playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Hawkeye (Disney+) ยอดพลธนูแห่งอเวนเจอร์ ซีรีส์หรรษารับเทศกาลคริสต์มาสในจักรวาล MCU (ไม่สปอยล์)

สรุป

ของขวัญวันคริสต์มาสจากมาเวล สานต่อบทใหม่ของพลธนูแห่งอเวนเจอร์ ด้วยซีรีส์เบาสมองสุดหรรษารับเทศกาลคริสต์มาส แอ็คชั่นเท่ ๆ เนื้อเรื่องติดดินสมกับเป็นฮอว์กอาย พร้อมลูกศิษย์คนใหม่ และค่อนข้างเบาสมองดูได้ทุกเพศทุกวัย ให้อารมณ์หนังคริสต์มาสยุค 90 ของดิสนีย์ แม้จะมีฉากเซอร์ไพรส์มากมายสำหรับแฟนจักรวาล MCU แต่ปัญหาสำคัญคือมันค่อนข้างปูเดินเรื่องช้าและเสียเวลากับการปูตัวละครมากไปหน่อย ยังดีที่ได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำ และการวางบทที่ชวนให้ติดตาม แต่ถ้าไม่ใช่แฟน MCU อาจจะไม่อินเท่ากับคนที่ดูติดตาม MCU มาก่อนแล้ว เพราะรายละเอียดของ Easter Eggs เล็กน้อยก็สำคัญกับเรื่องราว

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การสานต่อเรื่องราวของฮอวก์อายผ่านตัวละครใหม่ เคท บิชอป
  • การแสดงที่ยอดเยี่ยมและเคมีที่ลงตัวของนักแสดงนำ
  • เนื้อเรื่องไม่หวือหวา ต้องคิดอะไรมากมาย การวางบทตัวละครที่น่าสนใจ
  • เบาสมอง หรรษา ผสมผสานฉากแอ็คชั่นเท่ ๆ แบบมาร์เวล
  • ความสอดแทรกวัฒนธรรมแบบคริสต์มาสของคนอเมริกันที่ใส่เข้ามาในเรื่อง
  • พากย์ไทยคุณภาพจากฉบับหนัง MCU

Cons

  • บางช่วงมีเนือย ๆ แอบเบื่ออยู่บ้าง
  • เนื้อเรื่องธรรมดาแทบไม่มีอะไรใหม่ หรือดึงดูดมากเท่าเรื่องก่อน ๆ
  • เล่าตัวละครปูเยอะเพื่อตอนสุดท้ายมากไปหน่อย

Hawkeye (ฮอว์กอาย คู่ซ่าธนูป่วน) มินิซีรีส์อเมริกัน สร้างขึ้นสำหรับดิสนีย์+ โดย Jonathan Igla สร้างจากตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ที่มีชื่อเดียวกัน โดยเป็นซีรีส์เรื่องที่สี่ของดิสนีย์พลัสที่อยู่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) เนื้อเรื่องมีความต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชส์  โดยมี Igla รับหน้าที่เป็นหัวหน้านักเขียนบท โดยมี Bert & Bertie และ Rhys Thomas เป็นผู้กำกับทั้งหมด 6 ตอน เนื้อเรื่องเกิดขึ้นเล่าระหว่าง อเวนเจอร์ส ภาคแรก และหลังจากเหตุการณ์ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ในปี 2019 และแบล็ควิโดว์ ในปี 2021

บอกเล่าผ่านตัวละคร เคท บิชอป ตัวละครหญิงสาววัย 22 ที่มีฮอว์กอายเป็นแรงบันดาลใจหลังต้องพบความสูญเสียอันใหญ่หลวงในชีวิตและผลักดันให้เธอกลายเป็นคนที่มีวิชาศิลปะป้องกันตัว รวมไปถึงความถนัดในการใช้ธนูเป็นเลิศที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวาย กระทั่งในช่วงคริสต์มาสปี 2024 เธอได้พบกับฮีโร่คนโปรดแต่มันก็มาพร้อมกับปัญหาที่เธอต้องก้าวผ่านร่วมกับเขา โดยซีรีส์นี้ได้คะแนนวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม โดยจะเริ่มฉายสองตอนแรกก่อนในอาทิตย์แรก จากนั้นจะเป็นหนึ่งตอนต่ออาทิตย์ครับ

