องตามสไตล์หนังแนวนี้

Tick, Tick… Boom! ภาพยนตร์มิวสิคัลดราม่าสร้างโดย เน็ตฟลิกซ์ ผลงานกำกับเรื่องแรกของ หลิน มานวยล์ มิแรนด้า ผู้เคยฝากผลงานเพลงสไตล์ละตินเพราะ ๆ ทั้งใน in the heights และ อนิเมชั่นหมีน้ำผึ้งโซนี่อย่าง VIVO มารับหน้าที่ถ่ายทอดและสรรเสริญต่อละครเวทีที่ดัดแปลงจากอัตชีวประวัติของ โจนาธาน ลาร์สัน นักแต่งเพลงและเขียนบทละครเวที ผู้ล่วงลับ ผู้ได้สร้างละครเวทีเปลี่ยนโลกอย่าง RENT พร้อมได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่ใครหลายคนคงหวังว่าเขาน่าจะได้ไปปรากฏตัวในฐานะ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ฉบับ Amazing Spider-man ใน SPIDER-MAN : NO WAY HOME แต่ในหนังเรื่องนี้เขานั้นรับบทโจ ตัวละครหลักของเรื่อง และ วาเนสซ่า ฮัดเจนท์ ที่เราเพิ่งจะได้เห็นบทบาทเจ้าหญิงสลับร่างสามคน สามบุคลิก จาก The Princess Switch 3: Romancing The Star ที่ขอมาสมทบในบทที่ได้ชื่อว่าสามารถส่งเข้ารางวัลออสการ์ดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมได้เลย อีกทั้งภาพยนตร์ยังได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกล้นหลาม พร้อมคะแนนจากเว็บ Rotten Tomatoes เต็มร้อยเลยในขณะนี้

 tick, tick...Boom! (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Tick, Tick… Boom!

รีวิว Tick, Tick… Boom!

ในปี 1990 โจนาธาน หรือ โจ คือ ชายหนุ่มที่มีความฝันและหกล้มคลุกคลานกับการส่งละครเพลงที่ตัวเองเขียนสู่บอร์ดเวย์ เขานั้นทั้งสดใสและมีพลังอันล้นหลาม และโอบล้อมด้วยเพื่อนเกย์อย่างไมเคิล และแฟนสาวนักเต้นอย่างซูซาน กระทั่งเขาได้รับการติดต่อให้นำละครเวทีเรื่อง ซูเปอร์เบีย ที่เขาใช้เวลาเขียนกว่าแปดปีเข้าสู่การคัดเลือก นั่นทำให้ชีวิตของเขานั้นสว่างไสวด้วยบทเพลงและความสุข แต่สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนคือการใช้ชีวิตที่มองข้ามสิ่งสำคัญเพื่อละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ในช่วงก่อนวันเกิดอายุ 30 ในอีกไม่กี่วัน เขาก็เริ่มถอยห่างและหมกหมุ่นจนทำให้ความสัมพันธ์รอบ ๆ ตัวค่อย ๆ พังทลาย และการมาขอแคสแซนดร้า หญิงสาวปริศนาผู้เป็นนักแสดงนำในละครเวทีที่เขาจัดการแสดงก็ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย โจเริ่มได้ยินเสียงนาฬิกาดังติ๊กต๊อกอยู่ภายในหัว เขาเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะแตกสลายภายในหัว และถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไปที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมอบความรักให้แก่คนรอบตัว

นี่คือละครเวทีที่เล่าเรื่องสลับผ่านบุคคลที่สามและบุคคลที่ 1 และเฉลยบทสรุปตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น เรื่องราวเป็นเส้นตรงแต่เต็มไปด้วยปมปัญหา ทั้งดราม่าและสุขสันต์ไล่ลำดับ บทพูดที่มีประปราย  พร้อมเพลงประกอบที่ตัวละครขับร้องอย่างทรงพลังในสถานการณ์ต่าง ๆ แม้ว่าบทของเรื่องจะไม่ได้ซับซ้อนทางอารมณ์อะไรและค่อนข้างเดาบทสรุปได้ เพราะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง แต่ผสมไปด้วยจินตนาการระหว่างตัวละครและการเล่าเรื่องที่มีลูกเล่นสอดแทรก มอบรสชาติของชีวิตตัวละครหลักให้มีสีสันและดึงดูดให้เราอยากติดตามว่าเขาจะสามารถข้ามผ่านปัญหา หรือผลจะออกมาแย่กว่านั้น และมันก็ทำออกมาได้สุดยอดในทุกฉากที่หนังนำเสนอ รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในหนัง มองเรื่องเดินไปข้างหน้าสลับกับมุกตลกแบบไม่มีเบื่อดูได้เพลินไปกับเรื่องราวจนจบ โทนเรื่องที่ค่อนข้างเป็นไปในแบบบอร์ดเวย์ คือการเล่นใหญ่ที่ถ้าล้นก็คือล้น ถ้าไม่ถึงก็คือไม่ถึง แต่หนังกลับถ่ายทอดเรื่องราวที่ดูล้น ๆ ให้ลงตัวได้อย่างพอดิบพอดี และบทสรุปที่ค่อนข้างทรงพลังแบบไม่ต้องบิ๊วอะไรมาก

