playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Tell Me Who I Am การตามหาความจำที่สูญหาย

Tell Me Who I Am

สรุป

สารคดีที่เล่าผ่านภาพนิ่ง และบทสัมภาษณ์สองฝาแฝดที่ถ่ายทอดให้เรารับรู้ถึงชีวิตอันแสนสะเทือนใจ ทั้งการสูญเสียความทรงจำ อดีตอันแสนเจ็บปวด และการพยายามฟื้นฟูชีวิตและความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีกครั้ง

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เป็นหนังสารคดีที่ถ่ายทอดชะตาของฝาแฝดคู่หนึ่งที่ชีวิตเหลือเชื่อยิ่งกว่าหนังบางเรื่อง
  • หนังให้ทั้งอารมณ์สะเทือนใจ และตื่นตะลึงไปพร้อมกันกับความลับในชีวิต
  • บรรยากาศของหนังนำเสนอเข้ากันกับความเปราะบางและเรื่องราวอันมืดมน

Cons

  • สารคดีเน้นการเล่าด้วยภาพนิ่งจำนวนมาก ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนดูทุกคน
  • เล่าเรื่องด้วยจังหวะเนิบช้าแบบหนังยุโรปบ้างบางตอน
  • ตอนท้ายหลังความลับถูกเล่า พลังของหนังค่อยๆ ลดไปบ้าง

“ฉันเป็นใคร ?” คือคำถามที่มนุษย์สงสัยถึงตนเองมาแต่โบราณกาล และน่าจะตั้งแต่แรกที่มนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จนเกิดการตั้งคำถามและวิเคราะห์ถึงความเป็นมนุษย์ดังกล่าวจนมาถึงยุคปัจจุบัน ตั้งแต่การตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ทั้งหมด หรือตั้งคำถามเฉพาะสิ่งที่ตนเองเป็น ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับชื่อสารคดีแสนสะเทือนใจเรื่อง Tell Me Who I Am ทางเน็ตฟลิกซ์ซึ่งว่าด้วยการสูญเสียตัวตนจากผลกระทบความทรงจำ

 Tell Me Who I Am (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างสารคดี Tell Me Who I Am

 

หนังเป็นผลงานกำกับของ เอ็ด เพอร์กินส์(Ed Perkins) นักทำหนังสารคดีชาวอังกฤษที่คร่ำหวอดในวงการสารคดีกว่า 10 ปีทั้งในโทรทัศน์และภาพยนตร์ เขาสร้างชื่อในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังสารคดีขนาดสั้นจากเรื่อง Black Sheep ในปี ค..2018 ซึ่งสะท้อนปัญหาการเหยียดผิวในกรุงลอนดอน และสารคดีขนาดยาว Tell Me Who I Am ก็โดดเด่นจนได้เข้าชิงรางวัล British Independent Film Awards สาขาหนังสารคดียอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา

มันดัดแปลงจากหนังสือชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในปี ค..2013 ผ่านการเขียนบันทึกความทรงจำของสองพี่น้องฝาแฝด อเล็กซ์ และมาร์คัส ลูอิส เองร่วมกับ โจแอนนา ฮอดกินส์ และทั้งคู่ก็ได้เป็นสองผู้เล่าหลักด้วยตนเองผ่านการสัมภาษณ์ในสารคดีเรื่องนี้ด้วย

หนังแบ่งเป็นสามตอนผ่านการเล่าเรื่องสามมุมมอง นั่นคือมุมมองของอเล็กซ์, มาร์คัส และการให้ทั้งคู่มาเผชิญหน้ากันอีกครั้งหลังจากห่างเหินกันไป

ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นเมื่อพวกเขาอายุได้ 18 ปี อเล็กซ์ประสบอุบัติเหตุขณะขับมอเตอไซค์ เขาสูญเสียความทรงจำที่ผ่านมาไปหมด แต่ได้มาร์คัสคอยอธิบายให้เขารับรู้ความสงสัยต่างๆ ตั้งแต่วัยเด็ก เขาเป็นใคร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ครอบครัวของเขา พ่อแม่เป็นแคนแบบไหน ทำอาชีพอะไร ? จะด้วยความที่ใบหน้าเหมือนกัน ความสัมพันธ์แบบคนที่เป็นแฝดซึ่งผูกพันกันโดยธรรมชาติหรือเพราะสภาวะที่ต้องการไขว่คว้าหลักยึดบางอย่าง ความไม่คุ้นเคยกับเพื่อนฝูง หรือการเริ่มชีวิตใหม่ในวัย 18 ปีอีกครั้ง อเล็กซ์จึงเชื่อสิ่งที่มาร์คัสพูดอย่างหมดใจ