 Hawkeye (2021) on IMDb

ตัวอย่าง HAWKEYE (ฮอว์กอาย)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 1 “Never Meet Your Heroes”

เรื่องราวบอกเล่าเหตุการณ์หลังจาก ENDGAME ผ่านตัวละครเคท บิชอป ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทำลายล้างนิวยอร์กในอเวนเจอร์ภาคแรก และผลักดันให้เธอฝึกฝนการต่อสู้ กระทั่ง 2 ปีต่อมา ช่วงใกล้จะสิ้นปี 2024 คริสต์มาสก็ได้ดำเนินมาถึง เธอตอนนี้ที่อายุ 22 แล้ว เธอได้เดินทางกลับมาบ้านเพื่อหาแม่ หลังจากก่อเรื่องบางอย่างที่มหาลัย เธอได้ค้นพบว่าแม่ของเธอตอนนี้ร่ำรวยและกำลังคบกับแจ็ค เศรษฐีผู้ลึกลับและไม่น่าไว้ใจ จนเธอได้เข้าไปพัวพันกับความชั่วร้ายที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ใช่เพราะคลินท์ บาร์ตัน หรือ ฮอว์กอาย ฮีโร่ที่ไม่ออกสื่อของอเวนเจอร์ที่มีอดีตอันดำมืดได้ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่แล้วมันก็ทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันหนีในคืนที่โหดร้ายที่มีศัตรูไล่ล่าพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

เปิดเรื่องโดยการปูตัวละครที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวในซีรีส์อย่าง เคท บิชอป ที่แสดงโดย ไฮลี่ สไตน์ฟิลด์ ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในจักรวาล MCU ที่ค่อย ๆ เล่าชีวิตของตัวละครของเธอและครอบครัวอย่างติดเครื่องช้าไปนิดกับดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ที่แสดงโดย เวร่า ฟามิก้า ลอเรนจิตสัมผัสที่ขอมารับบทคนธรรมดาที่มีอะไรไม่ธรรมดาปิดบังลูกสาวอยู่ ซึ่งต้องไม่แปลกใจเลยว่าไฮลี่ สไตน์ฟิลด์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นเคท บิชอปอย่างไม่มีผิดเพี้ยน การแสดงของเธอที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายอดเยี่ยมถูกใช้แบบไม่ต้องทุ่มอะไรมาก เป็นธรรมชาติ หญิงสาวก๋ากั๋น ขวางโลกและมีอารมณ์ขันแบบฉบับการ์ตูนเวอร์ชั่นคนจริงที่ส่งมาถึงคนดูได้และเป็นตัวละครที่ไม่น่ารำคาญและมีเสน่ห์กว่าที่คิดไว้ ฉากแอ็คชั่นเธอก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างน่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถล้มคนที่ตัวใหญ่ได้

การถ่ายทำที่เหมือนภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์สอดรับกับ เจเรมี่ เรนเนอร์ เจ้าของบทที่เรารู้จักกันดีในบท คลินท์ บาร์ตัน ที่รอบนี้เราได้เห็นความรู้สึกผิดและปิดกั้นตัวเอง แต่ก็มีความตลกขบขันและจิกกัดแบบที่เราอาจจะได้เห็นผ่าน ๆ ในหนังหลายเรื่องแต่เรื่องนี้เขานำพาคลินท์ไปในจุดที่พูดได้เต็มปากว่า น่าสนใจกว่าที่หนังเคยนำเสนอ พร้อมด้วยฉากแอ็คชั่นที่มาเป็นระยะในช่วงก่อนท้ายเรื่อง ด้วยความที่เนื้อเรื่องเดินในช่วงคริสต์มาส เราจึงได้เห็นบรรยากาศของนิวยอร์กในช่วงหิมะตก มีงานเลี้ยงรายล้อมไปทั่วถนน มีละครเวทีที่ล้อเลียนทีมอเวนเจอร์ส พร้อมเพลงประกอบที่เป็นเพลงของวันคริสต์มาส ให้อารมณ์เหมือนซีรีส์ดิสนีย์ที่อยู่ในจักรวาลมาเวลที่ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นความหรรษาได้อย่างไม่เลว แม้จะยังไม่หวือหวาอะไรมากนัก บางช่วงมีเนือย ๆ เมื่อเทียบกับซีรีส์เรื่องก่อน ๆ  ที่ปูความสงสัยและความหวือหวาของเรื่องราว แต่เรื่องนี้จะค่อนข้างผสมระหว่างความเป็นสายลับกับอารมณ์หนังครอบครัว ดูได้สบายเลย