สำหรับตัวละครหลักของเรื่องนั้นมีความน่าสนใจและมีพื้นเพที่ชัดเจน ด้วยความที่เป็นมิวสิเคิล ตัวละครหลัก ๆ จะมีด้วยกันอยู่ไม่กี่คน โดยจะโฟกัสที่ โจ ชายหนุ่มผู้มีความฝันแต่จะยังล่องลอยไม่จริงจังกับชีวิต คิดว่าเพลงและความพยายามของเขาจะนำพาเขาไปสู่ความสำเร็จในวงการมิวสิคัล แต่เขาต้องกับบทเรียนครั้งใหญ่ เพราะบทเพลงและความมั่นใจไม่ได้ช่วยอะไรเขาขนาดนั้น เขาเป็นตัวแทนของคนก่อนอายุ 30 ที่ตั้งคำถามกับชีวิต มองคนรอบ ๆ ตัวค่อย ๆ ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ตัวเองไม่อาจไปไหนได้ นอกจากอยู่กับเพื่อนสนิทเกย์วัยเด็กอย่าง ไมเคิล ผู้ทำงานบริษัทโฆษณาและรูมเมทของอพาร์ตเมนต์ที่คอยเป็นกำลังใจผลักดันให้โจทำตามความฝันให้สำเร็จ ในขณะเดียวกันเขาเองก็มีปมในใจที่ไม่ได้บอกโจ ซูซาน แฟนสาวของโจที่มีความสามารถในการเต้นเป็นเลิศ และรักใคร่กับโจ จนกระทั่งเธอตัดสินใจสมัครงานที่ทำให้ความสัมพันธ์ของโจและเธอพังลง จนโจได้พบกับ คาเรสซ่า หญิงสาวปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นในยามที่เขาสิ้นหวังและมอบความหวังใหม่อีกครั้ง นอกนั้นก็จะเป็นบทสมทบผ่าน ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครทางชีวิตจริง และละครเวทีซ้อนหนังอีกที

ประเด็นของเรื่องราวในเรื่องค่อนข้างจะเหมาะกับคนที่ผ่านอะไรมามากมาย หากใครที่อายุมากและเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำหรือเคยทำจะต้องอินแน่ ๆ เพราะมันเล่าถึงชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่โหยหาและเชื่อมั่นที่จะประสบความสำเร็จในความฝันของตัวเอง ในขณะที่มองคนอื่นเดินไปข้างหน้ากว่าตัวเอง ความกลัว ความสับสน ความไม่แน่ใจ อาจจะทำให้เลยละเลยสิ่งสำคัญในชีวิต เพื่อน ครอบครัว ตัวเอง เหมือนกับความทะเยอทะยานของตัวละครหลักที่ทุ่มเทเวลากว่าแปดปีไปกับการสร้างละครเวทีศิลปะของตัวเอง และหวังว่าเขาจะได้มีชื่อเหมือนกับคนอื่น ๆ ในวงการละครบอร์ดเวย์ แต่ใครจะรู้ว่ามันต้องแลกอะไรมาบ้าง ทั้งเพื่อน สังคม มิตรภาพ ความรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยผลักดันตัวละครมาตลอด เสียงนาฬิกาที่ดังในหัวตัวเอก อาจเป็นสัญญาณบอกว่า นาฬิกาชีวิตของเราจะเดินเร็วเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ อยากทำอะไรให้รีบทำก่อนจะสายเกินไป จะรักใคร จะทุ่มเทสิ่งไหน ก็อย่าทอดทิ้งสิ่งสำคัญที่ตัวเองมี จริงใจ มุ่งมั่น และพยายามก็จะมีวันที่เรามีความสุขและพึงพอใจไปกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่เราต้องถามตัวเองว่าเราใช้ชีวิตคุ้มหรือยัง

