playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Girl From Oslo ดราม่าเด็กสาวโดน ISIS ลักพาตัวที่เดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

สรุป

โดยรวมแล้วซีรีส์จากนอร์เวย์เรื่องนี้ เป็นเพียงดราม่า ทริลเลอร์ ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย ที่เราเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีความแตกต่าง หรือแปลกใหม่ เรื่องราวหลายๆ ช่วงก็ดูน้ำเน่า เป็นไปตามสูตรสำเร็จ ตื้นเขิน แม้จะพยายามทำให้ดูมีอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรอยู่ดี

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • มาจากนอร์เวย์
  • นำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย

Cons

  • เนื้อเรื่องไม่แปลกใหม่ การวางปมเฉลยปมเดาได้ ทำให้จุดพีคจุดหักมุมไม่น่าตื่นเต้นเลย
  • ตัวละครดูตื้นเขินและธรรมดา ไม่ได้น่าเอาใจช่วยมากเท่าไหร่

The Girl From Oslo เด็กสาวจากออสโล ซีรีส์ Netflix จากประเทศนอร์เวย์ กับเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอซิส เพื่อให้เป็นตัวต่อรองเจรจาปล่อยตัวนักโทษคนสำคัญที่ถูกจับอยู๋ในนอร์เวย์ แต่มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มาจากกลุ่มก่อการร้ายมากกว่านั้น

 Bortført (2021) on IMDb

ตัวอย่าง The Girl From Oslo เด็กสาวจากออสโล

รีวิว The Girl From Oslo เด็กสาวจากออสโล

***มีการสปอยล์เนื้อหาของเรื่องเล็กน้อย ถ้าใครอยากดูให้ข้ามรีวิวส่วนแรกไป แต่คุณคงเห็นคะแนนของเรื่องนี้ก่อนอ่านอยู่แล้ว สปอยล์ไปก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความน่าดูของเรื่อง***

The Girl From Oslo

เพีย เด็กสาวชาวนอร์เวยที่จู่ๆ ก็บินมาเที่ยวที่อิสราเอลในวันเกิดของเธอโดยไม่บอกพ่อแม่ แต่แล้วก็ต้องถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอซิส พร้อมกับเพื่อนชาวอิสราเอลอีกสองคน เป้าหมายก็คือการใช้เธอ เป็นเครื่องมือต่อรองระหว่างประเทศ ให้ปล่อยตัวหัวหน้าผู้ก่อการร้ายพร้อมพรรคพวกอีก 12 คน ที่ถูกขังอยู่ในนอร์เวย์

อเล็กซ์ คุณแม่ของเพีย ได้เดินทางมายังอิสราเอลและติดต่อสถานทูต ได้พบกับเพื่อนเก่านามว่า อาริก ที่มีเส้นสายและทำงานให้กับรัฐบาลของเยรูซาเล็ม เธอจึงขอให้ช่วยเหลือลูกสาวของเธอให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง คาร์ล สามีของอเล็กซ์ ก็ได้รับการติดต่อโดยตรงจากกลุ่ม ISIS ที่อยู่ในเมืองออสโล เพื่อทำการเจรจาต่อรองลับหลัง

เรื่องราวมันยิ่งซับซ้อนขึ้น เมื่ออเล็กซ์ บอกกับอาริกนักการทูตของอิสราเอลว่า แท้จริงแล้วเพีย คนที่ถูกลักพาตัวไป คือลูกสาวของเขา นั่นทำให้อาริกต้องตกที่นั่งลำบากและกดดันมากยิ่งขึ้น และในอีกด้านหนึ่ง อาบู ซาลิม ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับตัว ก็พยายามหลบหนีออกจากที่คุมขังเองด้วย กลายเป็นว่ามีเรื่องราวเบื้องหลังที่อยู่นอกเหนือแค่การเจรจาแลกเปลี่ยน ปล่อยตัวนักโทษระหว่างประเทศ

พล็อตเรื่องที่เหลือไปจนถึงตอนจบน่าจะเดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ ก็จะมีการจบแบบฝ่ายดี ฝ่ายร้าย แบ่งแยกชัดเจน และแม้จะมีพล็อตเรื่องรองและความน่าตื่นเต้นอื่นๆ เข้ามาสอดแทรก แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือกลายเป็นอีกเส้นเรื่องหนึ่ง มันเลยทำให้ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอได้ค่อนข้างตรงไปตรงมา ตรงไปจนมันกลายเป็นดูทื่อๆ