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 2 “Hide and Seek”

หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อคืนก่อน คลินท์ บาร์ตัน ได้สั่งให้เคท บิชอปไปกบดานอยู่ในที่ปลอดภัย ในขณะที่เขานั้นเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อตามหาของบางอย่าง ทำให้เขาได้พบกับเรื่องที่ไม่คาดฝันที่เขาต้องยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้ของสำคัญนั้นมา ในขณะที่เคท บิชอปเริ่มสงสัยว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นจะมาจากคนที่อยู่กับแม่เธอ เธอจึงหาทางพิสูจน์ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องพบความผิดหวังอย่างคาดไม่ถึง เมื่อคนหนึ่งหลบซ่อน อีกคนตามหา ช่วงเวลาแห่งคริสต์มาสที่แสนย้อนแย้งจึงเริ่มต้น ท่ามกลางแผนการร้ายของใครบางคนที่เริ่มคุกคามคลินท์และเคท หลังจากที่พวกเขาได้ไปก่อเรื่องไว้ และดูเหมือนว่าเรื่องที่แย่ที่สุดยังไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดคิดไว้

ตอนสองเมื่อเริ่มเดินเรื่องแล้ว ก็ใช้เสน่ห์ของนักแสดงนำได้อย่างคุ้มค่าผสานกับเรื่องราวที่น่าติดตามขึ้นโดยการหยอดมาทีละเล็กทีละน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เล่าสลับมุมมอง ซึ่งน่าแปลกที่มุมมองของตัวละครสองตัวนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ฉากที่เป็นไฮไลท์เด็ดที่ไม่คิดว่าจะใส่มาคือฉากที่คลินท์ บาร์ตันต้องเอาตัวเข้าไปเล่น LARP หรือการละเล่นบทบาทสมมติเหมือนเกมอาร์พีจีเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง และรีแอ็คชั่นของเจเรมี่กับสภาพแวดล้อมนั้นตลกและชวนหัวเราะมาก คิดแล้วก็อิจฉาที่ต่างประเทศมีคนใส่ใจขนาดใส่ชุดแล้วออกมาเล่นถือดาบ ถือโล่ไล่ฟันตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ เหมือนตอนเราเล่นกับเพื่อนสมัยเด็ก ๆ และซีรีส์ก็แสดงภาพความย้อนแย้งระหว่างนักฆ่าหลากศพที่ต้องมาเล่นเกมผู้ใหญ่แบบจริงจังมันก็เป็นอะไรที่น่าเอ็นดู

ในขณะที่เคท บิชอปกลับเจอดราม่ารุมเร้าทั้งจากแม่ของเธอ และผู้ชายปริศนาที่เข้ามาพัวพัน ในตอนนี้ถือว่าไม่มีแอ็คชั่นอะไรเน้นเล่าเรื่องเป็นหลัก และพาร์ทดราม่าก็ทำได้ดีและไฮลี่ก็เซอร์ไพรส์ผมตลอด หนังเริ่มมีหัวใจมากขึ้นกว่าเดิม เราได้เห็นมุมมองของสองตัวละครนี้ที่ชัดขึ้น ทั้งความเป็นเด็กของคลินท์ บาร์ตันและความเป็นผู้ใหญ่ของเคท บิชอป กระทั่งตอนท้ายที่เปิดเผยตัวละครใหม่ในจักรวาลที่ถูกประกาศแล้วว่าจะมีซีรีส์ภาคแยกในอนาคต ก็ทำให้เป็นที่น่าสนใจแล้วว่าบทบาทของเธอในตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะเอาเข้าจริงมันก็น่าสนใจ แต่ก็ยังธรรมดาผิดคาด อาจเพราะเนื้อเรื่องมีสเกลที่เล็ก ก็ต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีอะไรที่เซอร์ไพรส์อีกมั้ยใน 4 ตอนที่เหลือ

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 3 “Echoes”