นักแสดงของเรื่อง ดีเยี่ยมมาก แอนดรูว การ์ฟิลด์ หนุ่มหน้ามนได้โชว์พลังทั้งร้องเพลง ทั้งร้องไห้ ทั้งคลั่ง สติแตก และเปี่ยมไปด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมของโจนาธาน ลาร์สัน ถึงชีวิตที่เหมือนรถไฟเหาะ เขาสามารถแสดงเป็นผู้ชายที่มองโลกในแง่ดี ไปสู่มองโลกในแง่ร้าย กลายเป็นคนใจสลายตายอยากในชีวิต และเรียกได้ว่าแอนดรูวใช้ฝีมือได้คุ้มมากและพูดได้เต็มปากว่ายอดเยี่ยมและน่าขนลุก ในขณะที่อเล็กซานดร้า ชิปป์ สาวผิวดำที่รับบทแฟนสาวของโจ ซูซาน เธอก็แสดงได้ดีไม่แพ้กันโดยเฉพาะซีนอารมณ์น้ำตาแตก ซีนรักโรแมนติก ล้วนเป็นธรรมชาติและมีเคมีเข้ากับแอนดรูว์ นอกจากนี้ โรบิน เดอ เฮซุส ในบทของเพื่อนเกย์ที่ตอนแรกดูไม่มีอะไร แต่ช่วงท้ายระเบิดการแสดงแบบไม่ห่วงท่าทีหรือลุคอะไร ผิดคาดจากการเป็นตัวตลกตบมุกและเพื่อนตัวเองมาตลอด แต่ที่ขโมยซีนสมคำร่ำลือคือ วาเนสซา ฮัดเจนส์ ในบทของหญิงสาวที่มาเพื่อร้องเพลงและไม่ได้มีบทบาทมากมายกับภาพยนตร์ แต่ทุกฉากที่เธอออกมา รวมไปถึงการร้องเพลงที่ทรงพลังและงดงามมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงมีสิทธิ์ชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบ ลืมลุคเจ้าหญิงสามร่าง เธอคือผู้หญิงธรรมดาที่มีความสดใสและไม่ต้องพยายามอะไร แต่ได้ใจคนดูในไม่กี่นาทีแน่นอน ส่วนเพลงประกอบก็เป็นในสไตล์ละครเพลงอลังการในการเล่าเรื่องแทนบทพูด มีหลากหลายแนว บางเพลงก็แปลก บางเพลงก็ติดหู บางเพลงก็ทรงพลัง ต้องยกความดีความชอบให้หลิน ที่สามารถกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยความถนัดทางดนตรี ทำให้ทุกฉากทุกตอนที่มีมุมกล้องตัดสลับไปอย่างไหลลื่น ไม่รู้สึกขัดหรือเร็วอะไร เรียกได้ว่าสมคำว่าเป็นจดหมายรักแก่คนรักละครเวที ไหนจะมีการใช้ลูกเล่นของกราฟิก แสงสี และอารมณ์ของเรื่องที่ทรงพลังมีมนต์ขลังในทุกฉากที่บทเพลงปรากฏในเรื่อง

Tick, Tick… Boom! คือมิวสิคัลอัตชีวประวัติที่เกิดขึ้นระหว่างความจริงและจินตนาการที่ถ่ายทอดถึงเรื่องราวของความผิดหวังและความสำเร็จ ผ่านการกำกับเรื่องแรกที่ทรงพลัง ทั้งทางการแสดง บทเพลง และบรรยากาศที่เหมือนดึงเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและมองชีวิตของตัวละครโจนาธาน ลาร์สัน ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุค 90 และสิ่งที่เขาต้องแลก แม้บทจะไม่ได้แปลกใหม่และเป็นสูตรสำเร็จ นักแสดงทุกคนที่แสดงสุดยอด ทั้งแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ที่มอบการแสดงสุดจะหาคำบรรยาย และวาเนสซ่า ฮัดเจนท์ที่สะกดคนดูได้โดยไม่ต้องมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง แต่ใช้บทเพลงแสดงอารมณ์ของตัวละคร ถือเป็นภาพยนตร์มิวสิคัลชั้นดีที่มีมาให้เราได้ชมก่อนสิ้นปี สมคำที่นักวิจารณ์ร่ำลือ แต่หากคุณไม่ชอบหนังแนวนี้คุณอาจจะแอบเฉย ๆ แต่นี่คือความบันเทิงที่แสนมีมนต์ขลังไม่มีฉากไหนที่น่าเบื่อหรือเป็นพิษภัย ที่ผมขอแนะนำให้ทุกคนได้รับชมในสุดสัปดาห์นี้ครับ เพราะเวลาไม่คอยใคร

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!