เรื่องราวดราม่า ทริลเลอร์ เกี่ยวกับการลักพาตัว ผู้ก่อการร้าย ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย เนื้อหาก็จะเป็นความกดดันในระหว่างเจรจา เหตุการร์ที่เกิดขึ้น ดูว่าแต่ละตัวละครแก้ไขปัญหาอย่างไร ผลลัพท์ที่ตามมามันก็ยิ่งยุ่งเหยิง ถ้าหากว่าใครเคยดูซีรีส์ทริลเลอร์แอคชั่นมันส์ๆ จากฝั่งอเมริกาอย่าง 24 หรือ Homeland ก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันมีความกดดันในแต่ละฉากเยอะมาก สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และมีจุดพีค จุดหักมุม เพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปต่อ

แต่พอย้อนมองกลับมาในเนื้อหาหลักของซีรีส์เรื่องนี้จากนอร์เวย์ ถือว่าสอบตกในแทบจะทุกด้าน ทั้งๆ ที่เนื้อหาแบบเดียวกัน แต่การเล่าเรื่องและการนำเสนอมันส่งผลกับความสนุกของเรื่อง การพูดคุย วางแผน เจรจา ทุกอย่างในซีรีส์เรื่องนี้มันไม่ได้ดูสดใหม่ ไม่ได้แตกต่าง เราเห็นอะไรแบบนี้มาเป็นร้อยเป็นพันครั้งจากสื่ออื่นๆ มันยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าเบื่อกว่าเดิม แม้จะถึงช่วงตื่นเต้นของเรื่องก็ตาม

ในการเป็นซีรีส์ทริลเลอร์ ความตื่นเต้นกดดันนั้นสำคัญ และการเฉลยเรื่องราวที่ค่อยๆ เผยออกมาทีละเปลาะ ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวมีความน่าติดตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในซีรีส์เรื่องนี้ถูกวางเอาไว้ทื่อๆ ดื้อๆ บอกตรงๆ บ้างก็มี เรียกง่ายๆ ก็คือมีคำใบ้ฉากต่อไป อยู่ในทุกฉากก่อนหน้า ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องเดาง่ายกันไปใหญ่ เราสามารถดูซีรีส์เรื่องนี้ 2 ตอนแรก แล้วข้ามไปดูตอนสุดท้ายก็ยังสามารถรู้เรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก แม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้มี 10 ตอน ตอนละ ราวๆ 35 นาที เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าการดำเนินเรื่องมันไวเลย

แม้จะมีการหยิบยกเรื่องราวของกลุ่มก่อการร้าย ปาเลสไตน์ ไอซิส อิสราเอล อะไรพวกนี้ ตัวเรื่องก็ไม่ได้นำเสนอแง่มุมที่ลึก หรือที่น่าสนใจอะไร เป็นเรื่องราวทั่วๆ ไปที่เห็นกันดาดดื่น ถ้าหากว่าให้ลองไปเทียบกับซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของคนกลุ่มพวกนี้อย่าง ฟาวด้า หรือ เตหะราน ที่สามารถทำได้เข้าถึงมากกว่า ไม่ได้นำเสนอในแค่แง่มุมของการก่อการร้าย การเป็นเพียงแค่ผู้ร้าย เด็กหญิงจากออสโลไม่สามารถเทียบติดได้เลย

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้น่าติดตามก็คงเป็นตัวละครหลัก อย่างคุณแม่ของน้องเพียที่โดนลักพาตัว คุณแม่ชื่ออเล็กซ์ ก็เป็นเพียงแค่คุณป้าที่อยากได้ลูกสาวคืนคนหนึ่ง ทำงานเป็นนักการทูต แค่นี้เลย แค่ตัวละครหลักยังไม่น่าสนใจ ที่พอดูดีหน่อยก็มีอาริก นักการทูตอิสราเอลที่มีเส้นสายการทำงาน คอนเนคชั่นนั่นนู่นนี่ พยายามสืบหาและช่วยเพีย ที่เป็นลูกสาวของเขาจริงๆ ตรงนี้ก็ยังพอมีอะไรให้ได้รู้สึกว่าตรงนี้ก็ทำได้ดีนิดหนึ่ง แม้ว่าจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ตอนท้ายก็มีทิ้งเชื้อไว้ว่าจะมีซีซั่นสองต่อไปด้วย

โดยรวมแล้วซีรีส์จากนอร์เวย์เรื่องนี้ เป็นเพียงดราม่า ทริลเลอร์ ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย ที่เราเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีความแตกต่าง หรือแปลกใหม่ เรื่องราวหลายๆ ช่วงก็ดูน้ำเน่า เป็นไปตามสูตรสำเร็จ ตื้นเขิน แม้จะพยายามทำให้ดูมีอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรอยู่ดี

แต่ถ้าคุณชอบเรื่องราวแนวๆ ผู้ก่อการร้าย แอคชั่น ทริลเลอร์ ต้องลองดู Fauda ฟาวด้า มีให้ดูบน Netflix  จะเห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้ดีกว่าหลายเท่า

รับชม The Girl From Oslo ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!