เสียงสะท้อนมากมายจากในอดีตดังก้องหัวแม้ แอคโค่ หรือ มายา โลเปซ สาวหูหนวกชาวเม็กซิโกจะไม่ได้ยิน แต่สิ่งที่เธอจำได้ฝังใจ โรนิน คือ เพชฌฆาตที่พรากชีวิตคนที่รักเธอที่สุดในชีวิตไปในเหตุการณ์หลังสิ่งมีชีวิตกว่าครึ่งจักรวาลถูกลบล้างโดยทานอส เธอเฝ้ารอวันที่จะแก้แค้นมาตลอด และในที่สุด เธอก็ได้พบคนที่เกี่ยวข้องกับโรนิน อย่าง ฮอว์กอายและเคท บิชอป เธอต้องการแก้แค้นแม้ว่าคนในแก๊งอันธพาลจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่เมื่อฮอว์กอายและเคท บิชอปหลบหนีออกมาจากการจับตัวได้ เธอจึงออกไล่ล่าเขา ด้วยความหวังที่จะค้นพบความจริงของโรนินและฆ่าเขา ในขณะที่เหยื่อของเธอต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนในแถบชานเมือง และไม่ลงรอยกัน ก่อนทั้งคู่จะต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดจากสมุนของเธอและตัวของเธอเอง แต่หาไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะถลำลึกเข้าสู่ตัวการที่ใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ในมหานครนิวยอร์ก และเล็งเป้าที่พวกเขาอยู่อย่างเงียบงัน

ตอนสามนั้นเราจะได้รู้จักตัวละครที่เปิดตัวในช่วงท้ายอย่างสมเกียรติ อย่างแอคโค่ซึ่งเธอมีความสามารถในการต่อสู้และสง่า สุขุม เราจะได้เห็นการเติบโตของเธอในช่วงต้น และจุดเปลี่ยนที่ดึงเธอเข้าสู่จักรวาล เพราะเธอเองแม้จะเป็นนักฆ่าแต่เธอก็มีหัวใจรักในครอบครัว แต่เมื่อครอบครัวเธอถูกฆ่าชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป แม้จะไม่มีบทพูดใด ๆ แต่อลาควอ คอกซ์ นักแสดงที่หูหนวกจริง ๆ กลับนำเสนอตัวละครมายาได้ชวนน่าติดตาม ทั้งในด้านการแสดงสีหน้าท่าทางและการใช้ภาษามือ ความโดดเด่นในฉากต่อสู้ และเคมีความตลกที่เข้ากับตัวละครอื่น ๆ และทำให้เราสนใจตัวละครนี้ไม่น้อยหน้าตัวละครหลักอย่างเคทและฮอว์กอาย

ตอนนี้จะเป็นแนวคู่หูต่างวัยมหาประลัยที่เน้นแอ็คชั่นและการโต้คารม ไม่ค่อยมีปมเหมือนสองตอนแรก แต่จะเป็นฉากแอ็คชั่นด้วยมุมกล้องสุดเท่ที่นึกถึงกล้องแฮนด์เฮลเสมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ ไหนจะยังไม่ทิ้งตีมคริสต์มาสที่มีเพลงคริสต์มาสดังประกอบ ตัดกับความวุ่นวายของท้องถนนและเสียงตูมตามของรถที่ไล่ตาม ชวนระทึกแต่ก็ขำ ปั่นประสาทกันไปมา เคมีของทั้งคู่เข้าขากันมาก ๆ และทำให้เราได้เห็นความเป็นคลินท์มากกว่าการเป็นนักฆ่าธนู แต่ยังเป็นฮีโร่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เคท บิชอปอย่างชัดเจน ทำให้ตอนนี้เป็นทั้งการขายฉากแอ็คชั่นและอุ่นเครื่อง ก่อนท้ายตอนที่จะเข้าปมหลักสำคัญของเรื่องจริง ๆ สักที

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 4 “Partners, Am I Right?”