จนเวลาผ่านไปกว่าสิบปี พ่อและแม่ของเขาได้จากไป อเล็กซ์ซึ่งเคยเก็บความสงสัยในบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ทั้งความห่างเหินบางอย่างของพ่อ ห้องและสถานที่บางจุดในบ้านที่ถูกห้ามเข้า ค่อยๆ สังเกตเห็นว่าหลายๆ อย่างที่มาร์คัสบอกว่าพวกเขาเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ดีนั้นเริ่มไม่ตรงความจริง จนเมื่ออายุ 32 ปีถึงวันที่แม่ของพวกเขาจากไป บ้านถูกรื้อค้นและเขาก็พบหลักฐานบางอย่างที่บอกว่าตลอดเวลาสิบกว่าปี ฝาแฝดของเขาโกหกมาโดยตลอด

หากจะถามว่าตัวตนสำคัญอย่างไร ? เราอาจจะยกตัวอย่างจากภาพยนตร์ที่หลากหลายซึ่งตัวเอกประสบปัญหาสูญเสียความทรงจำแบบเดียวกับหนังสารคดีเรื่องนี้ซึ่งเมื่อพวกเขาจำตัวตนในอดีตไม่ได้ ก็พบการตั้งคำถามถึงแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต การออกตามหาเพื่อไขว่คว้ามันคืนอีกครั้ง รวมไปถึงการใช้เทคนิคทางภาพยนตร์อันหวือหวาเพื่อสะท้อนให้เห็นความซับซ้อนทางใจจากสภาวะนั้น ไม่ว่าจะเป็น Paris, Texas (1984) ว่าด้วยชายวัยกลางคนที่เดินเร่ร่อนตามหาอดีตของตน ซึ่งกลายเป็นหนังที่ถ่ายทอดประเด็นความโดดเดี่ยวของผู้คนในยุคปัจจุบันได้อย่างกินใจ, Memento (2000) หนังสร้างชื่อของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ตัวเอกออกตามหาความทรงจำที่หายไป ผ่านวีธีการเล่าเรื่องที่ใช้เทคนิคราวกับกลอเทปย้อนกลับเพื่อบ่งบอกสภาวะที่ซับซ้อนในใจตัวเอก, The Vow(2012) หนังรักโรแมนติคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เมื่อคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงานประสบอุบัติเหตุ ฝ่ายหญิงสูญเสียความทรงจำ เธอจำสิ่งที่เคยทำร่วมกับชายหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานไม่ได้ ความทรงจำของตนย้อนไปเมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัย และยังสนิทกับครอบครัวของตนอยู่ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของเธอกับว่าที่เจ้าบ่าวย่ำแย่

พวกเขาล้วนต่างไม่อาจจะใช้ชีวิตต่อไปได้โดยง่ายหากตัวตนบางส่วนได้ว่างเปล่าสูญหายไปจากชีวิต

เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ ที่รับรุ้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากเขาสูญเสียความทรงจำ แท้จริงเขากับเรื่องที่มาร์คัสแต่งขึ้นทั้งสิ้น ราวกับว่าชีวิตที่เข้าสูวัยสามสิบต้องกลับมาเริ่มต้นหาตนเองใหม่อีกครั้ง พร้อมๆ กับการพยายามไขว่คว้าหาความจริงอีกครั้งจึงเริ่มต้นที่นำไปสู่ประเด็นการถูกล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนอันมืดมน พร้อมๆ กับความรู้สึกอธิบายไม่ถูกว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไรกับฝาแฝดที่เลือกทำเช่นนั้น ช่วงเวลานั้นเองที่เขากับมาร์คัสค่อยๆ ห่างเหินกันไปโดยไม่อาจพูดคุยกันได้สนิทเหมือนเดิมเป็นเวลาหลายสิบปี

Tell Me Who I Am อาจไม่ได้มีเทคนิคการเล่าที่หวือหวา หรือเร้าอารมณ์เช่นนั้น แต่เสน่ห์อย่างหนึ่งในหนังสารคดีที่แตกต่างจากหนังบันเทิงคงไม่พ้น “ความสมจริง” การที่ผู้ดำเนินเรื่อง หรือผู้ที่ถูกเล่าเรื่องมีตัวตนอยู่จริง การเปิดเผยความจริง สีหน้า ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทำให้เรื่องที่ถูกเล่ามีพลังขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเมื่อเรื่องที่นำมาเล่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง และน่าตกใจกว่าหนังเรื่องแต่งบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ

แม้ Tell Me Who I Am จะเป็นหนังที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำภาพจำลองเหตุการณ์อยู่จำนวนมาก ความรู้สึกสมจริงดังกล่าวนั้นก็ยังคงอยู่ผ่านการสัมภาษณ์ผู้ประสบเหตุอย่าง อเล็กซ์ และมาร์คัส รวมกับภาพนิ่งซึ่งอเล็กซ์ชอบถ่ายบันทึกเหตุการณ์มากมายในชีวิตตลอดเวลา เพื่อเติมเต็มความรู้สึกที่กลัวจะสูญเสียความทรงจำอีกครั้ง ขณะเดียวกันมันก็จงใจสร้างบรรยากาศที่โดดเด่น ทั้งการควบคุมบรรยากาศแสงเงาให้อยู่ภายใต้ความมืด การกำกับทิศทางของเรื่องโดยแบ่งการเล่าเป็นสามส่วนชัดเจน และทำให้เกิดจุดพลิกผันไม่ต่างจากภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดทั้งอารมณ์สะเทือนใจและสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชม

น่าเสียดายตรงจุดที่การบันทึกภาพหลักฐานในชีวิตของอเล็กซ์ ลูอิสนั้นเป็นภาพนิ่ง ต่างไปจาก Capturing The Friedmans หนังสารคดีอันโด่งดังในปี 2003 ซึ่งครอบครัวที่เป็นต้นเรื่องของสารคดีดังกล่าวถ่ายภาพชีวิตพวกเขาด้วยกล้องวิดีโอ การเปลี่ยนจากภาพนิ่งมาเป็นภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากส่งผลให้หนังเรื่องดังกล่าวมีชีวิตชีวา พร้อมๆ กับทำให้คนดูรู้สึกชวนตื่นตะลึงได้มากกว่า ขณะที่ตัวหนังเองเมื่อเล่าด้วยผู้เล่าหลักๆ เพียงสองคน และดำเนินเรื่องช้าแบบหนังทางฝั่งยุโรป ทำให้เมื่อผ่านจุดพลิกผันในเรื่องข้อด้อยตรงนี้ก็จะยิ่งชัด เพราะภาพถ่ายส่วนใหญ่ไม่ได้ชวนขนลุกเท่าภาพสำคัญเท่ากับที่เผยในตอนแรก

อย่างไรก็ตามสารคดีชิ้นนี้ก็ยังทรงพลังอย่างมากในการสะท้อนความเปราะบางในมนุษย์ที่อาจสูญเสียตัวตนไปอย่างง่ายดายจากอุบัติเหตุ และการเชื่อใจคนใกล้ชิดด้วยกัน ในวันที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้าแต่แทัจริงเราก็อาจจะไม่เข้าใจความซับซ้อนในจิตใจของคน หรือเข้าใจตัวตนของมนุษย์ได้ชัดเจน หากเพียงสะท้อนให้เห็นว่าเราไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด พร้อมๆ กับชวนให้ตั้งคำถามอย่างยิ่งว่าหากเราเป็นมาร์คัส เราจะเลือกบอกความจริงหรือโกหก ? เพราะจากมุมมองของเขาเอง ทางเลือกที่เขาเลือกโกหกก็เป็นหนทางในการเยียวยาให้ชีวิตตนเองดีขึ้นเช่นกัน พร้อมๆ กับถ่ายทอดมุมมองที่น่าเห็นอกเห็นใจของผู้ที่ต้องโกหก

รวมไปถึงบทสรุปสุดท้ายที่ให้ทั้งคู่กลับมาพูดคุยกันไถ่ถามถึงปมในอดีตอีกครั้ง ในวัยที่ฝาแฝดมาถึงอายุเลขห้าแล้ว… อาจบอกเราได้ว่าการเลือกที่จะ”ลืม” กับ “การให้อภัย” ที่หลายคนอาจมองว่าไม่ต่างกันมากนั้น แท้จริงผิดแผกแตกต่างกันอย่างยิ่ง และไม่มีอะไรสายไปสำหรับการให้อภัยซึ่งกันและกัน

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!