หลังการพบกันระหว่างของครอบครัวบิชอปของแจ็ค และ คลินท์ บาร์ตันและเคท บิชอป ค่อย ๆ ผูกสัมพันธ์ต่างวัยอย่างแน่นแฟ้น ท่ามกลางความไม่ชอบมาพากลของครอบครัวของตัวเอง ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะยอมเสียทุกอย่างเพื่อจบเรื่องเลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับ โรนินให้ได้ แต่เรื่องมันไม่ง่ายเพราะทั้งคู่ต้องเจออุปสรรคความแตกต่างทางความคิด หรือแนวทางที่ต่างกันที่ค่อยสร้างรอยแยกในไม่ช้า แต่สามวันก่อนคริสต์มาสภารกิจใหญ่ที่สุดที่พวกเขาคาดไม่ถึงนำพาให้เขาพบกับสหายเก่าและศัตรูเก่าอย่างคาดไม่ถึง คลินท์ บาร์ตันเริ่มคิดคำนึงถึงอดีตที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงาน ร่วมไปถึงคู่หูจำเป็นอย่างบิชอปที่ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากเท่าไหร่ อันตรายถึงตายก็ยิ่งเข้าใกล้พวกเขามากกว่าเดิม จนทำให้ฮอว์กอายต้องตัดสินใจทำบางอย่างกับเคท ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปตลอดกาล

เมื่อใช้เวลาปูเรื่องและความสัมพันธ์คร่าว ๆ ของตัวละครได้เหมาะเจาะ ในที่สุดเนื้อเรื่องก็เดินอย่างเต็มที่ ด้วยปมของครอบครัวเคทที่มาแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ปมปัญหาในใจของฮอว์กอายที่หลอกหลอนเขาหลังสูญเสีย นาตาชา หรือแบล็ค วิโดว์ไป ความกระตือรือร้นของเคทที่จะทำตัวให้เป็นคู่หูและความมั่นใจที่มักทำให้เรื่องปั่นป่วน ทั้งยังได้เห็นความสัมพันธ์น่ารัก ๆ ระหว่างคลินท์ บาร์ตันและเคท บิชอปในเทศกาลคริสต์มาสแบบชิล ๆ พร้อมมุกตลก และจังหวะฮา ๆ ที่มีการหยิบนำเอาองค์ประกอบจากตอนที่สองมาสอดแทรกไม่ให้เรื่องราวนั้นเคร่งเครียดจนเกินไป แต่ก็ยังมีมุมดราม่าเปี่ยมอารมณ์ที่ทำให้เราได้รู้จักตัวละครหลักมากขึ้นอีกด้วย

ไฮไลท์ของตอนนี้คือช่วงยี่สิบนาทีสุดท้ายที่เป็นเรื่องราวแบบสายลับลอบเร้นเข้าไปในสถานที่หนึ่งผสมการปะทะคารมของตัวละครหลักจะกลายเป็นการต่อสู้สุดดุเดือด ของคนสี่คนที่มาทั้งศัตรูเก่า และ ศัตรูเก่าแต่เพิ่งมาใหม่ที่ขอแนะนำให้ไปชม แบล็ค วิโดว์ให้จบถึงจะเข้าใจตัวละครตัวนี้ และมันกลายเป็นฉากการต่อสู้บนดาดฟ้าแบบติดดินที่น่าลุ้นติดตามและเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย แถมด้วยการเฉลยปมสุดพีคและจบเรื่องอย่างไม่ค้างคามาก แต่ก็ทำให้เราอยากติดตามว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป แม้ฟลอเรนซ์ พิว จะออกมาไม่มาก แต่การแสดงสีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยอารมณ์พุ่งพล่าน ก็บ่งบอกเลยว่าตอนหน้าเดือดแน่นอน

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 5 “Ronin”

หลังเหตุการณ์ในแบล็ควิโดว์ 2 ปี และเหตุการณ์ในช่วงท้ายของอเวนเจอร์ มหาสงครามล้างจักรวาล เยเลน่า น้องสาวของนาตาชา แบล็ควิโดว์ไอ้ออกทำภารกิจปลดปล่อยโปรเจกต์ชั่วร้ายที่หลงเหลือไว้ในอดีตก่อนที่เธอจะถูกลบออกจากจักรวาลและกลับมาในปีอก 5 ปี ต่อมาและได้รับรู้ว่าพี่สาวของเธอตายแล้ว ก่อนที่เธอจะได้รับภารกิจให้ออกตามล่าคลินท์ บาร์ตัน เคทได้รับรู้ความจริงอันไม่น่าเชื่อแต่ก็ยังหาทางที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของคนสนิทของแม่เธอ โดยมีแม่อย่างเอเลนอร์เป็นคนคอยสนับสนุน ด้านคลินท์ บาร์ตัน เขาต้องออกหลบภัย ก่อนจะรับรู้ว่าอันตรายครั้งใหญ่กำลังคืบคลานหาคนรอบตัว มันเลยต้องถึงเวลาที่เขาจะกลับมาสวมชุดเจ้าปัญหา และจัดการกับทุกคนที่เข้ามาขวางในฐานะ โรนิน นักฆ่าที่สังหารคนชั่วในเหตุการณ์ช่วงที่จักรวาลยังไม่ได้สิ่งมีชีวิตกลับคืนมา เคทต้องเผชิญหน้ากับอดีตของคลินท์เพื่อช่วยเหลือเขา ก่อนที่ศัตรูจากทุกมุมเมืองและที่คาดไม่ถึงจะเข้าถึงตัวเธอและครอบครัวที่แสนสงบและอบอุ่นของเธอ

ตอนนี้จะเล่าเรื่องผ่านตัวเยเลน่าและทำให้เราได้เห็นมุมมองของเธอที่มีต่อเหตุการณ์ในภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความสับสน ความวุ่นวายและความไม่เข้าใจ ที่ทำให้เธอได้พบเจอกับตัวละครของเคท ซึ่งเคมีของฟลอเรนซ์ พิวซ์ที่การแสดงยอดเยี่ยมและขโมยซีนมาเจอกับไฮลีย์ยิ่งทำให้ฉากของทั้งคู่มีเสน่ห์ แต่ไม่วายที่วางความดราม่าที่ทุกตัวละครต้องเผชิญผ่านอดีตของคลินท์ บาร์ตัน ที่ถูกขยี้ให้มากขึ้น พอ ๆ กับความรู้สึกอันเจ็บปวดของการสูญเสียนาตาชา โรมานอฟในการแสดงสุดเศร้าของเขาในฉากหนึ่ง ในขณะที่เราอาจจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเอเลนอร์ที่มีชัดเจนกับลูกสาวมากกว่าตอนไหน ๆ ทำให้เชื่อเธอต้องมีความสำคัญในตอนต่อไป ในขณะที่มายายังคงวนเวียนอยู่กับความแค้นอันไม่มีสิ้นสุด ซึ่งการแสดงสีหน้าท่าทางของเธออย่างไร้คำตอบก็ทำให้เราเข้าใจและแอบขัดใจกับความดื้อด้านของตัวละครนี้นิดหน่อย ก่อนที่ท้ายตอนมันจะขมวดทุกสิ่งที่ผมรอมาได้สักที กับตัวละครลับที่ใครดูซีรีส์มาเวลในเน็ตฟลิกซ์มาจะต้องว้าว

โดยรวมตอนนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย แค่เฉลี่ยบทได้ดีขึ้น ตลกที่มีประปราย และดราม่าที่เข้มข้นไปในทุกตัวละคร แต่ในฉากแอ็คชั่นกลับทำได้สั้นและไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก แถมยังไวเกินไปอีกด้วย ทำให้ความรู้สึกที่เหมือนเรื่องจะเข้มข้นต้องดร็อปลงด้วยโทนเรื่องที่เป็นไปในแนวเบาหน่อย เน้นครอบครัว บรรยากาศของคริสต์มาสที่ไม่เอื้อให้สถานการณ์มันไปได้สุดมากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ที่เข้ากับเทศกาลวันหยุดจริง ๆ ตอนสุดท้ายมันจะลงเอยยังไง จะตื่นเต้นมากกว่านี้มั้ย คงไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจเท่ากับว่า ตัวละครทุกตัวจะมาเคลียร์ปัญหาได้ทันภายในตอนสุดท้ายเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงได้หรือเปล่า

รีวิว HAWKEYE (ฮอว์กอาย) ตอนที่ 6 “So this is Christmas?”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ในที่สุด โฉมหน้าของวายร้ายผู้อยู่เบื้องหลังวุ่นวายทั้งหมดก็เปิดตัว เมื่อคิงพิน จอมอาชญากรรมยักษ์ใหญ่ของนิวยอร์กศัตรูเข้าขนาบจากทุกฟากทั้งเยเลน่า น้องสาวของแบล็ควิโดว์ที่ไม่ล้มเลิกการสังหารคลินท์ มายาที่ยังค้างคาใจกับพฤติกรรมของหัวหน้า และมาเฟียแทร็คสูทที่หวังจะสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องในคืนก่อนวันคริสต์มาส ทั้งคู่จึงต้องปิดจ็อบทุกอย่างภายในคืนนี้ให้ทันก่อนวันคริสต์มาส แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะมีหลายอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย คลินท์ที่ไม่เคยวางแผนมาก่อนก็แทบจะเอาไม่อยู่ จึงเป็นหน้าที่ของเคทที่ต้องเป็นคนโชว์ด้นสดด้วยความสามารถและความซ่าก๋ากั๋นที่เธอมี เพื่อปกป้องคนที่เธอรักและเปิดโปงเหล่าคนชั่วที่เข้าคุกคามพวกเขาให้จนได้ หรือนี่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของฮอวก์อายและคู่หูกัน แล้วนิวยอร์กตอนนี้จะเป็นอย่างไร มันจะเกิดอะไรขึ้นในบทสรุปสุดท้ายของซีรีส์หกตอนนี้

นี่คงเป็นได้เหมือนกับช่วงที่ใกล้จบของหนังเรื่องหนึ่ง และโชคดีที่การเล่าเรื่องของตอนนี้คือเนื้อเน้น ๆ ไม่มีตลกโปกฮา ไม่เล่าตัวละครอื่น แต่ก็สามารถเฉลี่ยบทให้แต่ละตัวมีบทบาทที่สำคัญในทางของตัวเอง พ่วงมาด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่มีความตลกผสมสายลับ ปั่นกันไปมา ซัดกันให้ตายกันไปข้างด้วยวิธีการทำธนูแบบที่เราได้เห็นแล้วว่ามันทำยังไง และฉากที่ถูกเล่าปูมาเป็นระยะ ๆ ในห้าตอนก่อนก็กลายเป็นส่วนเฉลยให้กับตอนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าห้าตอนก่อนเป็นการวางเรื่องให้เรารู้จักตัวละครก็คงจะใช้ เราได้เห็นความหมายของการเสียสละ การเป็นฮีโร่ที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเพื่อปกป้องผู้คน ปมความรู้สึกในใจที่ไปด้วยกันไม่ได้กับการกระทำ หรือแม้แต่ความหมายของคำว่าครอบครัว ด้วยการแสดงของนักแสดงนำทั้งหมดที่พากันปล่อยของเรียกน้ำตา เรียกความตื่นเต้นตั้งแต่ต้นเรื่อง ส่วนตัวละครสมทบก็เข้ามาขโมยซีนสนับสนุนแบบฮา ๆ และคาดไม่ถึง

ตอนนี้ได้ทำการขมวดทุกปมให้จบในองค์เดียว ไม่ว่าจะปมเรื่องฮอว์กอาย และการไว้อาลัยระลึกถึงแบล็ควิโดว์ของเยเลน่า ปมครอบครัวของเคทที่มีมากกว่าที่เห็น ปมของมายาที่เธอหาทางสะสางกับคนใกล้ตัวอย่างคิงพินและคาซี่ คนรักของเธอ ทุกอย่างล้วนไหลลื่นกว่าตอนก่อน ๆ มาก ทำให้ตลอดทั้งตอนเราได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดและไม่มีอะไรค้างคา และสำหรับคนที่กังวลว่าตอนนี้จะสปอยเหตุการณ์อะไรใน สไปเดอร์-แมน: โนเวย์โฮมหรือไม่ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีครับ จบในตัวได้อย่างอบอุ่นสมกับการเป็นซีรีส์ต้อนรับวันคริสต์มาส มีดนตรี มีหิมะ และเซอร์ไพรส์สุด ๆ คือเอนเครดิตที่เป็นของขวัญให้กับแฟนมาร์เวลที่ติดตามซีรีส์มาตลอด ไม่ขอบอกว่าคืออะไร แต่มันช่วยทำให้ซีรีส์นี้อาจจะไม่ได้สนุกในด้านบู๊แหลก แต่มันก็เป็นซีรีส์ที่มีหัวใจ ไว้อาลัย ปล่อยวางและให้อภัย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แม้มันอาจจะมีความรุนแรงบ้าง แต่ถ้าใครได้ติดตาม คุณจะต้องหลงรักเหล่าตัวละครในเรื่องนี้

ชมได้แล้ววันนี้ใน ดิสนีย์พลัส

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!